xs
xsm
sm
md
lg

ปรากฏการณ์แห่งศรัทธา “พระพยอม-ภาวนาพุทโธ”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ด้ยินข่าวนายจำลอง คนซื่อ หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ภาวนาพุทโธ” ซึ่งถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 50 ปี ในคดีกระทำชำเราเด็กหญิงชาวเขา ที่ปัจจุบัน นายจำลอง มีฐานะเป็น นช.(นักโทษชาย) ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำกลางบางขวาง หรือ “เรือนจำมหันตโทษ” เป็นเรือนจำที่ใช้คุมขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ที่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป จนถึงโทษประหารชีวิต

ทว่า ณ เรือนจำมหันตโทษแห่งนี้ กลับเกิด “ปรากฏการณ์แห่งศรัทธา” มีลูกศิษย์ลูกหาอดีตพระภาวนาพุทโธ แห่งวัดสามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม ไปเยี่ยม นช.จำลอง มากมาย โดยส่วนใหญ่มักไปในวันอังคาร อันเป็นวันที่ทางเรือนจำ เปิดโอกาสให้ญาติพี่น้องผู้ต้องขังได้เข้าเยี่ยมสอบถามสารทุกข์สุขดิบ แต่การไปเยี่ยม นช.จำลอง ของผู้คนในครั้งนี้ กลับกลายเป็นการไปฟังธรรมจาก นช.จำลอง

นอกจากปรากฏการณ์การเดินทางไปฟังธรรมลอดลูกกรงจาก นช.จำลอง ของผู้คนแล้ว ยังพบว่า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2548 จวบจนปัจจุบัน นช.จำลอง มียอดเงินที่ได้รับการเยี่ยมจากผู้คนถึง 14 ล้านบาท!

เรื่องเงินฝาก 14 ล้านบาทดังกล่าว นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า เกิดจากญาติโยมที่ศรัทธาต่ออดีตพระภาวนาพุทโธ โดยมาเยี่ยมแต่ละครั้งก็จะฝากเงินให้คนละเล็กละน้อยรวมๆ กันก็เป็นจำนวนมาก จากการตรวจตรวจสอบของกรมราชทัณฑ์ ไม่พบว่ามีการไปใช้ในทางที่ผิดระเบียบ แต่กลับนำไปใช้บริจาคเงินสร้างกุฏิพระ ศาลา ให้กับวัดเก่าในจังหวัดนครปฐม ดังนั้น เมื่อไม่มีความเสียหาย หรือผิดกฎระเบียบ จึงเป็นดุลพินิจของผู้บัญชาการเรือนจำที่จะอนุญาตให้ญาติมิตรเข้าเยี่ยม หรือบริจาคเงินเข้าบัญชี

ความศรัทธาของผู้คนเช่นนี้ มันห้ามกันไม่ได้ ขึ้นอยู่ที่ความพึงใจของแต่ละบุคคล แต่อาจมีข้อสังเกตเพียงนิดว่า ยอดเงินจำนวน 14 ล้านบาทดังกล่าว แม้จะมาจากศรัทธาที่ผู้คนไปมอบให้กับ นช.จำลอง ระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำก็ตาม ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้ง นช.จำลอง ครองความเป็นสมณเพศนั้น มียอดเงินบริจาคนับร้อยล้านบาท และไม่รู้ว่า เงินจำนวนดังกล่าวจะถูกผ่องถ่ายมาในสมัยที่ นช.จำลองติดคุกอยู่หรือไม่ เรื่องนี้ กรมราชทัณฑ์ไม่ควรมองข้าม และต้องสามารถชี้แจงได้ อย่าให้คุกกลายเป็นแหล่ง “ไซฟ่อนเงิน”

หันกลับไปมองยังอีกฝากฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา (น่าจะตรงข้าม หรือเยื้องๆ กับเรือนจำบางขวาง) ณ วัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กลฺยาโณ พระนักเทศชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ออกมาระบุว่า อาจจำเป็นต้องปิดวัดสวนแก้วลง อันเนื่องมาจาก “ศรัทธาตก” ทำให้พุทธบริษัท ไม่เข้าวัดและร่วมบริจาค กระทั่งกิจนิมนต์ก็หดหาย ภายหลังจากที่พระพยอม เปิดวัดให้กลุ่มคนเสื้อแดงไปร่วมชุมนุมกันภายในวัดเมื่อปีก่อน

มีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่า ทำไม พระระดับอย่าง “พระพยอม” จนแต้มถึงขนาดต้องออกมาโพนทะนา ว่า ไร้กิจนิมนต์ ไร้คนบริจาค จนต้องอาจปิดวัด หากย้อนไปดูกิจการของวัด ก็จะพบว่า ทุกอย่างล้วนถูกบริหารจัดการอย่างการทำธุรกิจ แต่เป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นมาจาก “ศรัทธา” ของผู้คน เป็นธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำ หรือบางอย่างที่ได้มาแทบไม่ต้องลงทุนเสียด้วยซ้ำ แต่เหตุใด การประกอบการของวัดสวนแก้ว จึงไม่สามารถเลี้ยงตัวได้ ภายใต้การกำกับดูแลของ “มูลนิธิวัดสวนแก้ว” จนทำให้พระพยอมต้องออกมาโฆษณาเชิงน้อยอกน้อยใจว่า อาจถึงขั้นต้องปิดวัด!

จะจริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ แต่ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อเล่าให้ฟังว่า เงินส่วนหนึ่งถูกผ่องถ่ายไปสนับสนุนให้กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่อยู่ในความ “ศรัทธา” ของพลพรรคเสื้อแดง ทั้งที่ตามปกติ ผู้ที่เขียนบทความ หรือคอลัมน์ มักจะต้องได้ค่าตอบแทนจากหนังสือพิมพ์ ทว่า การณ์กลับตรงกันข้าม ผู้เขียนบทความกลับต้องนำเงินไปจ่ายให้หนังสือพิมพ์ และหากเป็นจริงดังว่า ก็คงต้องปิดวัดไปเปิดสำนักสงฆ์ที่บุรีรัมย์แทนแล้วล่ะ...สาธุ!

อันความ “ศรัทธา” ของปุถุชนคนเดินดินนั้นห้ามกันไม่ได้ อย่าว่าแต่ปัจจุบันเลย แม้ในสมัยครั้งพุทธกาล เมื่อตอนอุปติสสะปริพาชก กับโกลิตะปริพาชก หรือต่อมาเป็นพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ เมื่อครั้งอยู่กับ “สัญชัยปริพาชก” หนึ่งในเจ้าลัทธิมิจฉาทิฏฐิ ไปชวนสัญชัยปริพาชกให้ออกบวชตามพระพุทธเจ้า แต่สัญชัยปริพาชกปฏิเสธคำเชิญของคู่อัครสาวก พร้อมกับถามกลับว่า “คนในโลกนี้มีคนโง่มากกว่า หรือว่าคนฉลาดมากกว่า” เมื่อทั้งสองตอบว่า “ในโลกนี้ มีคนโง่มากกว่า” สัญชัยปริพาชก ก็บอกว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น ขอให้ทั้งสองคน ไปศึกษาธรรมกับสมณโคดมเถิด ส่วนคนโง่จะพากันมาเป็นศิษย์ในสำนักเราเอง”

เป็นที่ทราบกันดีว่า พระพยอม ถือเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญ แห่งสวนโมขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งหนึ่งในคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสมีบันทึกไว้ว่า “ไม่ทำตามที่สอน อย่ามาอ้อนเรียกอาจารย์”

อย่างไรก็ตาม “ปรากฏการณ์แห่งศรัทธา” ที่เกิดขึ้นกับทั้ง นช.จำลอง คนซื่อ หรืออดีตพระภาวนาพุทโธ และพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กลฺยาโณ ยังคงต้องให้กาลเวลา และกฏแห่งกรรมเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไปว่า นั่น...เป็น “สัมมาทิฏฐิศรัทธา” หรือ “มิจฉาทิฏฐิศรัทธา”

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเป็นพระคาถาไว้ ว่า “ทสฺสนกาโม สีลวตํ สทฺธมฺมํ โสตุมิจฺฉติ วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ ส เว สทฺโธติ วุจฺจติ” แปลความว่า “ผู้ใด ใคร่เห็นผู้มีศีล ปรารถนาฟังพระสัทธรรม กำจัดมลทิน คือ ความตระหนี่ได้ ผู้นั้นแล ท่านเรียกว่า “ผู้มีศรัทธา””

เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้....
ปรากฏการณ์แห่งศรัทธาที่เรือนจำบางขวาง
พระภาวนาพุทโธ ถูกควบคุมตัวไปเรือนจำ
อดีตพระภาวนาพุทโธ แห่งวัดสามพราน จ.นครปฐม
ปรากฏการณ์แห่งศรัทธาที่วัดสวนแก้ว
เมื่อครั้งนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนไปปราศรัยนโยบายที่วัด
พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กลฺยาโณ บนเวทีนปก.ภายในวัดสวนแก้วกับนายวีระ มุสิกพงษ์
กำลังโหลดความคิดเห็น