“อภิสิทธิ์” ยอมรับแกนนำในการชุมนุมมีแผนใช้ความรุนแรง โดยให้ผู้ชุมนุมเป็นเหยื่อ ยันจะไม่ยุบสภาแลกความสงบ ตามข้อเสนอของเสื้อแดง เพราะไม่ใช่ทางออกที่เหมาะต่อบ้านเมือง ระบุเหตุป่วน “พัทยา” ตร.ต้องแก้ไขทบทวนการทำงาน มั่นใจรัฐไม่ใช้ความรุนแรงก่อน ไม่ประมาทมือที่สามลอบวางระเบิดสร้างสถานการณ์นองเลือด
วันนี้ (8 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการรายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ชุมนุมใหญ่ในวันนี้ว่า ยังไม่มีอะไร เข้าใจว่าเป็นช่วงที่เขาทยอยมาชุมนุมกันอยู่ เมื่อคืนที่ผ่านมา (7 เม.ย.) ได้ซักซ้อมทำความเข้าใจกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางรัฐบาล ซึ่งจะดูแลให้ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ขอให้ประชาชนทุกคนเป็นหูเป็นตา หากมีอะไรผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ เชื่อว่าส่วนใหญ่ที่มามีความต้องการแสดงออกอย่างสงบ ขอให้ระมัดระวัง เพราะมีคนบางกลุ่มต้องการให้ความรุนแรงเกิดขึ้น
เมื่อถามว่ามีรายงานหรือไม่ว่าจะมีอะไรเป็นพิเศษ เพราะหลายฝ่ายมองว่าจะเกิดเหตุรุนแรง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวาน มีคนต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่รัฐบาลจะระมัดระวังไม่ให้ใช้ความรุนแรง ถ้าใครทำผิดกฎหมายก็ต้องจับกุม เมื่อถามว่า วานนี้เกิดเหตุหลายอย่างรวมทั้ง มีการจับกุมผู้ที่วางแผนลอบสังหารองคมนตรี จะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ประกาศแตกหักของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญ รัฐบาลไม่ประมาท มีการซักซ้อมความเข้าใจอยู่ตลอดเวลา ขอให้ความมั่นใจเรื่องความเป็นเอกภาพของทุกหน่วยงานในการดูแลความเรียบร้อย
เมื่อถามว่า ในขณะที่ตำรวจในพื้นที่พัทยายังมีปัญหาเรื่องการดูแลรักษาความเรียบร้อย ยังมั่นใจหรือว่ามีความเป็นเอกภาพในหน่วยงานจริง นายอภิสิทธิ์กล่าวยืนยันว่า มีความเป็นเอกภาพ ในบางส่วนที่มีความหละหลวม ก็ต้องแก้ไข ในส่วนพื้นที่พัทยาต้องแก้ไขอย่างแน่นอน เพราะมีการประชุมอาเซียน เมื่อถามว่า คิดว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้ขบวนรถนายกฯติดไฟแดงนานถึงขนาดนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กำลังไปทบทวนดูทั้งหมดว่ามีปัญหาอะไร ส่วนการทำงานวันนี้ ไม่ได้มีเฉพาะตำรวจ เนื่องจากมีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ทางกองทัพ มาเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่พนักงาน ท้องถิ่นก็จะมาช่วย รวมถึงการประสานงานกระทรวงยุติธรรมไว้ ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้อำนาจศาลก็จะทำอย่างเร็วที่สุด
เมื่อถามถึงการเดินทางออกนอกประเทศของตระกูลชินวัตร ทั้งอดีตภรรยาและบุตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่กับเหตุที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการยืนยันแค่ไหน ฝากให้ผู้ชุมนุมคิดว่า มีการเรียกร้องให้ท่านทั้งหลายมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ก็มีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มต้องการให้เกิดความรุนแรง รวมไปถึงคนที่ชักชวนมาเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า นายกฯ ระบุว่าขบวนนายกฯ จะถูกลอบปองร้าย ทราบข่าวนี้มานานหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าตนถูกสอบถามถึงเหตุการณ์เมื่อวาน (7 เม.ย.) ตนก็ได้รับการเตือนเอาไว้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น แต่ไม่ทราบว่าเหตุการณ์ไหนอย่างไร เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเน้นการใช้ความละมุนละม่อมจัดการกับปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวชี้แจงว่า การใช้ความรุนแรงกับการใช้ความละมุนละม่อม ไม่ได้เกี่ยวกับการยอมรับความรุนแรงของอีกฝ่าย ยืนยันว่าใครทำผิดกฎหมายจะต้องจับกุมดำเนินการเด็ดขาด แต่ยืนยันอีกว่ารัฐบาลจะไม่ทำผิดกฎหมาย ให้ความมั่นใจ เพราะมีความพยายามจะพูดว่าหากความรุนแรงเกิดขึ้นเป็น เพราะเกิดจากรัฐบาลไปใช้ความรุนแรงก่อน ตนบอกได้เลยอย่างมั่นใจว่า ไม่มีการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐก่อนโดยเด็ดขาด ขณะเดียวกัน ใครจ่อจลาจล ใครทำผิดกฎหมาย ถูกจับกุมดำเนินคดีโดยเด็ดขาดอย่างแน่นอน มีการวางกล้องเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีเสื้อแดงจะปิดล้อมศาลากลาง ปิดล้อมโรงพัก และสถานที่ราชการนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวาน ก็ต้องทบทวนว่าจริงๆ แล้ว สถานการณ์อย่างนั้นไม่ควรจะเกิดขึ้น สำหรับตนไม่เป็นไร ที่ห่วง คือประชาชน ไม่อยากให้ประชาชนกับเจ้าหน้าที่มีปัญหากัน เมื่อถามว่า มีการประเมินตัวเลขของกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าให้พูดออกไปเลย เพราะว่าเป็นเงื่อนไขให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปพูดบนเวที เมื่อถามว่าจะเป็นไปตามที่ทาง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบ.ชน. ประเมินไว้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงจะใกล้เคียงกับที่หลายฝ่ายประเมินกัน
“เขาไม่มีสิทธิ์ทำผิดกฎหมาย ถ้าคุณบอกว่าจะใช้ความรุนแรง คุณไม่ใช่ประชาธิปไตย ถ้าคุณเรียกร้องประชาธิปไตย คุณต้องใช้หลักประชาธิปไตย รัฐบาลจะไม่ยุบสภา เพราะมีคนมาทำผิดกฎหมาย รัฐบาลจะยุบสภาก็ต่อเมื่อเป็นทางออกที่เหมาะสมสำหรับบ้านเมือง ถ้าใช้ความรุนแรง จะไม่ยุบสภา แต่จะจัดการกับความรุนแรง แต่ถ้าเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วมาปรึกษาหารือ พูดคุยทำความเข้าใจในกระบวนการปฏิรูปการเมืองเหมือนกัน อย่างนี้เป็นไปได้ แต่ถ้าจะมาใช้ความรุนแรงข่มขู่ให้รัฐบาลยุบสภา ไม่ทำ รัฐบาลจะไม่ยอมให้คนทำผิดกฎหมาย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าจะจัดการกับตำรวจหรือไม่หากตรวจสอบพบว่าไปสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แน่นอน หากตำรวจไม่ปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมาย ก็เท่ากับตำรวจทำผิดกฎหมาย ตำรวจไม่มีสิทธิอยู่เหนือกฎหมาย เมื่อถามว่า บุคคลสำคัญมีความจำเป็นต้องวางมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีแน่นอน เมื่อวันจันทร์ที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการประชุมพูดคุยกัน ส่วนข่าวต่างๆ เบาะแสต่างๆที่ได้รับ มีการตอบสนองดูแลอยู่
เมื่อถามว่า ช่วง 3 วันนี้ถือเป็นช่วง 3 วันอันตรายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือว่ามีความเสี่ยงในการชุมนุมในคนหมู่มาก แต่ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ ซึ่งจะดูแลไม่ให้มีอะไรที่ลุกลามออกไป เมื่อถามอีกว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะมีมือที่ 3 เข้ามาวางระเบิดต่อกลุ่มผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนนึกไม่ออกว่ามือที่ 3 มาจากไหน มีแต่มือที่ 1 และมือที่ 2 แต่รัฐบาลไม่มี
เมื่อถามว่ามีการลอบทำร้ายนายกฯทำไมถึงไม่เปลี่ยนไปใช้รถยนต์กันกระสุน นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ ตนยังเชื่อว่าตนยังปลอดภัยอยู่ ส่วนข่าวที่เกิดขึ้นไม่มีผลต่อผู้นำ ในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งตนได้สอบถามกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีนั้น ซึ่งทางศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้คุ้มกันนายกรัฐมนตรีกันตามปกติ มีจำนวนเจ้าหน้าที่แบ่งชุดกันเหมือนเช่นเดิม คือ ทีมล่วงหน้า และทีมติดตามนายกฯ ทีมละ 15 คน ส่วนการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอารักษขานั้น เป็นไปด้วยความเข้มงวดตลอดเส้นทางที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไป ซึ่งมีการประสานงานผ่านวิทยุสื่อสารกันเป็นระยะ อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้รวมตัวกันบริเวณหน้าห้างเทสโก้ โลตัส จรัญสนิทวงศ์ นั่งรถ 6 ล้อเตรียมไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ได้มาป่วนหน้า บริเวณหน้าพิธีปล่อยขบวนรถคารานวานรณรงค์ลดอุบัติเหตุ “สงกรานต์นี้ปลอดเหล้า ปลอดภัย” ที่หน้าโรงแรมริเวอร์ไซด์ บริเวณสะพานซังฮี้ และงานรับฟังความคิดเห็น เรื่อง “บำนาญทางสังคมเพื่อผู้สูงอายุไทยถ้วนหน้าและยั่งยืน” ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกท และบริเวณ หน้าศูนย์สิริกิตต์ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจซึ่งไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงแต่อย่างใด