xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษพรุ่งนี้-เปิดประชุม 2 สภาแจงปราบ “โจรเสื้อแดง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“มาร์ค” เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษพรุ่งนี้ เพื่อชี้แจงรายละเอียดปราบ “ม็อบเสื้อแดง” พร้อมตกลงแนวทางทำงานร่วมกันต่อไป เผยหลังจากนั้นจะเรียกประชุมร่วม 2 สภา เพื่อให้อภิปราย-รับฟังความคิดเห็นตามกลไกรัฐธรรมนูญ ส่วนการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะดูความจำเป็นก่อน ด้านทูตอังกฤษรับหนักใจเหตุจลาจลรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิต ชี้การต่อสู้กลางถนนเป็นโศกนาฏกรรม แนะหาทางใช้สันติวิธีเจรจากันทั้งสองฝ่าย เผย "มาร์ค"รับปากจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก



คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงข่าว

วันที่ 16 เม.ย. เวลา 15.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญเอกอัครราชฑูตและผู้แทนประเทศต่าง ๆ เข้ารับฟังการชี้แจงถึงสถานการณ์ต่างๆ ของประเทศไทยโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นเวลาประมาณ 16.45 น. นายอภิสิทธิ์ ได้แถลงการณ์ชี้แจงเอกอัครราชทูตและผู้แทนประเทศต่าง ๆ ว่า หลังจากที่มีโอกาสพบปะพี่น้องประชาชนผ่านสื่อวันก่อน ตลอดระยะเวลาวานนี้ ยังได้ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อให้การฟื้นฟูสภาพพื้นที่ และการดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ในเรื่องความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด ขณะเดียวกันยังคงมีเรื่องข่าวสารต่างๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องคลี่คลายไปเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตามขอเรียนว่า ในภาพรวมในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงจะเห็นภาพ พี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่ง ได้ไปฉลองเทศกาลสงกรานต์เล่นน้ำหรือทำอย่างอื่นกันเป็นภาพที่ตนคิดว่า ทำให้พวกเราทุกคนมีความสุข พึงพอใจ ขณะเดียวกันการหยุดราชการในช่วงนี้จะมีส่วนสำคัญในการทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ในด้านต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของความเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็น กทม.ปริมณฑล หรือ ในต่างจังหวัด ขณะนี้เจ้าหน้าที่และรัฐบาลได้ใช้วิธีการพูดคุย เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่า สภาวการณ์ที่เราประกาศภาวะฉุกเฉิน ขณะนี้เป็นสภาวการณ์ชั่วคราว ในที่สุดแล้วการเคลื่อนไหวซึ่งเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญย่อมต้องกลับมาใช้ได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ กิจกรรมใดๆ ซึ่งเป็นลักษณะของการยั่วยุ ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมาย อันนี้จะต้องหยุดและถ้าเราสามารถที่จะหยุดสิ่งเหล่านี้ได้ ทำเกิดความสงบเรียบร้อยทุกสิ่งทุกอย่าง จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และกระบวนการในการพูดคุยเพื่อหาทางออกในเรื่องความปรองดองสมานฉันท์จะทำได้ อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเจตนาของรัฐบาลอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นวันหยุด วันนี้ (16เม.ย.) ตนได้ถือโอกาสเชิญฑูตจากทุกประเทศมารับทราบสถานการณ์ต่างๆรวมทั้งจุดยืนนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนมีการพูดคุยซักถามในสิ่งที่ยังเป็นความสงสัยของบรรดาทูตานุทูตประเทศต่างๆ และในวันพรุ่งนี้(17เม.ย.) ตนได้นัดประชุม ครม.เพื่อพิจารณา เรื่องการดำเนินการของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ต่างๆเพื่อให้รัฐมนตรี ได้รับทราบรายละเอียดถึงเหตุการณ์และการตัดสินใจของตนและครม.ที่มีการประชุมโดยวิธีการตามพระราชกฤษฎีกา แต่ไม่ใช่พร้อมกันทั้งคณะทั้งหมด รวมถึงการตกลงแนวทางการทำงานกันต่อไป ฉะนั้นการประชุม ครม.ครั้งนี้จะเป็นการประชุมเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ อาจจะมีวาระอื่นที่มีความจำเป็นเช่น การพิจารณา การประกาศ พระราชกำหนดในสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเวลานี้มีการเสนอว่าจะต่ออายุหรือไม่ เพราะจะหมดอายุในวันที่ 19 เม.ย.นี้

นอกจากนี้ตนยังได้มีโอกาสพูดคุยกับนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาว่าหลังจาการประชุม ครม. ตนจะทำหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อขอให้ประธานนัดประชุมสภา เป็นการประชุมร่วมเพื่อให้รัฐบาลได้เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกของทั้งสองสภา ในเรื่องราวต่าง ๆที่เกิดขึ้นคาดว่า ในวันที่ 22-23 เม.ย.นี้ จะเปิดโอกาสให้มีกาอภิปรายทั่วไป เพื่อรับฟังความคิดเห็นถือเป็นกลไกหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิ์ของนายกฯและ ครม. ที่จะขอทางสภาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าทางฑูตได้สนใจประเด็นใดบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้มีการสอบถามทั้งหมดในเรื่องของมาตรากาที่เราใช้ทั้งที่พัทยาและที่ กทม.ว่าเป็นอย่างไร เป็นเหตุการณ์ที่ลุกลามจะควบคุมให้กลับมาอยู่ภาวะที่เห็นปัจจุบัน จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมบ้าง เป็นการแลกเปลี่ยนในแง่ความคิดเห็นและการแสดงความห่วงใยต่างๆ ซึ่งความห่วงใยและความรู้สึกของเขาไม่ต่างจากคนไทย และคนไทยก็รู้สึกว่า ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาสถานการณ์ ได้คลี่คลายไป ถ้าถามว่าหลายคนมีความกังวลอยู่ในใจไหม เรื่องนี้คิดว่าคงคิดไม่ต่างกัน

เมื่อถามว่า ทางฑูตได้สอบถามเรื่องที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาระบุว่า มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นจากการสลายผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ถามเป็นการเจาะจง กรณีของ 2 ศพที่พบในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจากการที่ตนตรวจสอบข้อเท็จจริงมาบุคคลทั้งสองยังมีชีวิตในคืนวันที่13 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนกำลังให้เจ้าหน้าที่ยืนยันมาอีกครั้งในรายงานต่างๆ หากเขามีชีวิตอยู่ในคืนวันที่13เม.ย.คิดว่าทุกคนคงจำได้ว่าตั้งแต่ช่วงดึกของวันที่13เม.ย.ไปจนถึงเช้าไม่ได้มีการดำเนินการอะไรเพิ่มเติม นอกจากขยับกำลังต่างๆเข้ามา พอรุ่งเช้าก็มีการยุติของกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่มีเหตุผลอะไรที่บุคคลทั้งสองจะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อถามว่า บรรดาฑูตได้สะท้อนแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลต่อสถานการณ์นี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องย้อนกลับไปที่เหตุการณ์พัทยา มาตรการที่ดูแลเรื่องการชุมนุมอาจจะดูเข้มน้อยไป ซึ่งเป็นมุมมองที่เราเข้าใจ และประเด็นการดูแลการชุมนุมในที่สาธารณะ โดยเฉพาะเวลาที่มีบุคคลสำคัญหรือมีการประชุมระหว่างประเทศ เป็นเรื่องที่คงจะต้องมาทบทวนกัน

เมื่อถามว่า จะมีการพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ได้เมื่อใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะประเมินดูว่าขณะนี้มีการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ในเรื่องใดบ้างและหมดความจำเป็นเมื่อใด ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีพ.ร.ก.หรือไม่ก็มีงานทางด้านการเมือง และงานทางด้านกฎหมายที่รัฐบาลต้องทำต่อไป เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าหลังยกเลิก พ.ร.ก.กลุ่มเสื้อแดงจะกลับมาสร้างความวุ่นวายอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากยกเลิกพ.ร.ก. การชุมนุมทางการเมืองทำได้และการแสดงความคิดเห็นโดยความสงบปราศจากอาวุธทำได้แต่เรื่องการไปยุยงปลุกปั่น ให้ใครทำผิดกฎหมายทำไม่ได้ แนวทางนี้เป็นแนวทางที่เราใช้อยู่ ฉะนั้นสิ่งที่จะเห็นคือ คนที่มาชุมนุมหลังการประกาศ พ.ร.ก.แล้ว จริงๆต้องถือว่าทำผิดกฎหมาย ทุกคน แต่รัฐบาลยังถือว่าคนส่วนใหญ่คงไม่มีเจตนา ที่จะสร้างความวุ่นวายขึ้น จะเจาะจงเฉพาะบุคคลที่แสดงออกอย่างชัดเจนในการยุยงปลุกปั่นให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะขีดวงตรงนั้น พี่น้องประชาชนจะได้สบายใจถ้ามาด้วยความสุจริตใจ ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายก่อนหน้ามี พ.ร.ก.ไม่ต้องห่วง

เมื่อถามว่า รัฐบาลมีแนวทางจะสร้างความสมานฉันท์อย่างไร เพราะเป็นสิ่งที่จะบอกว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์สงบลง ตนไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นชัยชนะของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ในทางตรงกันข้ามตนยังเชิญชวนทุกคนว่าทำบ้านเมืองให้สงบเร็วที่สุด และมีพูดคุยกันสิ่งที่เรียกร้องที่เป็นเหตุผล สิ่งที่ยังอยู่ในใจมาพูดคุยกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความผิดทางการเมือง หรือความคลางแคลงใจในการดำเนินการต่างๆจะเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ ตนยินดีพูดคุยเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด เพราะตนถือเป็นความตั้งใจในเรื่องการแก้ไขปัญหาทางการเมือง และการให้เกิดความมั่นใจ ว่ามีความยุติธรรม

เมื่อถามว่า ห่วงการที่เสื้อแดงจะเคลื่อนไหวใต้ดินแทนการที่จะปฏิบัติอย่างที่เห็นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการให้คนไทยจะใต้ดินหรือบนดิน ทำร้ายประเทศ ฉะนั้นยืนยันว่าเชื่อว่าคนที่มาชุมนุมส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดไม่ได้คิดร้าย และยืนยันว่า ตนเชิญชวนเขาเข้ามาแลกเปลี่ยนพูดคุยว่าจะแก้ปัญหาทางการเมืองที่เห็นไม่ตรงกันอย่างไร ส่วนคนที่ทำผิดกฎหมาย หรือ มีความตั้งใจที่จะใช้วิธีผิดกฎหมายจะอยู่บนดินหรือใต้ดินไม่มีประโยชน์กับใครทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแล ซึ่งเมื่อสถานการณ์และวิธีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนไป รัฐบาลก็ต้องปรับวิธีการแก้ไขปัญหาด้วย เป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องดูแลให้ได้

ส่วนกรณีที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า ถ้านายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ที่มีคนเสื้อแดงอยู่อาจถูกยิงนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ทราบเจตนาของผู้พูดคืออะไร แต่อยากจะชวนในฐานะนักการเมืองด้วยกันว่า เรามาช่วยสร้างวัฒนธรรมความไม่รุนแรง ในเรื่องการแข่งขันต่อสู้ทางการเมืองจะดีกว่า ทั้งนี้การแก้ปัญหาก็ยังคงใช้ความสุภาพในการนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมา เพราะหากใช้ความกร้าวเข้าหากันความสงบจะไม่เกิดขึ้น

“ผมคิดว่าจะต้องแก้ไขที่ต้นเหตุเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ที่ผ่านมาถือว่าแก้เหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ ตอนนี้ต้องหมุนกลับไปที่ต้นเหตุ ซึ่งผมเรียนตามตรงว่าเป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก เพียงแต่ผมตั้งใจว่าอยากให้การประชุมอาเซียนผ่านไปได้ด้วยดี เราก็สามารถจะกลับมาดูเรื่องนี้ได้ และเรื่องเศรษฐกิจก็เดินไปพอสมควร เมื่อมาถึงจังหวะเวลานี้ต้องกลับมาดูอีกครั้ง เพราะทราบว่าความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลหรือต่อสภาพการเมืองในปัจจุบันจำนวนหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่เราควรต้องรับฟัง และตอบสนอง ส่วนการปรับเปลี่ยนด้านความมั่นคง ขอให้เรื่องเรียบร้อยก่อนแล้วจะมาทบทวนกันอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรีกล่าว

สำหรับการประชุมอาเซียนบวกประเทศคู่เจรจาจะจัดได้อีกครั้งหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังปรึกษาอยู่คิดว่าภายในสองวันนี้จะได้ข้อยุติ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่และเลขาธิการอาเซียนจะพบตนภายในสองวันนี้ โดยทั้งสิบหกประเทศได้สัมผัสเหตุการณ์ด้วยตัวเองอยู่แล้ว และติดตามสถานการณ์ซึ่งวันนี้ก็มีทูตและผู้แทนประเทศเหล่านี้มาร่วมฟังอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ยืนยันว่า รัฐบาลคงปล่อยให้ล้มเหลวไม่ได้ ดังนั้นจะต้องทบทวนและแก้ไขจุดที่เป็นข้อบกพร่องให้ได้

ด้านนายควินตัน เควล เอกอัครราชทูตประเทศอังกฤษประจำประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการรับฟังคำชี้แจงของนายอภิสิทธิ์ ว่า รู้สึกหนักใจ ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และในฐานะที่ตนเป็นคนรักประเทศไทยรู้สึกว่า “การต่อสู้กันกลางถนนเป็นโศกนาฏกรรม” ตอนนี้สิ่งสำคัญคือ ขอให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง และพยายามแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีด้วยการเจรจา ปรองดอง ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติ นักลงทุน ต่างต้องการให้ยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะคนอังกฤษจะกลัวหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าดีขึ้น และถือเป็นบทเรียนของการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการปิดสนามบิน การบุกรุกการประชุมอาเซียนที่พัทยา ถือเป็นการใช้ความรุนแรงปิดถนนใน กทม.ที่ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมากต่อประเทศชาติ ซึ่งรัฐบาลได้แก้ปัญหาโดยสร้างความปรองดองและความเข้าใจ ต้องพูดจากันว่าทำไมคนไทยจะต้องมาสู้กันแบบนี้ เพราะเหตุใด และเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างจะจบลงได้ และยังเชื่อมั่นกับอนาคตของประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ได้ให้ความมั่นใจต่อคณะทูตอย่างไร นายควินตัน เควล กล่าวว่า การชี้แจงวันนี้นายกฯ ได้อธิบายถึงวิธีการควบคุมและยุติสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอย่างไร และชี้แจงว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งตนเห็นด้วย










กำลังโหลดความคิดเห็น