“เสธ.แดง” แก้ต่างให้ “บิ๊กป๊อก” อ้างกระสุนเอ็ม 16 ที่ยิง “สนธิ” ไม่ใช่ของกองทัพ เหตุไม่มีซีเรียลยัมเบอร์ คาด ผบ.ทบ.ได้รับข้อมูลผิดพลาด หลงยอมรับเป็นของ พล.ร.9 โบ้ย ตร.เร่งปิดคดีจึงเตะให้กองทัพรับผิดชอบ อ้างอีก"สนธิ"มีศัตรูกำลังทำลายล้างสูงหลายคน ไม่เว้นพระพยอมที่มีลูกศิษย์เป็นโจร แต่ยืนยันมือปืนไม่ใช่นักรบโรนินและไม่ใช่มืออาชีพ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 เม.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ยอมรับว่า กระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 3 นัด ที่ใช้ยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นกระสุนของกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ว่า เรื่องกระสุนปืนที่ใช้ยิงนายสนธิอาจจะเกิดการเข้าใจผิด ตนจึงขอชี้แจงเสริมจาก ผบ.ทบ. เพราะประชาชนนึกว่าผู้บัญชาการทหารบกยอมรับว่า กระสุนที่ใช้ยิงเป็นของทหาร แต่ความจริงไม่ใช่และอาจเกิดการเข้าใจผิด ทั้งนี้กระสุนที่ประทับตัวอักษร RTA ที่แจกจ่ายทั้งกองทัพ จะมีซีเรียลนัมเบอร์ บอกปีที่ผลิตไว้ ซึ่งทำมา 5 ปีแล้ว เพื่อกันกระสุนรั่วไหล แต่ช่วง 5 ปีหลังกระสุนรั่วไหลเยอะ และกระสุนที่กรมสรรพาวุธทหารบกผลิตเองจะมีซีเรียลนัมเบอร์ไว้ที่ข้างปลอก ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวบอกว่าเป็นกระสุนของกองทัพภาคที่ 1 และหากแจกจ่ายให้กับ พล.ร. 9 จะต้องใช้เลขซีเรียลนัมเบอร์ที่ 092 ดี 3 แต่ปลอกที่ตกอยู่ทั้ง 2 ชนิดที่ตำรวจนำมาแสดงนั้น ไม่มีซีเรียลนัมเบอร์ทั้งสิ้นจึงไม่ใช่ของ พล.ร.9 และไม่ใช่ของกองทัพภาคที่ 1
“แต่ข้อมูลที่ไปถึง ผบ.ทบ.จนทำให้ท่านบอกว่าเป็นของกองทัพภาคที่ 1 นั้น ข้อมูลอาจจะไปสู่ท่านผิดพลาด และทางฝ่าย เสธฯ ยังไม่ได้ทันแถลงเรื่องนี้ ผมรู้สึกเห็นใจท่านมาก เพราะท่านงานยุ่งและขึ้นเครื่องบินลงใต้ตลอด ส่วนทางโฆษกกองทัพบกเป็นนักรบพาวเวอร์พอยท์และมีหน้าที่ชี้แจงเป็นอย่างเดียว ซึ่งการให้ข้อมูลของ ผบ.ทบ. ทำให้ประชาชนนึกว่าท่านยอมรับว่า กระสุนล็อตนี้เป็นของกองทัพภาคที่ 1 ที่ได้แจกจ่ายให้กับพล.ร. 9 แต่กระสุนที่ใช้ยิงนายสนธิ ทั้ง 20 ปลอกเป็นเอ็ม 16 จำนวน 3 ปลอกที่ไม่มีรอยบาก และเป็นเอชเค 33 จำนวน 17 ปลอกที่มีรอยบาก ซึ่งไม่มีซีเรียลนัมเบอร์ใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ใช่กระสุนอาร์ทีเอที่ตูดด้านท้าย ถึงแม้จะเป็นอาร์ทีเอก็บอกไม่ได้เป็นของหน่วยไหน เพราะอาร์ทีเอ ได้แจกจ่ายทั้งกองทัพ”พล.ต.ขัตติยะกล่าว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ส่วนที่มีข่าวว่า มีการใช้ปืนเอ็ม 16 เอ 2 นั้น ปืนเอ็ม 16 เอ 2 ต่างจากเอ็ม 16 เอ 1 คือเอ 2 จะมีลำกล้อง ยาวกว่า และกระสุนเอ 2 นั้น ประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตได้ ซึ่งหัวกระสุนจะแหลม และทาสีเขียว และทางกองทัพไม่ค่อยนำมาใช้เพราะมีจำนานไม่มาก ส่วนกระสุน เอ 1 หัวจะทู่กว่าและมีสีแดงซึ่งกระสุนที่ยิงนายสนธิไม่ได้บ่งบอกอาร์ทีเอที่จานท้าย เพราะถ้าเป็นของ พล.ร. 9 จริงจะต้องมีหมายเลข 093 ดี 3 ซึ่งตำรวจต้องการปิดคดีให้เร็วที่สุด ดังนั้นตำรวจจึงพยายามเตะให้กองทัพรับผิดชอบในเรื่องนี้ ตนจึงขอชี้แจงว่า ให้ตัดประเด็นของ กองทัพภาคที่ 1 และ พล.ร. 9 ออกไปเลย
“ต้องยอมรับว่า นายสนธิมีเรื่องกับคนที่ศักยภาพในการทำลายล้างสูงทั้งนั้น รวมถึงชนชั้นการปกครองทั้งประเทศและระดับสูงสุดที่ติดกับสถาบันอย่าง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายดิสธร วัชโรทัย ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการ มูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ คนที่ 5 คือองคมนตรี และเป็นอดีต ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก และมีศักยภาพในการทำลายล้างสูง คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งถูกนายสนธิ ด่าเรื่องเขายายเที่ยง”
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ลดหลั่นลงมาคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นน้องชาย พล.อ. ประวิตร คนต่อไปคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในที่มีศักยภาพทำลายล้างเหมือนกัย และต่อมาคือ พล.ต.ขัตติยะที่กำลังบรรยายอยู่นี้ นอกจากนี้ยังมีอีก 2 คนที่นายสนธิด่ากราดคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายยกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ ที่ให้ลูกชายด่าแทนว่าเป็นคนวางแผนยิง ซึ่งนายเนวินถือว่าเป็นอ๋องโชกุนของบุรีรัมย์ เพราะขนาดพา ส.ส.ออกไป 32 คน หักหลังพรรคพลังประชาชนจนไปเป็นฝ่ายค้าน ยังไม่มีใครกล้าทำอะไร และที่สำคัญที่สุดยังมีอีกคนคือพระพยอม ซึ่งถูกด่าทุกวัน และพระพยอมลูกศิษย์ลูกหาเป็นโจรทั้งนั้นโดยส่วนใหญ่ ถ้าลองเอ่ยปากเอาซะที เรียบร้อยหมด ดังนั้นนายสนธิมีเรื่องหนัก ๆ แต่โชคดีที่วันนั้นไม่ใช่นักรบโรนินยิง ไม่ใช่นักรบโรนิน
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อว่า คนที่ยิงนายสนธิในวันนั้นไม่ใช่มือปืนอาชีพ หากเป็นมือปืนอาชีพคงต้องยิงข้างรถพรุนหมดแล้ว คือมันตามมายิงกระจกหลังก่อน ตอนตี 5 ครึ่ง โดยใช้เอ็ม 79 กระสุนเอ็ม 79 และอาห้าก็ยิงผิด เฉียดไป เพราะรถกำลังเต้นอยู่ จึงลงพื้นไป 14 นัด กระสุนเอ็ม 79 ยิงไกล 350 เมตร หวังผล 150 เมตรลงมา แต่ห้ามยิงต่ำกว่า 31 เมตร เพราะจะกระเด็นโดนคนยิง เพราะฉะนั้นพอยังไปมันจึงไม่ระเบิด แต่โดนกระจกหลังแตก
ส่วนคนยิงเอ็ม 16 น่าจะติดกล้องไนต์ไซต์ ซึ่งจะยิงแม่น และคนยิงถูกสั่งให้มายิงยาง ก็ยิงแต่ยาง ส่วนข้างรถไม่ได้ถูกสั่งให้ยิงเพื่อให้นายสนธิตาย เพราะเขาสั่งมาให้ยิงรถสนธิ ไม่ได้บอกให้ยิงสนธิ ดังนั้นกระจกซ้ายจึงสะอาดหมด แล้วก็ขับไปปาดหน้า แล้วจอดยิงระยะ 20 เมตร