xs
xsm
sm
md
lg

กกต.มติเอกฉันท์ยกคำร้อง “บุญจง” แจกเงินแนบนามบัตรชี้ไม่ผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย
กกต.ฟอก “บุญจง” ขาวจัวะมีมติเอกฉันท์ แจกเงินของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ พร้อมแนบนามบัตรติดผ้าห่มไม่ผิด อ้างเป็นความคิดนายอำเภอโชคชัย แถมผู้ว่าฯอนุมัติโครงการก่อนเจ้าตัวรับตำแหน่ง ชี้ เพิ่งเลือกตั้งเสร็จ จึงไม่เข้าข่ายซื้อเสียงล่วงหน้า

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงภายหลังการประชุมว่า กกต.มีมติเอกฉันท์ เห็นตามที่อนุกรรมการไต่สวนเสนอให้ยกคำร้องกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และนายคารม พลทะกลาง ร้องขอให้ กกต.สอบ นายุบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มท.กระทำการมอบเงินสงเคราะห์ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และผ้าห่มให้กับราษฎรที่มีรายได้น้อย โดยใช้บ้านพักใน จ.นครราชสีมา เป็นสถานที่จัดมอบ โดยเห็นว่า 1.ไม่ปรากฏหลักฐาน เหตุผลเพียงที่ นายบุญจง ใช้ตำแหน่ง ส.ส.และตำแหน่ง รมช.มท.เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อประโยชน์ของตน ของผู้อื่น ของพรรคการเมือง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266 (1) 268 ซึ่งมีผลทำให้สมาชิกสภาพการเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงเฉพาะบุคคลตามมาตรา 106 (6) และความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามารตรา 182 (7) เพราะคณะกรรมการไต่สวนเห็นว่าการจัดสรรงบประมาณของกระทรวง พม.เพื่อเป็นเงินอุดหนุนให้ผู้มีรายได้น้อยเป็นการปฏิบัติราชการตามปกติอยู่แล้ว และจากการไต่สวนไม่ปรากฏหลักฐาน ข้อเท็จจริงว่า นายบุญจง ใช้สถานะตำแหน่งเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงข้าราชการประจำในการจัดสรร หรือพิจารณาอนุมัติเงินดังกล่าว

อีกทั้ง นายบุญจง ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.มท.เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2551 ขณะที่ผู้ว่าฯนครราชสีมาได้อนุมัติโครงการนี้เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2551 ส่วนกรณีการใช้บ้านพัก นายบุญจง เป็นสถานที่แจกนั้น จากการสอบสวนครั้งแรก พบว่า ได้มีการจัดเตรียมหอประชุมที่ว่าการอำเภอโชคชัยไว้ในวันที่ 24 ม.ค.2552 ซึ่งเป็นวันที่ รมว.มท.และคณะจะมาตรวจราชการในวันดังกล่าว ทำให้ไม่ว่าง ประกอบกับกลุ่มแม่บ้านซ้อมรำบวงสรวงท้าวสุรนารี และคาดว่า วันดังกล่าวประชาชนจะเดินทางมาแสดงความยินดีกับ นายบุญจง ที่เพิ่งรับตำแหน่ง รมช.มท.จำนวนมาก ทำให้นายอำเภอโชคชัย ซึ่งเป็นพยานชี้แจงว่า กรณีทำให้ต้องจัดหาสถานที่ใหม่ และที่เลือกบ้านพักของนายบุญจง เป็นการตัดสินใจของตนเอง เพราะเมื่อถึงประโยชน์ของประชาชนในการเดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอโชคชัย กับบ้านของบุญจงแล้ว บ้านนายบุญจงมีระยะทางที่ใกล้กว่า การเลือกสถานที่ดังกล่าวนายบุญจงจึงไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือสั่งการ อีกทั้งระเบียบว่าด้วยการสงเคราะห์ของกรมประชาสงเคราะห์ไม่ได้กำหนดสถานที่การจ่ายเงินเป็นการเฉพาะ โดยให้เป็นความสะดวกของเจ้าหน้าที่และประชาชน เพียงแต่ให้การจ่ายจะต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล

ส่วนกรณีการแนบนามบัตร คณะกรรมการ เห็นว่า ไม่อาจฟังได้ว่า นายบุญจง แนบนามบัตรของตนไปพร้อมกับผ้าห่มและเงิน และไม่อาจฟังได้ว่าทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเงินดังกล่าวเป็ฯของนายบุญจง หรือใช้อำนาจหน้าที่ของตนจัดสรรเงินมาให้ประชาชน ซึ่งผ้าห่มที่แจก ที่นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.เพื่อไทย อ้างว่า เป็นของทางราชการเพราะได้มีรถปิคอัพขนผ้าห่มดังกล่าวเข้ามาในบ้านพัก นายบุญจง จากการสอบสวน นายบุญจง ชี้แจงว่า ผ้าห่มที่นำไปแจกได้จัดซื้อจากราษฎร ต.บ้านหนองยาลัด โดยอ้างสำเนาภาพถ่าย รวมทั้งสำเนาบิลเงินสด ข้อเท็จจริงจึงน่าเชื่อว่าผ้าห่มที่แจกพร้อมเงินสงเคราะห์ นายบุญจง ใช้เงินส่วนตัวจัดหามาไม่ได้เป็นผ้าห่มของทางราชการตามที่มีการกล่าวอ้าง ซึ่งกรณีนี้ยังไม่อาจถือว่าเป็นการแจกทรัพย์สินที่เข้าข่ายจูงใจเพื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้ตนตามมาตรา 53 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.เพราะขณะนั้นการเลือกตั้งเพิ่งจะเสร็จสิ้นไป และยังไม่มีการประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่

“การแจกผ้าห่มโดยใช้เงินซื้อมาจึงเป็นสิทธิที่สามารถดำเนินการได้เองโดยไม่จำเป็นต้องใช้สถานะ ส.ส.หรือ รมช.จึงถือว่าไม่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของราชการแต่อย่างใด”

นายสุทธิพล ยังกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ 2 กกต.เห็นว่า ไม่ปรากฏว่า นายบุญจง กระทำการใดเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 22 อันเป็นความผิดตามาตรา 109 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง 50 ตามที่มีการกล่าวหา เพราะจากการไต่สวนไม่มีพยานยืนยันว่านายบุญจงได้มีการพูดในลักษณะจูงใจให้ราษฎรที่มารับเงินสมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ที่ นายบุญจง เป็นผู้บริหาร โดยคณะกรรมการไต่สวนได้ตรวจสอบซีดีหลักฐานที่ผู้ร้องนำมามอบให้แล้วไม่ปรากฏภาพ เสียง หรือแผ่นป้ายชื่อของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนามบัตรของนายบุญจงที่แจกแม้จะระบุตำแหน่ง ส.ส.แต่ก็ไม่มีชื่อพรรคภูมิใจไทย ประกอบกับคณะกรรมการได้ขอรายชื่อการสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยจากด้านกิจการพรรคการเมือง ก็ไม่ปรากฏชื่อราษฎรที่มารับเงินสงเคราะห์สมัครเข้าเป็นสมาชิกแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นที่ 3 กกต.เห็นว่า นายบุญจง ไม่ได้กระทำการใดอันเป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับตนเองหรือผู้สมัครอื่นใด พรรคการเมืองใด ที่จะถือว่าเป็นการเข้าข่ายความผิดมาตรา 53 และไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่อันเป็นการให้คุณให้โทษเพื่อประโยชน์เลือกตั้งที่เข้าข่ายผิดมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.เนื่องจากจากการไต่สวน ไม่มีพยานใดยืนยันว่านายบุญจงได้พูดหรือกระทำการใดให้ราษฎรที่มารับเงิน หรือบุคคลใดที่มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับตนเอง ผู้สมัครคนใดหรือพรรคการเมืองใด นอกจากนี้ วันเวลาที่มีการมอบเงินก็ยังไม่มีการประกาศของกกต.ให้มีการเลือกตั้งส.ส. หรือการเลือกตั้งใด การให้สิ่งของของนายบุญจงจึงไม่เข้าข่ายความผิดดังกล่าว

เมื่อถามว่า มติดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานให้ ส.ส.สามารถแจกของที่บ้านตัวเองได้ใช่หรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไป ซึ่งการเลือกที่จะแจกของที่บ้านของนายบุญจง เป็นการพิจารณาเรื่องความสะดวกมากกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องพิจารณาข้อกฎหมายเป็นหลัก เพราะมีการร้องว่า นายบุญจง ใช้ตำแหน่งที่หน้าที่เข้าไปก้าวก่ายการปฏิบัติราชการ แต่การจะดูว่าผิดหรือไม่ ก็ต้องดูข้อเท็จจริงประกอบ ซึ่งข้อเท็จจริงที่นำสืบมาถ้าไม่ได้ว่าเขาผิด เราก็จะไปเอาผิดเขาไมได้
กำลังโหลดความคิดเห็น