พรรคประชาธิปัตย์ รอดตัว กกต.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องกรณีถูกร้องฮั้วเลือกตั้ง ไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งในพื้นที่พรรคร่วมรัฐบาล ชี้ เทียบข้อมูลเลือกตั้งครั้งก่อนพบได้รับคะแนนน้อย ทำให้ไม่ส่งผู้สมัครลง ระบุถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่เข้าข่ายทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือกระทำการให้ได้มา ซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่อัยการสูงสุดก็มีคำสั่งไม่ส่งฟ้องยุบพรรคเช่นกัน
วันนี้ (7 พ.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังการประชุมว่า กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยกคำร้องตามที่คณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นายวัชรพล โรจนวรวัฒน์ และ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า มีเจตนาไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2552 ในพื้นที่ทับซ้อนกับพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และการนำผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทำให้การได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและขัดต่อคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่า ในประเด็นที่กล่าวหาว่านำผู้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองมายุ่งเกี่ยวทางการเมืองนั้น กกต.ได้เคยมีมติให้ยุติเรื่องไปแล้ว เพราะเห็นว่าการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีการวินิจฉัยในประเด็นนี้อีก
ส่วนเรื่องการไม่ผู้สมัครลงเลือกตั้งในพื้นที่ทับซ้อนกับพรรคร่วมรัฐบาลนั้น อนุกรรมการได้นำฐานข้อมูลการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2548 และ 23 ธ.ค.2550 มาเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งซ่อม 11 ม.ค.2552 สรุปได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ เคยส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่พรรคร่วมรัฐบาลด้วย เช่น ในพื้นที่เขต 1 ของจังหวัดนครปฐม ปทุมธานี สิงห์บุรี ราชบุรี ลำปาง และสมุทรปราการ เขต 2 ของจังหวัดสระบุรี และเขต 10 ของ กทม.เพราะเห็นว่า เป็นเขตที่ผู้สมัครของพรรคเคยได้รับคะแนนเสียงใกล้เคียงกับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง ส่วนเขตเลือกตั้งอื่นที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งทั้งที่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 50 พรรคเคยส่งนั้น เนื่องจากเห็นว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ผู้สมัครของพรรคได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนที่น้อยกว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งกว่า 10 เท่าตัว ทางพรรคจึงพิจารณาไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดังกล่าว เพราะจะเป็นการเสียเงินในการลงเลือกตั้งไปโดยเปล่าประโยชน์
“จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ทางคณะกรรมการจึงเห็นว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 11 ม.ค.2552 ในบางพื้นที่ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 95 วรรค 2 และการกระทำดังกล่าวไม่ได้ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับผลประโยชน์อื่นใดอันก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองอื่น รวมทั้งไม่ได้ทำให้การเลือกตั้งซ่อมดังกล่าวไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรมแต่อย่างใด จึงให้ยกคำร้อง” เลขาฯ กกต.กล่าว
นายสุทธิพลยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ทางเลขานุการของคณะกรรมการไต่สวน ยังได้นำเสนอ กกต.ถึงหนังสือของอัยการสูงสุดที่แจ้งต่อนายเรืองไกร กรณีที่นายเรืองไกรขอให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เลิกกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68, 237, 238 และ พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 94, 95, 98, 103, 110, 111 และขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เข้าข่ายกระทำการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอันเป็นการต้องห้ามกระทำมิได้ตามมาตรา 68 ที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่องดังกล่าว