xs
xsm
sm
md
lg

ทางออกที่ดีของประเทศ...มี! แต่...นักการเมืองไม่ต้องการ นี่คือ...ปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิด!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
สัมภาษณ์พิเศษ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

…..พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส... ถ้อยคำให้กำลังใจที่ใครหลายคนใช้เป็นเครื่องปลอบประโลมใจยามชีวิตต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายสุด ๆ หากแต่ถ้อยคำนี้ดูจะใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ความขัดแย้งทางความคิดในทางการเมืองที่คนไทยทั้งประเทศกำลังเผชิญอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบลงอย่างไร และทางออกที่ดีควรไปในทิศทางใด เพื่อให้ประเทศความมั่นคง ยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่ง นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สมาชิกลุ่มรักษ์เมืองไทย มีมุมมองที่น่าสนใจ

-สถานการณ์ที่เป็นอยู่คิดว่าทางออกของประเทศในระยะยาวเป็นอย่างไร

ตอนนี้บ้านเมืองวิกฤตมาก ถ้าจะบอกว่ามีทางออกของประเทศหรือไม่ มีอยู่หลายทาง แต่ไม่ใช่ทางที่นักการเมืองเขาต้องการ เช่น หากว่ากลุ่มของคุณทักษิณ สามารถกดดันรัฐบาลจนกระทั่งไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ แล้วก็ประกาศยุบสภาตามคำเรียกร้องของคุณทักษิณ ก็ต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งคุณทักษิณ มั่นใจว่าพวกของเขาจะชนะและกลับมาจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาเลือกตั้ง 2 เดือนกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กว่าจะบริหารประเทศได้ก็ 4 เดือน และเมื่อมีรัฐบาลใหม่ โดยเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องเร่งรัดในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม และแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป้าหมายสุดท้ายจริงๆ ก็คือต้องให้นิรโทษกรรม เพื่อให้คุณทักษิณปลอดพ้นจากคดีทุจริตต่างๆ และกลับมามีอำนาจทางการเมือง การทำอย่างนี้ก็จะมีกลุ่มที่เป็นปฎิปักษ์กับคุณทักษิณ ไม่ยอม ก็คงจะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน และกดดันรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ได้บทเรียนจากการเป็นรัฐบาล สมัยคุณสมัคร สุนทรเวช สมัยคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ในเรื่องของกองทัพ ดังนั้น หากกลับมาตั้งรัฐบาลใหม่ได้ก็คงต้องเปลี่ยนผู้บัญชาการเหล่าทัพใหม่ทันที เอาคนของตนเองมาทำหน้าที่ เพื่อให้สั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในภาวการณ์อย่างนั้น ถ้ารัฐบาลมีความมั่นใจทั้งตำรวจ กองทัพ ก็อาจใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ต่อต้าน คัดค้าน ประเทศก็คงเกิดกลียุคขึ้น และเราก็ไม่รู้ว่าจุดจบของประเทศจะเป็นอย่างไร แต่ว่ามันมีโอกาสจะเป็นไปอย่างนั้นมาก ในสภาพการเมืองแบบนี้ มันคงไม่มีทางออกที่ดีสำหรับประเทศ เพราะว่าทางออกที่ดี นักการเมืองไม่ต้องการ นี่คือปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้

-ทางออกที่ดีที่มองว่านักการเมืองไม่ต้องการเป็นอย่างไร

ปัญหาหลักของประเทศเวลานี้ คือ วิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงมาก เราต้องการให้มีรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่แก้ไขให้กับประชาชนโดยเร็ว คนที่เดือดร้อนมากก็คือ คนที่ตกงานที่อาจมีถึง 2 ล้านคน เกษตรกรที่ผลผลิตขาดทุน ผู้ประกอบการที่ขาดทุนแล้วเจ๊ง เอสเอ็มอี ที่ไม่ได้รับสินเชื่อ ถ้าเกิดมีการยุบสภาแล้ว 4 เดือนนี้ไม่มีรัฐบาลที่จะมาดำเนินการอะไรให้เขาได้เลย กลุ่มคนพวกนี้ก็จะเดือดร้อนมากขึ้นไปอีก ซึ่งความเดือดร้อนของประเทศชาติ ประชาชน พวกนักการเมืองเหล่านี้ไม่ได้ใส่ใจเลย สิ่งที่นักการเมืองเรียกร้องอยู่เวลานี้คือประโยชน์ส่วนตัว ชัดเจน ไม่ได้สนใจปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนเลย อันนี้คือความน่าเศร้าที่เวลานักการเมืองออกมาเคลื่อนไหว บอกว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แต่การกระทำกลับทำร้ายให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนเดือดร้อน

ระบอบประชาธิปไตยในความหมายของเขา คือ ต้องเป็นรัฐบาล ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลคือไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ลักษณะอย่างนี้มันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย มันเป็นเผด็จการ ที่เพียงแต่ใช้ข้ออ้างของการเลือกตั้งมาเป็นเครื่องมือเท่านั้น เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งจะทำให้ตนเองชนะ ผมกำลังเห็นว่านักการเมืองกำลังทำให้ประชาชนรู้สึกว่า ระบอบประชาธิปไตยไม่เป็นความหวัง ไม่เป็นอนาคตของประเทศ ซึ่งเป็นอันตรายมาก และถือเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะถ้าประชาชนไม่เชื่อ ไม่มีความหวังว่าระบอบประชาธิปไตย มันแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติได้แล้ว คนก็จะไม่ศรัทธาระบอบประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น และก็จะเป็นผลเสียกับระบอบประชาธิปไตย

-มีความพยายามจุดกระแสปฏิรูปการเมือง แต่สถาบันพระปกเกล้าที่ออกมาแสดงท่าที ก็ไม่ได้รับการตอบรับ

ผมคิดว่ากระแสการปฏิรูปการเมืองมันก็ไม่สำเร็จ เพราะนักการเมืองต่างมุ่งประโยชน์ตัวเอง ถ้าจะปฎิรูป ตัวเองต้องได้ประโยชน์ ถ้าไม่ได้ประโยชน์ก็จะไม่ร่วม และจะคัดค้านด้วย สภาพแบบนี้ไม่ใช่สภาพที่จะมีทางออกสำหรับอนาคตของประเทศ เพราะกลุ่มการเมือง ต่างมุ่งหวังประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง และแน่นอนว่าเมื่อมุ่งประโยชน์ตัวเอง มันก็ต้องมีกลุ่มที่เป็นปฏิปักษ์ ขณะนี้การเมืองไทยมันเหมือนกับการต่อสู้ระหว่างคุณธรรม กับอธรรม พวกที่ยึดถือเรื่องอธรรมไม่เกรงกลัว การกระทำ การประพฤติมิชอบ แต่อาศัยคนจำนวนมากสนับสนุน ก็อ้างเรื่องประชาธิปไตยได้ อีกคนหนึ่ง ถึงตายก็ไม่ยอม ถ้าคุณจะมาประพฤติผิดคุณธรรมแบบนั้น ผมคิดว่าสภาพแบบนี้ มันเป็นสภาพที่ทำให้ประเทศไม่มีอนาคตยิ่งขึ้น ซึ่งมันเลวร้ายกว่าช่วง 14 ตุลาฯ หรือ พฤษภาทมิฬ กว่ามาก

-คิดว่าจุดจบของสถานการณ์ที่เป็นอยู่จะเป็นอย่างไร และการเริ่มต้นใหม่ของประเทศอยู่ตรงไหน

สภาพแบบนี้มันต้องนำไปสู่การขัดแย้ง การเผชิญหน้า และที่สุดมันต้องเกิดความรุนแรง ถ้าไม่มีความรุนแรงจนเสียหายอย่างย่อยยับ คนไทยคงไม่ได้สำนึกที่จะสร้างชาติใหม่ เพราะแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่ายมีความมุ่งมั่น และมีความเชื่อว่า มีกำลังมากพอที่จะทำลายชาติให้ย่อยยับไปกับมือ

ผมยกตัวอย่างให้ฟัง ตอนที่เราเสียกรุงครั้งที่ 2 คนไทยแทนที่จะร่วมมือกันเพื่อจะกอบกู้เอกราช กลับแบ่งกัน เป็นก๊ก เป็นเหล่า แต่ละก๊กแต่ละเหล่า ต่างก็ต้องการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน โดยเชื่อว่าตัวเองจะเป็นใหญ่ได้ จนที่สุดต้องมีการต่อสู้กัน ซึ่งที่มันยุติลงได้ เพราะพระเจ้าตากสินได้รับชัยชนะ แต่นั่นหมายความว่า คนไทยฆ่ากันตายไปเยอะ ต้องรบราฆ่าฟันกันเอง ล้มตายไปมาก จึงจะกอบกู้เอกราชได้ ซึ่งวันนี้ดูเหมือนว่าถ้าไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะเด็ดขาด มันจะไม่ยุติ ฉะนั้นสถานการณ์มันคงต้องพัฒนาไปจนมีผู้ได้รับชัยชนะเด็ดขาด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร แต่สภาพการณ์ลักษณะนี้ จะดำรงอยู่ยาวนาน

-หนทางให้เกิดความสมานฉันท์โดยไม่ต้องรอการปฏิรูปการเมือง หรือแก้รัฐธรรมนูญมีหรือไม่

ผมมองไม่เห็นแนวทางสมานฉันท์ใดๆ ทั้งสิ้นว่าจะเกิดขึ้นได้ในขณะนี้ เพราะผมไม่เชื่อว่าใครที่จะเป็นคนกลางที่ทำให้เป็นที่เชื่อถือของทั้ง 2 ฝ่ายเหลืออยู่แล้วในประเทศ ผมไม่รู้ว่ามันจะยุติอย่างไร แต่ผมเชื่อว่า ตราบเท่าที่นักการเมืองยังมุ่งมั่นที่จะเอาชนะกันอย่างนี้ มันก็จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเราวิกฤตขึ้นไปอีก สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจะยุติลงไปได้ และมีทางออกถ้าทุกฝ่ายเคารพหลักกฎหมาย และเดินไปในแนวทางนั้น มันก็จะราบรื่น และมีทางออกสำหรับประเทศ แต่ถ้าทุกคนคิดแต่ประโยชน์ของตนเอง ถ้ากฎหมายให้ประโยชน์ก็บอกว่ากฎหมายดี ถ้ากฎหมายไม่ให้ประโยชน์ ก็บอกว่ากฎหมายไม่ดี ถูกแทรกแซง มันก็อยู่อย่างนี้ ถึงวันนี้แทบจะบอกได้ว่า มันไม่มีหลักอะไรเหลืออยู่แล้วสำหรับคนในสังคมไทย เพราะนักการเมืองต่างๆ ไม่ได้เคารพกติกาใดๆ ทั้งสิ้น ยึดมั่นอย่างเดียวคือ ประโยชน์ของตนเอง

-ยังมองว่าตุลาการภิวัฒน์เป็นเครื่องมือที่จะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่

วันนี้ตุลาการภิวัฒน์ก็ถูกกลุ่มคุณทักษิณทำลายย่อยยับไปแล้ว เพราะเมื่อมีการตัดสินคดีแล้วเสียประโยชน์ คุณทักษิณก็บอกว่าตุลาการฯ ถูกแทรกแซง ที่ผ่านมาสถาบันบริหาร นิติบัญญัติ ไม่น่าเชื่อถือ มาถึงวันนี้คุณทักษิณก็ทำให้สถาบันตุลาการไม่มีความน่าเชื่อถืออีกแล้ว มันก็หมดแล้ว เพราะระบอบประชาธิปไตยมันมีอยู่แค่ 3 สถาบันนี้ สิ่งเหล่านี้มันเป็นข้ออ้างที่ทำให้นักการเมืองกระทำเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเองทั้งนั้น มันไม่ใช่ประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชน วันนี้ระบอบประชาธิปไตยตามข้ออ้างของนักการเมืองมันกำลังพิสูจน์ตัวเองว่า มันจะสามารถนำพาประเทศไทยไปรอด และเป็นอนาคตของประเทศได้จริงหรือไม่ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจแล้ว

-ความขัดแย้งที่มีอยู่ถ้าจบลงโดยมีผู้ชนะเด็ดขาดภาพ ของงระบอบประชาธิปไตยไทยในอนาคตเป็นอย่างไร

ผมไม่อยากจะไปยึดมั่นติดมั่นกับระบอบการเมือง เพราะวันนี้ถามว่า ระบอบอะไรที่จะทำให้ประเทศก้าวหน้า มันก็มีคำโต้แย้งมาโดยตลอดโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ในขณะที่คนบอกว่า ระบอบประชาธิปไตย ดี แต่ไปดูอินเดีย ไม่เคยมีการปฏิวัติรัฐประหาร แต่กลับมีคนรวยๆ มาก คนจนๆ มากเกินครึ่งของประเทศมาก พอไปดูคอมมิวนิสต์ อย่างประเทศ จีน มีประชากรมากกว่าอินเดีย มีคนจนน้อยกว่าคนอินเดีย ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า คนมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพชีวิตโดยทั่วไป ดีกว่าคนอินเดีย วันนี้นักรัฐศาสตร์ต้องกลับมาคิด และหาตอบคำถามกันใหม่ว่า ระบอบการเมืองที่สามารถสร้างความสำเร็จ สร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนได้มันเป็นอย่างไร

-ถ้าถึงจุดที่เลวร้ายสุดๆ ประเมินว่าสภาพสังคมจะเป็นอย่างไร

ตามทฤษฎีทางสังคมเมื่อมีความตึงเครียดมากๆ ถ้ามันปรับตัวเองได้ก็จะไปสู่สมดุลใหม่ แต่ถ้าปรับไม่ได้มันก็จะต้องเกิดความรุนแรงขึ้น และต่อมาภายหลัง ถ้ามันสามารถจับสมดุลใหม่สังคม มันก็จะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าจับสมดุลใหม่ไม่ได้ สังคมมันก็ล่มสลายไป เหมือนมอญ ตามประวัติศาสตร์เคยยิ่งใหญ่มาในอดีต แต่พอถึงช่วงหนึ่งชุมชนมอญขาดศักยภาพ ก็ล่มสลายถูกกลืนชาติไป ซึ่งหมายความว่าชุมชนมอญไม่สามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้ ถ้าถามว่าไทยจะเป็นเหมือนมอญไหม ก็ต้องบอกว่ายากจะคาดเดาได้

-การรวมกลุ่มของคนที่มีประสบการณ์ด้านต่างๆ อย่างกลุ่มรักษ์เมืองไทย ที่อาจารย์ร่วมอยู่ จะพอช่วยได้หรือไม่

กลุ่มรักษ์เมืองไทยเป็นการรวมตัวของคนที่มีประสบการณ์ พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน นำเสนอความเห็น แต่บทบาทของกลุ่มลักษณะนี้ อาจจะไม่ทันต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤตชาติ เพราะสภาพที่มันเป็นอยู่ขณะนี้ มันส่งสัญญาณว่าจะต้องนำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด เพราะคงไม่มีกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดยอมรับอีกฝ่าย เช่น ตอนเสื้อเหลืองขึ้นมา เสื้อแดงเขาก็ตั้งรับ พอฝ่ายเสื้อแดงขึ้นมาต่อต้าน เสื้อเหลือก็ตั้งรับอีก เขาไม่ได้นิ่งเฉย เขารอดูท่าทีเท่านั้น ตอนนี้ยังถือเป็นการเผชิญกันระหว่าง 2 กลุ่มอย่างชัดเจน เสื้อแดงก็ถือว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแทนของเสื้อเหลืองหรือพันธมิตรฯ ขณะที่พันธมิตรฯ ก็บอกว่าประชาธิปัตย์เป็นเพียงเนวร่วม ทำถูกใจก็สนับสนุน ไม่ถูกใจก็จะค้านด้วย

ส่วนกลุ่มภูมิใจไทยก็เป็นกลุ่มการเมืองที่มีผลชี้ขาดต่อการใช้อำนาจทางการเมืองเท่านั้น ไม่ได้ถือเป็นกลุ่มความหวังให้กับสังคมได้ เพราะตอนอยู่เพื่อไทย ก็ทำให้เพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อเปลี่ยนมาสนับสนุนประชาธิปัตย์ ก็ทำให้ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลได้ ตอนนี้ก็ปลีกตัวออกมาอยู่นอกวงของการต่อสู้ และรอดูจังหวะว่ากลุ่มไหนชนะ ก็จะเข้าร่วมด้วย เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มนั้นมีความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาล ซึ่งภูมิใจไทย จะไปถือเป็นกลุ่มความหวังให้กับสังคมไม่ได้

-พอจะมีแสงสว่างที่เป็นทางออกเหลืออยู่บ้างไหม

ถ้าพอจะมีความหวังได้ก็คือ ตัวรัฐบาลเองจะต้องรับมือต่อการกดดันของกลุ่มเสื้อแดงให้ได้ ต้องไม่ตกหลุมพรางของกลุ่มเสื้อแดง ไม่ไปเผชิญหน้าใช้กำลังปราบปรามกลุ่มเสื้อแดง ปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงคุกคามรัฐบาลไป โดยรัฐบาลต้องทำงานให้หนัก เฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชน เช่น ทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกด่วนเลย เรื่องเกษตรกรมีปัญหาหนี้สิน รัฐบาลต้องบอกเลยว่า จะซื้อหนี้เกษตรกรทั้งประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเอามาปรับโครงสร้างใหม่ให้เกษตรกรมีความหวัง ไปเร่งรัดแต่งตั้งคนมาเป็นเจ้าภาพดูแลผลผลิตของเกษตรกร ที่ราคาตกต่ำ ส่วนผู้ที่ว่างงาน ไปดำเนินการเลยว่าจะทำโครงการอะไรบ้างที่ให้คนมีงานทำ และมีความยั่งยืน ส่วนเอสเอ็มอี มีปัญหาอะไรที่รัฐต้องเข้าไปช่วยแก้ เร่งรัดเข้าไปช่วยโดยด่วน

แต่ขณะนี้คิดว่ารัฐบาลทำงานประจำมากเกินไป รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เองก็ทำท่าจะไม่เป็นความหวังของประชาชน มาตรการแรกๆ ที่ออกมาเป็นมาตรการใช้เงินเฉยๆ แต่มันไม่เป็นมาตรการดำเนินโครงการอะไร ที่จะแสดงถึงประสิทธิภาพของรัฐบาล ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ทำ คือ ยังไม่ทำโครงการอะไรที่จะมีลักษณะยั่งยืน สร้างสรรค์ แก้ไขปัญหาคนตกงาน เกษตรกร ถ้ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยังโอ้เอ้ วิหารลอยอย่างนี้อยู่ ผมคิดว่าเวลาสำหรับพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มี และในที่สุดก็จะเป็นรัฐบาลต่อไปไม่ได้ มันก็จะทำให้สภาพการเมืองยิ่งไม่มีความหวัง แต่ถ้าเขาเร่งรัดทำงานหนัก แก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างเป็นรุปธรรมจริงๆ และทำให้ประชาชนเกิดความหวัง ที่สุดการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงก็จะอ่อนแรงลง นี่อาจจะเป็นทางออกทางหนึ่งที่เป็นไปได้ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะเร่งรัดทำงานหนักให้เป็นรูปธรรมได้หรือไม่ แต่มาถึงวันนี้ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ยังไม่ได้นำเสนอแนวทางอะไรที่เป็นรูปธรรมที่จะทำให้คนเห็นว่า คุณอภิสิทธิ์จะแก้ปัญหาเกษตรกร แก้ปัญหาคนตกงานอย่างไร ยังไม่ได้ทำ มาตรการที่ออกไป มันแค่เอาเงินมาแจก ซึ่งมันทำง่าย แจกหมดงวดนี้แล้วจะทำอย่างไรต่อ มันไม่ได้มีเงินให้แจกอย่างนี้ตลอดไป ที่เราไปกู้ตอนนี้ 7 หมื่นล้านบาท มันแค่ขี้ตาแมวนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น