xs
xsm
sm
md
lg

โลกกว้าง ทางแคบ ของทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

จากการแถลงข่าวของกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และข่าวการประสานงานของรัฐบาลกับมิตรประเทศในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาลงโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองนั้น ทำให้ต้องคิดและต้องประเมินสถานการณ์บางประการ

เพราะเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่ 3 รัฐบาลก่อนหน้านี้ไม่เคยมีทีท่าว่าให้ความสนใจในเรื่องนี้เลย

ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคลื่อนไหวในต่างประเทศเพื่อให้มีผลต่อนานาชาติต่อประชาคมโลก และกระทบกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ตามใจชอบ

ดังนั้นเมื่อมีปรากฏการณ์ใหม่เช่นนี้ ก็ต้องพิจารณาดูกันให้ดีว่านี่คืออะไร และจะเป็นผลอย่างไรต่อไป ซึ่งอาจทำให้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองที่จะคลี่คลายไปในวันข้างหน้าได้

หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปพำนักอยู่ในอังกฤษเป็นหลัก และได้ไปลงทุนลงแรงหลายสิ่งหลายอย่างไว้ ณ ดินแดนแห่งนั้น ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ประสานรับกับการเคลื่อนไหวภายในประเทศด้วย

ในระหว่างนั้นก็ได้ใช้ประเทศจีนและฮ่องกงเป็นฐานพักในภูมิภาค เพราะอยู่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด และมีเครือข่ายที่อุปถัมภ์ค้ำชูกันมาจำนวนมาก

หรือบางครั้งก็แวะเวียนเข้าไปที่กรุงดูไบหรือไม่ก็กัมพูชา ซึ่งรู้ๆ กันอยู่ว่ามีประโยชน์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกันในประเทศนั้น

ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างอิสระเสรีเช่นนี้จึงมีพลังมาก และส่งผลมาก และเป็นผลในที่สุดให้พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งเป็นจำนวนมากในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา และนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งประกาศเป็นนอมินี่ก็ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เมื่ออำนาจรัฐอยู่ในมือพรรคพลังประชาชน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงเดินทางกลับประเทศไทยอย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางการต้อนรับขับสู้อย่างอบอุ่นของผู้หวังลาภยศและอามิส

คนไทยได้เห็นปรากฏการณ์คนไทยกราบไหว้แผ่นดินเกิดและเกิดเป็นข่าวฮือฮาลือลั่นสนั่นเมือง ท่ามกลางความระแวงสงสัยของคนไทยจำนวนมากเช่นเดียวกันว่าเป็นการแสดงละครเรียกร้องความสนใจ

เป็นการเดินทางกลับเข้ามาด้วยข้ออ้างว่ามีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่ทันช้าไม่ทันนานก็ปรากฏข่าวการติดสินบนผู้คนในกระบวนการยุติธรรม ด้วยจำนวนเงินเบื้องต้นถึง 2 ล้านบาท แต่เผอิญความแตกและผู้เกี่ยวข้องถูกลงโทษจำคุกฐานละเมิดอำนาจศาล

หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เดินทางออกไปนอกประเทศ และไม่ได้กลับมาเลยจนกระทั่งบัดนี้ โดยหลังจากนั้นไม่นานศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองก็ได้มีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี

สิ่งที่ตามมาคือการประณามศาลและตุลาการว่าถูกบงการให้ตัดสินเช่นนั้น ดังที่ปรากฏวาทกรรมว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยได้ทำให้ยุติความยุติธรรมไปแล้ว และหลังจากนั้นการกล่าวร้ายสถาบันเบื้องสูง องคมนตรี กองทัพ องค์กรอิสระ และใครต่อใครชนิดที่พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย

เป็นการประกาศความเป็นศัตรูกับผู้คนมากหน้าหลายตา จนแทบไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีอดีตเป็นนายกรัฐมนตรีจะมีวุฒิภาวะเท่านี้

การเคลื่อนไหวทางการเมืองจากต่างประเทศเพื่อให้ส่งผลกระทบเข้ามาในประเทศ เพิ่มความรุนแรง และขยายวงกว้างออกไปทุกขณะ จนในที่สุดรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเดิมมีทีท่าว่าอยากจะเจรจาปรองดอง ก็ต้องเดินหน้าบังคับใช้กฎหมาย

จากนั้นการเพิกถอนหนังสือเดินทางทางการทูตก็เกิดขึ้น และต่อมาก็มีการเพิกถอนหนังสือเดินทางทุกชนิดที่รัฐบาลไทยออกให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ก่อนการจลาจลเพลิงในเทศกาลสงกรานต์ ก็ปรากฏเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นอีก คือมีการประกาศทำศึกขั้นแตกหักเพื่อล้มอมาตยาธิปไตย และล้างประเทศไทยเพื่อสร้างประเทศไทยใหม่ มีการระดมคนเสื้อแดงจากทุกสารทิศเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ

แต่ขณะเดียวกัน เหตุการณ์คนในตระกูลชินวัตรจำนวนหลายคนได้เดินทางออกนอกประเทศไทยอย่างเงียบเชียบเกือบจะพร้อมเพรียงกัน ได้ทำให้ผู้คนต้องหันมาสนใจว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย

และแล้วเหตุการณ์ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ทำลายชาติบ้านเมืองอย่างยับเยิน และทำลายผลประโยชน์ของชาติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดฝันว่าคนไทยจะมีจิตใจทำร้ายชาติบ้านเมืองของตนได้ถึงปานนี้

และติดตามมาด้วยการจลาจลเพลิงในเทศกาลสงกรานต์ ที่มีการเผาบ้านเผาเมืองและเตรียมการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประสานกับการเรียกชุมนุมคนเพื่อปิดล้อมศาลากลางจังหวัดในพื้นที่หลายจังหวัด รวมทั้งการปิดการจราจรในหลายพื้นที่

จนรัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และใช้แสนยานุภาพของกองทัพในการระงับความรุนแรงนั้นด้วยวิถีทางสันติ และได้ผลชั้นเลิศ จนเป็นที่ยกย่องเชิดชูสดุดีอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ

หลังจากนั้นก็ปรากฏข่าวการใช้วิถีทางการทูตเพื่อติดตามจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาลงโทษตามคำพิพากษาและหมายจับของศาลออกมาเป็นระลอกๆ และมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นโดยลำดับ

ถึงวันนี้ก็ปรากฏแนวทางการปฏิบัติการที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยโดยการสนับสนุนของชาติมหาอำนาจและประชาคมโลกได้ร่วมมือกันใช้ช่องทางตำรวจสากล ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก เพื่อติดตามจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาลงโทษตามกบิลเมือง

นอกจากนั้น ก็ยังมีการประสานงานกับมิตรประเทศทั้งหลายในโลกให้ช่วยกวดขันดูแลมิให้มีการใช้ดินแดนของประเทศต่างๆ ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เป็นปรปักษ์ต่อราชอาณาจักรไทย และได้รับความร่วมมือด้วยดีจากมิตรประเทศทั่วโลก

ปรากฏการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยกำลังเปิดปฏิบัติการรุกทางด้านสากลร่วมกับบรรดามิตรประเทศทั่วโลกครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาลงโทษตามกบิลเมืองให้จงได้

เพราะเหตุนี้โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลสำหรับมวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย กำลังหดหายและแคบลงทุกทีสำหรับนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดินที่มีชื่อว่าทักษิณ ชินวัตร

ด้านหนึ่ง มิตรประเทศของราชอาณาจักรไทยทั่วโลกได้สนับสนุนรัฐบาลไทย และได้แสดงท่าทีที่ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าไปในประเทศของตน และพร้อมที่จะประสานงานกับตำรวจสากลให้ควบคุมตัวเพื่อให้รัฐบาลไทยรับตัวกลับมาลงโทษในประเทศไทย

อีกด้านหนึ่ง ตำรวจสากลซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกได้ขยายเครือข่ายปฏิบัติการออกควานหาตัวและถิ่นพำนักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างคึกคักและพร้อมปฏิบัติการตามที่รัฐบาลไทยร้องขอ

โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลแต่แคบลงทุกทีนั้น ยังทำให้เส้นทางเดินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตีบลงทุกทีด้วย และยังไม่รู้ว่าจะไปถึงทางตันในวันไหน นี่คือสภาพที่เป็นไปในวันนี้

และเพราะเหตุนี้ สถานการณ์ที่ต้องล่องหนหายตัวจึงเกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะถึงวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่ใดในโลกอันกว้างใหญ่นี้ โดยไม่มีพาสปอร์ตของมาตุภูมิตนเป็นคู่มือในการเดินทางอีกแล้ว

ทำไมรัฐบาลไทยจึงเพิ่งมุ่งเน้นในการปฏิบัติการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาลงโทษเล่า?

แม้ไม่มีถ้อยแถลงใดๆ แต่ก็พอคะเนการณ์ได้ว่าน่าจะมีเหตุผลอยู่ 2 ประการ คือ

ประการแรก รัฐบาลอาจถือว่านี่คือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล และทำให้ความยุติธรรมของบ้านเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์

ประการที่สอง รัฐบาลอาจคิดได้ว่าการซึ่งจะต่อสู้กับความรุนแรงทั้งหลายที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรนี้จะต้องกำจัดต้นเหตุหรือหัวขบวนเสียก่อน ตามคำพังเพยไทยโบราณที่ว่า เมื่อจะปราบโจรก็ต้องจับหัวหน้าโจรเสียก่อน หรือเมื่อจะปราบยุง ก็ต้องทำลายแหล่งกำเนิดยุงเสียก่อน

อา! ผืนพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาล แต่แผ่นดินที่จะพึ่งพาอาศัยกลับหดตัวแคบลงอย่างน่าใจหาย แม้เส้นทางอันกว้างและยาวไกลก็หดแคบและตีบลงทุกที มิรู้ที่จะถึงทางตันในวันไหน? จึงต้องติดตามดูข่าวคราวการเตรียมการด้านเรือนจำไว้ให้ดีว่ามีความคึกคักขึ้นเมื่อใด ก็เมื่อนั้นแหละที่ประเทศไทยอาจจะได้ต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้งหนึ่ง.
กำลังโหลดความคิดเห็น