xs
xsm
sm
md
lg

“ภูเล” ศิลปินกู้ชาติเร่งรัฐบาลแก้ปัญหาปท. ทวงถามความยุติธรรม “วีรชน 7 ตุลา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“แดง” นายมนตรี ชูชื่น “ขาว” นายมนตรา ชูชื่น สองพี่น้องศิลปินกู้ชาติในนามวง “ภูเล”
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ –ศิลปินกู้ชาติเลือดระโนด "วงภูเล" เปิดใจยืนหยัดการต่อสู้ทุกรูปแบบ ไม่ท้อแม้กัดฟันล้ม3 นายกฯ ทรราชแต่ยังไม่เห็นการเมืองใหม่เกิดขึ้น แต่ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศชาติและสังคมไม่ให้การเมืองทำลายล้างกระบวนการยุติธรรมในสังคม พร้อมให้กำลังใจพี่น้องพันธมิตรฯ ต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีและติดตามข่าวสารบ้านเมืองต่อไป เพื่อขับเคลื่อนปณิธานการต่อสู้ล้างบางการเมืองเก่าให้ได้ พ้อ “ประชาธิปัตย์” ได้ทีเป็นรัฐบาลแต่จนแล้วจนรอด ยังไม่มีความกล้าตัดสินใจและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองได้ทั้งที่ประชาชนให้โอกาส ดักคอขอเห็นกฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่อสายเจรจา “นักโทษแม้ว” แลกหยุดม็อบเสื้อแดง จี้เร่งสร้างความยุติธรรมให้เกิดแก่วีรชนผู้เสียสละในการเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ 51


การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างประชาชนและรัฐในอดีตนั้นค่อนข้างถูกปิดกั้นด้านข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากมีเฉพาะฟรีทีวี และสถานีวิทยุซึ่งล้วนอยู่ในกำกับของรัฐ คล้ายกับในยุครัฐบาล พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษการเมืองผู้เคยพยายามปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ ควบคุมและแทรกแซงสื่อ-องค์กรอิสระ จุดชนวนความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และลุแก่อำนาจ แต่ยังมี “ASTV” ที่เป็นขบถวงการสื่อนำความจริงด้านที่ไม่มีสื่อใดกล้าวิเคราะห์ กล้านำเสนอมาก่อน

นั่นเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ “แดง” นายมนตรี ชูชื่น “ขาว” นายมนตรา ชูชื่น สองพี่น้องศิลปินกู้ชาติในนามวง “ภูเล” สายเลือดถิ่นกวี อ.ระโนด จ.สงขลา กล่าวกับ “เอเอสทีวีผู้จัดการ” ถึงการตัดสินใจเดินไปร่วมชุมนุม โดยขึ้นเวทีร้องเพลงให้กำลังใจเหล่าพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ ลานประวัติศาสตร์ สถานีรถไฟหาดใหญ่ นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พวกเขาเคยไปร่วมขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เมื่อปี 2535 และยังเดินทางไปสมทบการชุมนุมใหญ่ที่เมืองหลวงของประเทศไทย ทั้งที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิอีกด้วย

สำหรับวงภูเลก่อตั้งกัน 3 คนตั้งแต่ปี 2538 โดยมีเพื่อนจากเชียงรายอีก 1 คน ซึ่งหลอมรวมความเป็นธรรมชาติทั้งภูเขาและทะเล แต่หลังจากที่สมาชิกเหลือแต่เราสองพี่น้องก็ใช้ชีวิตปกติ รับจ้างเล่นดนตรีจนกระทั่งมาทำร้านอาหารภูเลเป็นของตัวเอง ตรงกับช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคุกรุ่น เพราะประชาชนไม่พอใจการบริหารของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว

“ตอนนั้นเราก็เร่งงานจนร้านเสร็จภายใน 3 เดือน แต่ก็ไม่ได้มองแค่การทำงานเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่จะทำเพื่อสังคมและประเทศชาติด้วยหากมีโอกาส โดยที่เราเป็นอีกร้านอาหารหนึ่งที่ถ่ายทอดสถานี ASTV ให้ลูกค้าดูด้วย ถ้าไปขึ้นเวทีร้องเพลงที่กรุงเทพฯ บางครั้งปิดร้านแล้วพาครอบครัวไปด้วย มีเงินแค่พันสองพันก็ขึ้นไปช่วย”

นอกจากนี้ เขาทั้งสองคนยังได้ร่วมสร้างสรรค์บทเพลงเพื่อใช้ขับร้องระหว่างการชุมนุม ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทั้งเพลงตันหยง ซึ่งใช้ชื่อดอกไม้เพื่อสื่อสารบอกถึงลักษณะเฉพาะบุคคลของผู้รับใช้ระบอบทักษิณที่ร่วมมือกับคนขายชาติ ทั้งนายสมัคร สุนทรเวช, นายเฉลิม อยู่บำรุง หรือจะเป็นเพลงนักสู้กู้ชาติซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากการร่วมชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพลงรำวงรวมใจที่ร้องระหว่างการปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ซึ่งทั้งคู่วิ่งรอกขึ้นเวที

นายมนตรี กล่าวถึงการต่อสู้ของภาคประชาชนว่า ปัจจุบันนี้มีความตื่นตัวเรื่องสิทธิและหน้าที่ รวมถึงสำนึกในจิตสาธารณะสูง ซึ่งพิสูจน์เห็นได้แล้วจากการชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ทำให้ตนเองและคนอื่นๆ ซาบซึ้งถึงน้ำใจ ความเสียสละ และการเสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ส่วนรวม และยังรักษากรอบการชุมนุมด้วยความสงบเรียบร้อย

ในมุมของนักการเมืองนั้น กลับเห็นว่าไม่มีกระบวนการใดที่จะเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในกรอบคุณธรรม จริยธรรม ทั้งการขับไล่อดีต 3 นายกรัฐมนตรีทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ล้วนทนต่อเสียงต่อต้านของประชาชนค่อนประเทศได้อย่างไม่สะทกสะท้าน มีเพียงกระบวนการยุติธรรมเท่านั้นที่พิพากษาให้หมดสิ้นความชอบธรรมในด่านสุดท้าย
2 พี่น้องบนเวทีของพันธมิตรฯ ที่  ลานประวัติศาสตร์ สถานีรถไฟหาดใหญ่ ซึ่งทั้งคู่ขึ้นเวทีตั้งแต่ปี 2549
เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์บางกลุ่มที่ค่อนไปทางรับใช้นักการเมือง แม้แต่คดีเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาคม 2551 ทำให้มีผู้บาดเจ็บ ล้มตายจากแก๊สน้ำตาเป็นจำนวนมาก และกรณีที่มีการใช้อาวุธสงครามยิงในพื้นที่การชุมนุมก็ตาม แต่คดีนี้ก็ยังไม่มอบความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสีย


นายมนตรา กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันด้วยว่า ยังไม่น่าไว้วางใจการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เพราะทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีท่อน้ำเลี้ยง และจุดอ่อนคือการที่คนเหล่านี้รับฟังข่าวสารเพียงด้านเดียว เมื่อมีการพูดซ้ำๆ และมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องก็ง่ายต่อการชักจูง อีกทั้งรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดูเหมือนจะไม่สามารถลำดับความสำคัญและเร่งทำงานได้ตามสถานการณ์ ซึ่งมีหลายเรื่องประเดประดังเข้ามาในเวลาเดียวกัน ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องการยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาในระยะยาว ซึ่งเหล่านี้คนในพรรคประชาธิปัตย์ล้วนมีการตั้งรัฐบาลเงาติดตามสถานการณ์และวางแผนการทำงานตั้งแต่เป็นฝ่ายค้าน

ยังไม่นับรวมการสร้างความปั่นป่วนให้แก่ชาติ โดยใช้วิดีโอลิงก์เป็นสื่อปลุกระดมให้เกิดการชุมนุมประกาศสงครามแตกแยกทางความคิด ควบคู่กับการโจมตีประธานองคมนตรีและองคมนตรีท่านอื่นเป็นกระบวนการที่เปิดเผยและต่อเนื่อง ล้วนแล้วแต่สร้างความแตกสามัคคี โดยไม่สนใจชาติ เพียงเพื่อจะช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น เพราะวันนี้ประชาชนให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์แล้ว อยากให้รัฐบาลมีความชัดเจนและเด็ดขาดกับการแก้ไขปัญหาต่างๆ เหมือนที่เคยบอกตอนเป็นฝ่ายค้านเสียที แต่หากยังคงติดต่อเจรจากับนักโทษการเมืองคนนี้เพื่อแลกกับการยุติชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงกับข้ออ้างจอมปลอม ก็เหมือนกำลังหลอกลวงประชาชนและกฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนี้ การที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.ได้อุทิศตัวเป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบทักษิณอย่างเต็มตัว ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลแต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและอับอายยิ่ง ที่เป็นคนเนรคุณบุญคุณคน หรือที่คนใต้เรียกว่า “วัวลืมตีน” ดังเช่น ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตลอดจนคนใต้ที่เคยอุ้มชู ช่วยเหลือระหว่างที่อยู่ในเส้นทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนปณิธานที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย ต้องยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถหลีกหนีการเมืองเก่าพ้น ด้วยยังมีนักการเมืองเก่าที่พร้อมเปลี่ยนสีตามแต่สถานการณ์และผลประโยชน์ที่จะได้รับ แต่ประชาชนทุกคนต้องอย่าท้อถอย เพราะเชื่อว่าการรวมพลังสามัคคีด้วยความมุ่งมั่นจะสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ในวันหนึ่ง และให้เตรียมความพร้อมเพื่อทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

“การเข้ามาต่อสู้กับภาคประชาชนที่ทดสอบทั้งความอดทน เสียสละ แม้ว่าเราจะไม่ได้ผลตอบรับกลับมาเป็นตัวเลข แต่เราก็ได้เก็บเกี่ยวพลังในการทำงานทั้งในด้านดนตรีที่จะสร้างสรรค์ออกมารับใช้สังคม และพร้อมเสียสละเมื่อชาติต้องการ เช่นเดียวกับที่หวังว่าพี่น้องพันธมิตรฯ จะร่วมมือร่วมใจกับเป็นกำลังส่วนหนึ่งที่จะดูแลประเทศชาติไม่ให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งผูกชาติ และเอารัดเอาเปรียบคนในสังคม” สองพี่น้องศิลปินภูเลกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สนใจอุดหนุน ร้านอาหารเพื่อชีวิต “ภูเล” นั้น ตั้งอยู่ ถ.ทุ่งรี-โคกวัด หลังตลาดตรงข้ามมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00-01.00 น. ของทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
กำลังโหลดความคิดเห็น