เอเยนซีส์ - “อินเทล” โดนอาญาอียู สั่งปรับเงิน 1,450 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 50,700 ล้านบาท) ข้อหาใช้ฐานะครอบงำตลาดของตนไปในทางมิชอบ โดยใช้วิธีเสนอส่วนลดพิเศษเพื่อล่อใจลูกค้าที่เป็นพวกบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ จนทำให้ไม่เกิดการแข่งขันเสรีในตลาดค้าชิปคอมพิวเตอร์ของประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป คาดหมายกันว่าโทษปรับนี้จะเป็นแรงกดดันให้หน่วยงานการค้ายุติธรรมในสหรัฐฯเดินตามการตัดสินครั้งนี้
การตัดสินโทษปรับครั้งนี้ของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป และก็ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสูงสุดเรื่องการแข่งขันภายในอียูด้วย ถือเป็นส่วนหนึ่งของศึก 2 ค่ายชิปยักษ์ใหญ่ นั่นคือ อินเทล กับ เอเอ็มดี (Advanced Micro Devices) นอกจากนั้น เม็ดเงินค่าปรับ 1,450 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,060 ล้านยูโรคราวนี้ ยังเป็นการสั่งปรับครั้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของอียู และสูงกว่าค่าปรับ 497 ล้านเหรียญที่อียูสั่งปรับไมโครซอฟท์ในข้อหาผูกขาดการค้าเมื่อปี 2004 มากนัก
สิ่งที่ทำให้คณะกรรมาธิการยุโรปลงโทษปรับอินเทลเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท คือการพบว่าอินเทลจ่ายเงินและให้ส่วนลดราคาพิเศษ จนทำให้ผู้ผลิตและผู้ค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เลือกใช้เฉพาะชิปจากอินเทลจริงตามที่เอเอ็มดีร้องเรียน โดยอียูพบว่าอินเทลทำผิดกฏหมายตลอดปี 2002 ถึง 2007 เบ็ดเสร็จ 5 ปี แม้เอเอ็มดีจะร้องเรียนประเด็นดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2000
**อินเทลพร้อมอุทธรณ์**
เอเอ็มดีนั้นร้องเรียนต่อทั้งหน่วยงานกำกับดูแลการค้ายุติธรรมในสหรัฐอเมริกาและในสหภาพยุโรป โดยยื่นคำร้องในช่วงปี 2000, 2003 และ 2006 ซึ่งในขณะที่คณะกรรมการเอฟทีซีของสหรัฐฯออกมาระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน คณะกรรมาธิการของอียูได้ตัดสินแล้วว่าอินเทลมีความผิดจริงในตลาดยุโรป อย่างไรก็ตาม อินเทลย้ำชัดเจนแล้วว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของทางยุโรปนี้
นีลี โครส์ หนึ่งในคณะกรรมาธิการยุโรปแถลงว่า อินเทลดำเนินการกำจัดคู่แข่งออกจากตลาดอย่างผิดกฏหมายโดยเจตนา ทำลายการค้ายุติธรรม ส่งให้แรงจูงใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในตลาดลดลง ทำให้ผู้บริโภคทั่วยุโรปเสียประโยชน์
นอกจากค่าปรับ ความผิดทั้งหมดทำให้คณะกรรมาธิการยุโรปออกคำสั่งให้อินเทลเลิกจำหน่ายสินค้าที่ดำเนินการอย่างผิดกฏหมายในยุโรปโดยทันทีแม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่ามีผลิตภัณฑ์รุ่นใดบ้าง
พอล โอเทลินี ซีอีโออินเทลกล่าวว่ารู้สึกงุนงงกับคำสั่งที่ได้รับจากอียู แต่จะยอมทำตามกฏแม้จะตัดสินใจอุทธรณ์เรื่องโทษปรับที่ได้รับ เนื่องจากเชื่อว่าส่วนลดที่อินเทลมีให้กับคู่ค้ารายใหญ่ของอินเทลนั้นเป็นเรื่องถูกกฏหมาย และเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การแข่งขันเท่านั้น แต่บริษัทยังไม่มีกำหนดการอุทธรณ์ที่แน่นอนในขณะนี้
ตรงกันข้ามกับ เดิร์ก เมเยอร์ ซีอีโอเอเอ็มดีที่กล่าวชื่นชมคำตัดสินของอียูว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์ตลาดที่มีการแข่งขันยุติธรรมอย่างแท้จริง โดยเอเอ็มดีจะตั้งตารอในการออกจากโลกที่อินเทลเป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์ในการแข่งขันเอง ไปเป็นโลกอีกโลกที่มีผู้บริโภคเป็นผู้กำหนด
**อาจโดนสองเด้ง**
นักวิเคราะห์เชื่อว่า อินเทลอาจถูกหวยสองเด้งจากการรับโทษจากอียูและเอฟทีซี เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้คณะรัฐบาลโอบามานั้นประกาศชัดเจนว่า จะจัดระเบียบการค้ายุติธรรมให้เกิดขึ้นในสหรัฐฯอย่างเข้มข้นกว่ารัฐบาลบุช เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ให้กับผู้บริโภคทุกคน แต่ขณะนี้ทางเอฟทีซียังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆเกี่ยวกับการตัดสินของอียู
อย่างไรก็ตาม สตีเฟน คินเซลลา ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายการค้าผูกขาดของยุโรปเชื่อว่า การตัดสินโทษครั้งนี้ในที่สุดจะจบลงด้วยการประนีประนอม แม้คณะกรรมาธิการยุโรปจะมีภาพลักษณ์เป็นนักปราบการผูกขาดตลาดที่เข้มงวด
อินเทลและเอเอ็มดีนั้นเป็นคู่แข่งกันมานานในตลาดชิปคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็นส่วนการจำหน่ายให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ และส่วนจำหน่ายปลีกให้ผู้ค้านำไปขายปลีกแก่ผู้บริโภค เบอร์สองอย่างเอเอ็มดีนั้นตั้งข้อสงสัยต่อการครองตลาดของอินเทลทั้งสองส่วน
ส่วนแรก เอเอ็มดีกล่าวหาว่าอินเทลใช้ความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด เสนอส่วนลดมหาศาลให้กับผู้ผลิตพีซีโดยแลกกับการสัญญาว่าจะซื้อเฉพาะชิปอินเทล ส่วนลดดังกล่าวมีมูลค่ามากจนทำให้คำสั่งการผลิตชิปบางส่วนเป็นการผลิตให้ฟรี ผู้ผลิตพีซีที่เอเอ็มดีอ้างว่าอินเทลมีการเสนอส่วนลดพิเศษให้คือเอเซอร์ เดลล์ เอชพี เลอโนโว และเอ็นอีซี
ส่วนที่สอง เอเอ็มดีเชื่อว่าอินเทลมีการจ่ายเงินให้ผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่สัญชาติเยอรมนี แลกกับการสั่งและจัดเก็บสินค้าของอินเทลลงในคลังสินค้าเท่านั้น และให้ผู้ค้าปลีกช่วยเหลือด้วยการประชาสัมพันธ์สินค้าของอินเทลรายเดียว
จุดนี้คินเซลลาอธิบายว่าการให้ส่วนลดนั้นเป็นเรื่องปกติในการค้า แต่จะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอนเมื่อบริษัทที่เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดนำกลยุทธ์นี้มาใช้
การตัดสินโทษปรับครั้งนี้ของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป และก็ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสูงสุดเรื่องการแข่งขันภายในอียูด้วย ถือเป็นส่วนหนึ่งของศึก 2 ค่ายชิปยักษ์ใหญ่ นั่นคือ อินเทล กับ เอเอ็มดี (Advanced Micro Devices) นอกจากนั้น เม็ดเงินค่าปรับ 1,450 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,060 ล้านยูโรคราวนี้ ยังเป็นการสั่งปรับครั้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของอียู และสูงกว่าค่าปรับ 497 ล้านเหรียญที่อียูสั่งปรับไมโครซอฟท์ในข้อหาผูกขาดการค้าเมื่อปี 2004 มากนัก
สิ่งที่ทำให้คณะกรรมาธิการยุโรปลงโทษปรับอินเทลเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท คือการพบว่าอินเทลจ่ายเงินและให้ส่วนลดราคาพิเศษ จนทำให้ผู้ผลิตและผู้ค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เลือกใช้เฉพาะชิปจากอินเทลจริงตามที่เอเอ็มดีร้องเรียน โดยอียูพบว่าอินเทลทำผิดกฏหมายตลอดปี 2002 ถึง 2007 เบ็ดเสร็จ 5 ปี แม้เอเอ็มดีจะร้องเรียนประเด็นดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2000
**อินเทลพร้อมอุทธรณ์**
เอเอ็มดีนั้นร้องเรียนต่อทั้งหน่วยงานกำกับดูแลการค้ายุติธรรมในสหรัฐอเมริกาและในสหภาพยุโรป โดยยื่นคำร้องในช่วงปี 2000, 2003 และ 2006 ซึ่งในขณะที่คณะกรรมการเอฟทีซีของสหรัฐฯออกมาระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน คณะกรรมาธิการของอียูได้ตัดสินแล้วว่าอินเทลมีความผิดจริงในตลาดยุโรป อย่างไรก็ตาม อินเทลย้ำชัดเจนแล้วว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของทางยุโรปนี้
นีลี โครส์ หนึ่งในคณะกรรมาธิการยุโรปแถลงว่า อินเทลดำเนินการกำจัดคู่แข่งออกจากตลาดอย่างผิดกฏหมายโดยเจตนา ทำลายการค้ายุติธรรม ส่งให้แรงจูงใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในตลาดลดลง ทำให้ผู้บริโภคทั่วยุโรปเสียประโยชน์
นอกจากค่าปรับ ความผิดทั้งหมดทำให้คณะกรรมาธิการยุโรปออกคำสั่งให้อินเทลเลิกจำหน่ายสินค้าที่ดำเนินการอย่างผิดกฏหมายในยุโรปโดยทันทีแม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่ามีผลิตภัณฑ์รุ่นใดบ้าง
พอล โอเทลินี ซีอีโออินเทลกล่าวว่ารู้สึกงุนงงกับคำสั่งที่ได้รับจากอียู แต่จะยอมทำตามกฏแม้จะตัดสินใจอุทธรณ์เรื่องโทษปรับที่ได้รับ เนื่องจากเชื่อว่าส่วนลดที่อินเทลมีให้กับคู่ค้ารายใหญ่ของอินเทลนั้นเป็นเรื่องถูกกฏหมาย และเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การแข่งขันเท่านั้น แต่บริษัทยังไม่มีกำหนดการอุทธรณ์ที่แน่นอนในขณะนี้
ตรงกันข้ามกับ เดิร์ก เมเยอร์ ซีอีโอเอเอ็มดีที่กล่าวชื่นชมคำตัดสินของอียูว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์ตลาดที่มีการแข่งขันยุติธรรมอย่างแท้จริง โดยเอเอ็มดีจะตั้งตารอในการออกจากโลกที่อินเทลเป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์ในการแข่งขันเอง ไปเป็นโลกอีกโลกที่มีผู้บริโภคเป็นผู้กำหนด
**อาจโดนสองเด้ง**
นักวิเคราะห์เชื่อว่า อินเทลอาจถูกหวยสองเด้งจากการรับโทษจากอียูและเอฟทีซี เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้คณะรัฐบาลโอบามานั้นประกาศชัดเจนว่า จะจัดระเบียบการค้ายุติธรรมให้เกิดขึ้นในสหรัฐฯอย่างเข้มข้นกว่ารัฐบาลบุช เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ให้กับผู้บริโภคทุกคน แต่ขณะนี้ทางเอฟทีซียังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆเกี่ยวกับการตัดสินของอียู
อย่างไรก็ตาม สตีเฟน คินเซลลา ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายการค้าผูกขาดของยุโรปเชื่อว่า การตัดสินโทษครั้งนี้ในที่สุดจะจบลงด้วยการประนีประนอม แม้คณะกรรมาธิการยุโรปจะมีภาพลักษณ์เป็นนักปราบการผูกขาดตลาดที่เข้มงวด
อินเทลและเอเอ็มดีนั้นเป็นคู่แข่งกันมานานในตลาดชิปคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็นส่วนการจำหน่ายให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ และส่วนจำหน่ายปลีกให้ผู้ค้านำไปขายปลีกแก่ผู้บริโภค เบอร์สองอย่างเอเอ็มดีนั้นตั้งข้อสงสัยต่อการครองตลาดของอินเทลทั้งสองส่วน
ส่วนแรก เอเอ็มดีกล่าวหาว่าอินเทลใช้ความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด เสนอส่วนลดมหาศาลให้กับผู้ผลิตพีซีโดยแลกกับการสัญญาว่าจะซื้อเฉพาะชิปอินเทล ส่วนลดดังกล่าวมีมูลค่ามากจนทำให้คำสั่งการผลิตชิปบางส่วนเป็นการผลิตให้ฟรี ผู้ผลิตพีซีที่เอเอ็มดีอ้างว่าอินเทลมีการเสนอส่วนลดพิเศษให้คือเอเซอร์ เดลล์ เอชพี เลอโนโว และเอ็นอีซี
ส่วนที่สอง เอเอ็มดีเชื่อว่าอินเทลมีการจ่ายเงินให้ผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่สัญชาติเยอรมนี แลกกับการสั่งและจัดเก็บสินค้าของอินเทลลงในคลังสินค้าเท่านั้น และให้ผู้ค้าปลีกช่วยเหลือด้วยการประชาสัมพันธ์สินค้าของอินเทลรายเดียว
จุดนี้คินเซลลาอธิบายว่าการให้ส่วนลดนั้นเป็นเรื่องปกติในการค้า แต่จะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอนเมื่อบริษัทที่เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดนำกลยุทธ์นี้มาใช้