กมธ.ป.ป.ช.กัดไม่ปล่อย ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ชี้พบฮั้ว บ.ที่ปรึกษาโกง

“ชาญชัย” แจงพบเหตุทุจริต รฟม.ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ พบบริษัทที่ปรึกษาประเมินราคาเกินจริง ปรับจากราคาออกแบบ 1.2 พันล้าน ขึ้นเป็น 1.4 พันล้าน ลั่นตามจิกไม่ปล่อยแน่

เมื่อเวลา10.30 น.นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีการตรวจสอบการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งบริษัท รถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา คือ กลุ่มบริษัท BBML ได้แก่ บริษัท เอเซี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัท แปซิฟิค คอนซัลแตนท์ และ บริษัท โชติจินดา มูเชล คอนซัลแตนท์ จำกัด ทำการออกแบบประกวดราคาแล้วเสร็จเป็นเงินจำนวน 1,200 ล้านบาท

นายชาญชัย กล่าวอีกว่า ซึ่งล่าสุดได้มีการคิดราคาค่าก่อสร้างที่เป็นจริงลดลงมาเหลือ 11,666 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า มีการเปลี่ยนแปลง โดยให้ นายสายันต์ อิ่มสม-สมบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการ ได้ปรับราคาขึ้นเป็น 14,000 บาท ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท BBML ได้มีหนังสือขอปลดตัว นายสายันต์อิ่มสม-สมบูรณ์ เป็น นายอำไพ ภู่ศรีพงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเชียเอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด เข้ามาแทน และเมื่อเข้ามาแล้ว นายอำไพ ได้ไปลงนามสัญญา ยืนยันว่า ราคาเหมาะสมที่บริษัท ช.การช่าง ประมูลได้นั้น คือ ราคา 14,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ทั้งที่ไม่มีอำนาจลงนาม แต่นายสายันต์เห็นว่าไม่ถูกต้องจึงได้ทำหนังสือยื่นกลับไปในวันที่ 26 มี.ค.ว่า นายอำไพ เซ็นลงนามไปนั้นไม่ถูกต้อง และทางคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้ นายอำไพ ทำถูกต้องหรือไม่แต่ทางบริษัท BBML ให้นายสายันต์ ลาป่วยลงวันที่ 26 มี.ค.เพื่อนำมาเป็นหลักฐานว่านายสายันต์ลาป่วยจริง ซึ่งทำให้เห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลในวิธีการทำงาน

นายชาญชัย กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือว่าบริษัทที่ปรึกษาสร้างความเสียหายมา โดยร่วมกับคณะกรรมาธิการประกวดราคาและคณะผู้บริหารของ รฟม.ซึ่งตนเห็นว่าการทุจริตโครงการนี้ประมาณ 6-7 ล้านบาท แต่ยังมีความพยายามที่จะดำเนินการต่อ ซึ่งทางกรรมาธิการต้องการให้บริษัทที่ปรึกษานำตัวเลขที่แท้จริงมาเปิดเผย และการทุจริตครั้งนี้ไม่ว่าใครจะมีอำนาจไปสั่งการ อย่างไรตนจะต้องตรวจสอบให้เรียบร้อย เพราะการประมูลครั้งนี้ต้องเป็นเรื่องจริง เพราะการประมูลครั้งนี้จบสิ้นไปแล้ว รอเพียงทาง องค์กรความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น (ไจก้า) รอการยืนยันแล้วนำเข้า ครม.แต่ก็มีปัญหากฎหมายมาตรา 190 ทั้งนี้ โครงการทั้งหลายไม่มีเจตนาที่จะล้ม แต่เป็นเพราะการทุจริตและกระทำความผิดโดยมิชอบ ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าคืออะไรก็ต้องเปิดเผยให้ทุกฝ่ายรับทราบ เพราะถ้าปล่อยให้มีการทุจริตด้วยเงินจำนวนมหาศาล ตนคิดว่าประเทศนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะดำรงต่อไปได้