กรรมมาธิการ ป.ป.ช.สภา ชี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ส่อทุจริต จ้างบริษัทผู้ก่อสร้างในราคาสูงกว่าราคากลางกว่า 3 พันล้านบาท รวม 3 โครงการก่อสร้างทำรัฐสูญเงินกว่า 7 พันล้านบาท เล็งฟ้อง นายกฯ-ครม.เบรก “โสภณ” เซ็นรับผ่านโครงการ เชื่อเหตุเร่งรัดดำเนินการเป็นเพราะรักษาผลประโยชน์นักการเมืองชุดเก่า
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการตรวจสอบการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ว่า จากการตรวจสอบการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างโครงการยกระดับส่วนตะวันออกนั้นพบว่ามีการดำเนินการส่อทุจริตโดยเจ้าหน้าที่และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ โดยล่าสุดคณะกรรมการบริหารบริษัทรถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) อนุมัติเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ให้บริษัท ช.การช่าง เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ในวงเงิน 14,000 ล้านบาท ทั้งๆที่ราคากลางที่บริษัทที่ปรึกษาประเมินเอาไว้อยู่ที่ 11,166 ล้านบาท โดยในการประมูลครั้งแรกนั้น บริษัท ช.การช่าง ประมูลได้ในราคา 16,724 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันสูงถึง 140 เหรียญต่อบาร์เรลในขณะนั้น และราคาเหล็กก็พุ่งสูงขึ้นด้วย แต่เมื่อราคาน้ำมันและเหล็กลดลง ทางบอร์ดก็ได้ไปเจรจาให้ ช.การช่าง ลดราคาลง แต่ทำได้เพียงแค่ลดลงพันกว่าล้านบาทมาอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็ยังสูงกว่าราคากลางถึง 3 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าผิดสังเกต
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้เท่ากับว่าบอร์ดใหญ่ได้อนุมัติราคาเกินถึง 3 พันล้านบาท ถ้ารวมทั้งโครงการ ซึ่งมี 3 สัญญาอาจจะส่อทุจริตไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท โครงการนี้ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้รับผิดชอบโครงการ คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ในขณะนั้น ซึ่งโครงการนี้ถูกร้องเรียนและป.ป.ช. ก็ได้ชี้มูลแล้วว่ามีความผิด แต่กลับยังกล้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตนจึงได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับนายรัฐมนตรี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ทราบแล้ว ซึ่ง นายกรณ์ เห็นว่า ราคาการดำเนินการในโครงการนี้นั้นยังสูงเกินไป ดังนั้นตนเห็นว่าทางออก คือ จะต้องปรับลดราคาลงมาให้เท่ากับราคากลาง ซึ่งหากยังไม่เปลี่ยนแปลงตนไม่ยอมแน่นอน
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า แม้ว่าบอร์ดจะอนุมัติแล้วแต่ต้องเสนอให้ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เซ็นเพื่อส่งให้เจบิคเซ็นอนุมัติเงินกู้ จากนั้นจึงส่งกลับมาที่ครม.โครงการจึงดำเนินต่อไปได้ ดังนั้น นายโสภณ กับ ครม.ต้องไม่เซ็นอนุมัติ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย 6 - 7 พันล้านบาท และทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้แน่นอน ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมาธิการในวันที่ 30 เม.ย.ที่ประชุมจะเชิญผู้เกี่ยวข้องในโครงการนี้มาชี้แจงด้วย
นายชาญชัย กล่าวด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการเร่งรัดการดำเนินการโครงการนี้ให้ทันก่อนวันที่ 29 เม.ย.ซึ่งจะมีการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม.คนใหม่ โดยที่บอร์ดแอบลดคุณสมบัติของผู้สมัคร โดยไม่ต้องมีระยะเวลาในการเป็นรองผู้ว่าฯในรัฐวิสากิจ ซึ่งจากเดิมกำหนดไว้ว่าต้องเป็นไม่น้อยกว่า 1 ปี ดังนั้น จึงไปตรงกับคุณสมบัติของรองผู้ว่าฯ รฟม.คนหนึ่งที่ผลักดันโครงการนี้ จนมีการร่ำลือกันว่า บุคคลนี้เป็นคนของอดีต รมว.คมนาคม ด้วย