จากกรณี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นำเงินงบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แนบนามบัตรของตัวเอง ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนใน จ.นครราชสีมา คนละ 500 บาท ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะเป็นการทำผิดกฎหมาย ในลักษณะซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่ามีพฤติกรรมอย่างไร เพียงทราบจากสื่อเท่านั้น แต่หากผู้ใดคิดว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อหน้าที่ของส.ส. ก็สามารถเข้าชื่อร้องต่อประธานสภา เพื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ โดยใช้จำนวนส.ส. 1 ใน10 ของสภา
"ในส่วนของกกต.ยังไม่มีผู้ใดร้องเรียนเข้ามา ขณะนี้ทราบจากข่าวที่ออกมาเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีหลักฐานที่มีน้ำหนักพอสมควร ไม่ใช่ฟังจากข่าวแล้วดำเนินการได้เลย ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่า จงใจไปเล่นงานเขา แต่ก็ไม่อยากให้มองว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า เพราะขณะนี้พ้นจากการเลือกตั้งไปแล้ว เท่าที่ฟังน่าจะเป็นเรื่องการกระทำที่ขัดต่อหน้าที่มากกว่า"
ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นต้องดูว่า ส.ส.เข้าไปทำในลักษณะที่เป็นงานของข้าราชการประจำ หรือไม่ เช่น การไปแจกสิ่งของ ซึ่งหากเป็นรัฐมนตรี และไปเกี่ยวข้องหรือก้าวก่ายงานของข้าราชการประจำ ต้องดูว่า เขาไปในฐานะอะไร ซึ่งถ้าเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 ก็ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ในส่วนของความเป็นรัฐมนตรี หรือส.ส.ว่าต้องสิ้นสุดลงหรือไม่
สำหรับรัฐธรรมนูญมาตรา 266 ระบุว่า ส.ส.และส.ว. ต้องไม่ใช้สถานะ หรือตำแหน่งการเป็นส.ส.หรือ ส.ว. เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซง เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
**"สุเทพ"ลั่นใครข้องใจให้ยื่นตีความ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายบุญจงได้เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ไปแจกผ้าห่ม ได้พบรถของหน่วยงานพัฒนาสังคม ที่ช่วยคนพิการ คนด้อยโอกาส ก็มีกำหนดที่จะแจกของเหมือนกัน ก็เลยไปแจกงานเดียวกัน โดยไม่ได้ใช้เงินส่วนตัว เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่อย่างที่มีการตั้งข้อสังเกต
ส่วนที่มีการแจกนามบัตรนั้น นายบุญจง เป็นผู้แทนราษฏร เมื่อไปในพื้นที่ประชาชนก็มาขอนามบัตร ก็ให้นามบัตรที่มีเบอร์ติดต่อได้ มันเป็นคนละส่วนกัน ก็เอาสองเรื่องมารวมกันก็เลยแปลกไป ซึ่งเรื่องนี้มันอยู่ที่เจตนา อยู่ที่ความเป็นจริง
"ผมมีคนมาขอนามบัตรทุกวัน บางทีประชาชนก็อยากจะขอนามบัตรเราไว้ใช้สอย เราเป็นคนในรัฐบาล เป็นนักการเมืองก็เป็นเรื่องปกติ ผมเองก็มีคนมาขอนามบัตร มากมาย ก็แจกไป" นาายสุเทพกล่าว เมื่อถามว่า แต่ปัญหาจะทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่า นายบุญจง เอาเงินไปแจก นายสุเทพ กล่าวว่า ชาวบ้านเข้าใจดีว่ากว่าที่สื่อคิด ตนขอย้ำว่านายบุญจง ไปแจกของในงานที่เป็นตัวเทนของรัฐ แล้วมีคนมาขอนามบัตร ไม่ใช่เอานามบัตรของตัวเองใส่ไว้ในถุง หรือเย็บติดกับเงินไป มันคนละอย่าง ส่วนข่าวที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ก็ให้มีการตรวจสอบ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ฟังจากข่าว และจากนายบุญจง
"ไม่คิดว่าจะมีปัญหา รัฐบาลที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ ยึดถือความถูกต้อง เมื่อไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการ"
เมื่อถามว่าจะการันตีความบริสุทธิ์ ของนายบุญจงได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะไปการัณตีความบริสุทธิ์ได้อย่างไร ให้นายบุญจง การันตีตัวเอง ตนเล่าให้ฟังเท่าที่นายบุญจง เล่าให้ฟัง และไม่ติดใจ แต่ถ้ามีใครติดใจ ก็ส่งไปให้ฝ่ายที่มีหน้าที่วินิจฉัย หรือจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ได้
**ฝ่ายค้านยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 27 ม.ค. ตนจะไปยื่นหนังสือต่อป.ป.ช. ให้ตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะเงินที่แจกเป็นงบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ทั้งๆที่เป็นหน้าที่ของ พมจ. รองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเสนอหน้าไปแจกได้ แบบนี้เข้าข่ายซื้อเสียง หาเสียงล่วงหน้า เบื้องต้นจะไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลเหลิงอำนาจ ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ได้
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่ามีพฤติกรรมอย่างไร เพียงทราบจากสื่อเท่านั้น แต่หากผู้ใดคิดว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อหน้าที่ของส.ส. ก็สามารถเข้าชื่อร้องต่อประธานสภา เพื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ โดยใช้จำนวนส.ส. 1 ใน10 ของสภา
"ในส่วนของกกต.ยังไม่มีผู้ใดร้องเรียนเข้ามา ขณะนี้ทราบจากข่าวที่ออกมาเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีหลักฐานที่มีน้ำหนักพอสมควร ไม่ใช่ฟังจากข่าวแล้วดำเนินการได้เลย ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่า จงใจไปเล่นงานเขา แต่ก็ไม่อยากให้มองว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า เพราะขณะนี้พ้นจากการเลือกตั้งไปแล้ว เท่าที่ฟังน่าจะเป็นเรื่องการกระทำที่ขัดต่อหน้าที่มากกว่า"
ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นต้องดูว่า ส.ส.เข้าไปทำในลักษณะที่เป็นงานของข้าราชการประจำ หรือไม่ เช่น การไปแจกสิ่งของ ซึ่งหากเป็นรัฐมนตรี และไปเกี่ยวข้องหรือก้าวก่ายงานของข้าราชการประจำ ต้องดูว่า เขาไปในฐานะอะไร ซึ่งถ้าเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 ก็ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ในส่วนของความเป็นรัฐมนตรี หรือส.ส.ว่าต้องสิ้นสุดลงหรือไม่
สำหรับรัฐธรรมนูญมาตรา 266 ระบุว่า ส.ส.และส.ว. ต้องไม่ใช้สถานะ หรือตำแหน่งการเป็นส.ส.หรือ ส.ว. เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซง เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
**"สุเทพ"ลั่นใครข้องใจให้ยื่นตีความ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายบุญจงได้เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ไปแจกผ้าห่ม ได้พบรถของหน่วยงานพัฒนาสังคม ที่ช่วยคนพิการ คนด้อยโอกาส ก็มีกำหนดที่จะแจกของเหมือนกัน ก็เลยไปแจกงานเดียวกัน โดยไม่ได้ใช้เงินส่วนตัว เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่อย่างที่มีการตั้งข้อสังเกต
ส่วนที่มีการแจกนามบัตรนั้น นายบุญจง เป็นผู้แทนราษฏร เมื่อไปในพื้นที่ประชาชนก็มาขอนามบัตร ก็ให้นามบัตรที่มีเบอร์ติดต่อได้ มันเป็นคนละส่วนกัน ก็เอาสองเรื่องมารวมกันก็เลยแปลกไป ซึ่งเรื่องนี้มันอยู่ที่เจตนา อยู่ที่ความเป็นจริง
"ผมมีคนมาขอนามบัตรทุกวัน บางทีประชาชนก็อยากจะขอนามบัตรเราไว้ใช้สอย เราเป็นคนในรัฐบาล เป็นนักการเมืองก็เป็นเรื่องปกติ ผมเองก็มีคนมาขอนามบัตร มากมาย ก็แจกไป" นาายสุเทพกล่าว เมื่อถามว่า แต่ปัญหาจะทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่า นายบุญจง เอาเงินไปแจก นายสุเทพ กล่าวว่า ชาวบ้านเข้าใจดีว่ากว่าที่สื่อคิด ตนขอย้ำว่านายบุญจง ไปแจกของในงานที่เป็นตัวเทนของรัฐ แล้วมีคนมาขอนามบัตร ไม่ใช่เอานามบัตรของตัวเองใส่ไว้ในถุง หรือเย็บติดกับเงินไป มันคนละอย่าง ส่วนข่าวที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ก็ให้มีการตรวจสอบ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ฟังจากข่าว และจากนายบุญจง
"ไม่คิดว่าจะมีปัญหา รัฐบาลที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ ยึดถือความถูกต้อง เมื่อไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการ"
เมื่อถามว่าจะการันตีความบริสุทธิ์ ของนายบุญจงได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะไปการัณตีความบริสุทธิ์ได้อย่างไร ให้นายบุญจง การันตีตัวเอง ตนเล่าให้ฟังเท่าที่นายบุญจง เล่าให้ฟัง และไม่ติดใจ แต่ถ้ามีใครติดใจ ก็ส่งไปให้ฝ่ายที่มีหน้าที่วินิจฉัย หรือจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ได้
**ฝ่ายค้านยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 27 ม.ค. ตนจะไปยื่นหนังสือต่อป.ป.ช. ให้ตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะเงินที่แจกเป็นงบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ทั้งๆที่เป็นหน้าที่ของ พมจ. รองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเสนอหน้าไปแจกได้ แบบนี้เข้าข่ายซื้อเสียง หาเสียงล่วงหน้า เบื้องต้นจะไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลเหลิงอำนาจ ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ได้