xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ร่วมประมูลซื้อเกาะฉาว “มอนเตเนโกร” - เอ็นจีโอต้านแจกพาสปอร์ต “นช.” หมกเม็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกาะสเวติ นิโคลา
“ทักษิณ” อวดรวย ร่วมประมูลซื้อเกาะสวรรค์ของ “มอนเตเนโกร” ราคาเริ่มต้นเกือบพันล้านบาท หลังเจ้าของคนเดิมถูกทางการเซอร์เบียล่าตัวฐานค้าบุหรี่เถื่อน ขณะองค์กรเอกชนมอนเตเนโกรออกโรงค้านรัฐบาลให้พาสปอร์ตกิตติมศักดิ์แก่ “นช.แม้ว” โดยไม่โปร่งใส อาจกระทบแผนเข้าร่วมระบบวีซ่าเสรีกับอียู

หนังสือพิมพ์ “เดลี เอ็กซ์เพรส” ของสาธารณรัฐมอนเตเนโกร ประเทศเกิดใหม่ในยุโรปตะวันออก รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีและคำตัดสินจำคุก ได้เข้าร่วมประมูลซื้อเกาะเล็กๆ ชื่อ สเวติ นิโคลา (Sveti Nikola) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองบุดวา เมืองท่องเที่ยวหลักของมอนเตเนโกร ริมทะเลเอเดรียติก ประมาณ 1 กิโลเมตร

เกาะดังกล่าวมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 35 เฮกตาร์ (0.35 ตารางกิโลเมตร) มีชายหาดขนาดใหญ่อยู่ 3 แห่ง และชายหาดเล็กๆ จำนวนมากรอบเกาะ จนได้รับฉายาว่า ฮาวายของมอนเตอเนโกร

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2550 ธนาคารเฟิสต์ แบงก์ ออฟ มอนเตเนโกร ได้นำพื้นที่ราว 37,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นส่วนที่สวยที่สุดออกประมูลขายในราคา 20 ล้านยูโร หรือประมาณ 920 ล้านบาท ซึ่งนายสแตนโก ซูโบติก นักธุรกิจเซอร์เบียได้ซื้อไว้และประกาศจะลงทุนพัฒนาเกาะดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ประกอบด้วยโรงแรม คฤหาสน์ และสิ่งก่อสร้างต่างๆ แต่เขาไม่สามารถทำตามแผนได้ หลังจากทางการเซอร์เบียประกาศจับกุมตัวเขาในข้อหาลักลอบนำเข้าบุหรี่และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศ

ธนาคารเฟิสต์ แบงก์ ออฟ มอนเตเนโกร จึงนำพื้นที่ดังกล่าวออกประกาศขายเมื่อ 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ โดยตั้งราคาไว้ที่ 28 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,288 ล้านบาท แต่ยังไม่มีใครติดต่อซื้อ จึงมีกำหนดเปิดประมูลขายเป้นการทั่วไปอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 23 พ.ค.นี้ โดยกำหนดราคาเริ่มต้นที่ 21 ล้านยูโร หรือ 966 ล้านบาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหนึ่งในผู้สนใจซื้อเกาะดังกล่าวหลังจากได้รับพาสปอร์ตมอนเตเนโกอย่างมีเงื่อนงำ

สำหรับ สาธารณรัฐมอนเตเนโกร เพิ่งแยกตัวเป็นประเทศออกจากเซอร์เบีย จากการลงประชามติเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2006 และได้เอกราชในวันที่ 3 มิ.ย.ในปีเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้ได้รวมตัวกับเซอร์เบียเป็นสาธารณรัฐหนึ่งภายใต้ยูโกสลาเวีย

นอกจากนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 และ 8 พ.ค. เครือข่ายนักพัฒนาเอกชนของมอนเตเนโกร(Network for the Affirmation of the Non-Governmental Sector หรือ Mreža za afirmaciju nevladinog sektora - MANS) โดย นางสาววานยา คาโลวิช (Vanja Ćalović) ผู้อำนวยการบริหาร ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการที่รัฐบาลมอนเตเนโกร มอบสถานะพลเมืองให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาคอร์รัปชันในประเทศไทย เพราะได้สร้างความเสียหายแก่มอนเตเนโกรในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) และการเข้าร่วมระบบวีซ่าเสรีในอียู ซึ่งอียูกำลังจะตัดสินใจว่าจะให้มอนเตเนโกรหรือไม่ในเร็วๆ นี้ รวมทั้งจะกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างมอนเตเนโกรกับตำรวจสากลด้วย

เครือข่ายนักพัฒนาเอกชนยังได้เรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยของมอนเตเนโกร เปิดเผยต่อสาธารณชนถึงเหตุผลและเงื่อนไขในการมอบสถานะพลเมืองและพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และทำการสอบสวนว่าใครเป็นผู้มอบ เพื่อนำบุคคลผู้นั้นมาลงโทษ

นางสาววานยา คาโลวิช ย้ำว่า ผลประโยชน์ส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถูกตัดสินตามกฎหมายไทยว่ามีความผิดในข้อหาคอร์รัปชัน ไม่มีความสำคัญมากไปกว่าผลประโยชน์ของประชาชนที่ต้องการจะรู้ว่าใครสร้างความเสียหายต่อกระบวนการในการเข้าสู่สหภาพยุโรป และต่อการผ่อนคลายเงื่อนไขด้านวีซ่าของมอนเตเนโกร

ต่อมา เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นางสาววานยา คาโลวิช ได้ทำหนังสือถึงเครือข่ายขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ในฐานะที่ MANS เป็นพันธมิตรขององค์กรดังกล่าวซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย โดยหนังสือระบุว่า รัฐมนตรีมหาดไทยของมอนเตเนโกรไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการให้พาสปอร์ตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ยอมรับว่าหมายเลขพาสปอร์ตหมายเลข I38kd3695 ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีการตีพิมพ์ในสื่อ เป็นพาสปอร์ตของมอนเตเนโกร

หนังสือของ MANS ระบุว่า กฎหมายข้อมูลข่าวสารของมอนเตเนโกร บังคับให้หน่วยงานต่างๆ ต้องเปิดเผยข้อมูล แม้จะเป็นความลับ ในกรณีที่มีการละเมิดกฏหมายหรือมีความผิดทางอาญา ดังนั้น ทาง MANS จึงยื่นคำร้องไปยังกระทรวงมหาดไทยให้เปิดเผยข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับสถานะพลเมืองมอนเตเนโกรหรือไม่ และใครเป็นผู้ตัดสินใจ เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนว่า คุณสมบัติของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เข้ากับเกณฑ์การให้สัญชาติตามกฏหมายสิทธิความเป็นพลเมืองของมอนเตเนโกร ซึ่งเรายังคงรอคำตอบอยู่

เครือข่ายนักพัฒนาเอกชนมอนเตเนโกรยังได้จัดแถลงข่าวเพื่อเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยมอนเตเนโกรให้ความสำคัญกับเงื่อนไขการเข้าร่วมวีซ่าเสรีกับอียู ตามที่คณะกรรมาธิการยุโรปให้คำแนะนำ โดยเฉพาะในประเด็นความปลอดภัยและความโปร่งใสในการออกเอกสารทางการ และการให้ความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในการบังคับใช้กฏหมาย ซึ่งในกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเป็นที่สนใจของการทูตในมอนเตเนโกรเป็นอย่างมาก และเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับรัฐบาลด้วย

สำหรับหนังสือของ MANS ได้ขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายความโปร่งใสนานาชาติ เพื่อให้ส่งข้อมูลที่เป็นทางการเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ 2 เรื่อง คือ 1.ข้อมูลที่ทางการไทยได้ขอความช่วยเหลือจากตำรวจสากลในการจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวทางอินเทอร์เน็ต แต่ยังไม่มีข้อมูลดังกล่าวบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของตำรวจสากล และข้อมูลเป็นทางกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินให้จำคุก 2 ปีด้วยข้อหาคอร์รัปชัน รวมทั้งคดีอื่นๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ 2.ทางการไทยได้ติดต่อกับรัฐบาลของมอนเตนิโกรเพื่อขอทราบรายละเอียดกรณีการให้พาสปอร์ตมอนเตเนโกรแก่ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ หรือจะมีการดำเนินการเช่นนั้นหรือไม่



นางสาววานยา คาโลวิช ผู้อำนวยการบริหารเครือข่ายนักพัฒนาเอกชนมอนเตเนโกร
กำลังโหลดความคิดเห็น