xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” โปรยยาหอม เล็งต่อยอดเบี้ยยังชีพเป็นบำนาญ ปชช.ตลอดชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อภิสิทธิ์” หวัง ข้าราชการรุ่นใหม่ทำงานแบบบูรณาการ มองข้ามระบบอุปถัมภ์ ชี้ มีแต่เรื่องทุจริตคอร์รัปชันอื้อ โปรยยาหอม “โครงการบำนาญประชาชน” เล็งต่อยอดเบี้ยยังชีพ พร้อมให้ความมั่นใจสถานะกองทุน กบข.ไม่เจ๊ง เร่งตรวจสอบการทุจริต พร้อมยอมรับหาผู้นำทางการเมืองรุ่นใหม่ยาก ชี้ ก้าวแรกก็มีความชั่วเพิ่ม ครวญขณะนี้ ปชป.เข้าสู่วิกฤต อาจเจอยุบพรรครอบ 2 อีกครั้ง

วันนี้ (23 มี.ค.) ที่สำนักงาน ก.พ.นนทบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อเรื่อง “ข้าราชการรุ่นใหม่กับการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน” ให้กับตัวแทนข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 600 คน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า การบริหารราชการในยุคปัจจุบัน มีหลายประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ คือ 1.ปัญหาที่เป็นผลสืบเนื่องจากโลกยุคโลกาภิวัตน์ ที่ปัจจุบันเป็นปัญหาต่อเนื่องที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจากโลกาภิวัตน์ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรื่องการค้าการลงทุนและวัฒนธรรม ดังนั้น ถ้าเรายังมองปัญหาอยู่ในกรอบของตัวเองก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ และถ้าเราไม่เข้าใจบริบทของโลกาภิวัตน์การทำงานก็จะไม่ประสบความสำเร็จ 2.การเน้นในเรื่องของประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ ซึ่งข้าราชการรุ่นใหม่ต้องตระหนักว่าการทำงานในโลกปัจจุบันจะต้องเข้าใจ และคำนึงถึงจุดนี้อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ จะต้องหาความพอดีปรับระดับมาตรฐานในการทำงาน ควบคู่ไปกับการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้เกิดความเป็นธรรม 3.ความยั่งยืนที่ผูกพันกับสิ่งแวดล้อม โดยกระบวนการในการพัฒนาในอนาคตจะคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะสั้นและระยะกลางไม่ได้ ต้องคำนึงถึงผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ข้าราชการรุ่นใหม่ที่ดีจะต้องใฝ่รู้และเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลเก่าและใหม่มหาศาลที่ต้องเรียนรู้ ต้องรู้จักฝึกฝนตัวเองให้รู้จักคิดและวิเคราะห์ กลั่นกรอง รู้จักการใช้เหตุผล รู้จักที่จะรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น มีการพัฒนาตลอดเวลาไม่หยุดอยู่กับที่ และต้องมีการสื่อสารกับสังคมว่าได้ทำอะไรไปบ้างเพื่อให้เกิดความเข้าใจและความร่วมมือ เพราะในยุคนี้ยากที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานถ้าไม่รู้จักสื่อสาร ทั้งนี้ ตนอยากเห็นคนรุ่นใหม่มีความครบถ้วนเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานที่ประกอบไปด้วย หลักคุณธรรม จริยธรรม และยอมรับว่า ในสังคมเรามีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี และตนอยากเห็นข้าราชการรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงระบบอุปถัมภ์ที่มีการทุจริตคอร์รัปชัน

“อยากให้ข้าราชการรุ่นใหม่ รู้จักการบูรณาการในการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ มากกว่าจะมองถึงภารกิจของหน่วยงาน เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและประชาชนเป็นศูนย์กลาง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามถึงการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ยกเว้นข้าราชการที่รับบำนาญ ว่า รัฐบาลจะพิจารณาค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐทั้งระบบ ส่วนสาเหตุที่รัฐบาลไม่จัดสรรเบี้ยยังชีพให้ข้าราชการบำนาญนั้น เนื่องจากเห็นว่าคนกลุ่มนี้ได้รับสวัสดิการจากรัฐแล้ว และยอมรับว่า กังวลเรื่องงบประมาณไม่เพียงพอ แต่ในโครงการเบี้ยยังชีพต่อไปจะพัฒนาให้เป็นระบบบำนาญประชาชนที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับเงินก้อนนี้ แต่ในอนาคตต้องเริ่มต้นด้วยการออม เพราะขณะนี้เบี้ยยังชีพ 500 บาท เป็นเหมือนเบี้ยสงเคราะห์ผู้ยากไร้ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้น

ต่อมาข้าราชการคนหนึ่งได้ซักถามและแสดงความไม่สบายใจถึงปัญหาเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ตนกำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลมาดูในเรื่องของตัวเลขที่เกิดความเสียหายในการลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้เกิดความชัดเจน และดูว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของข่าราชการจะไม่ได้รับผลกระทบ “ซึ่งคำชี้แจงที่ผมได้รับมาเบื้องต้นในเรื่องของการขาดทุน ถึงขั้นเจ๊งนั้น ยืนยันว่า สถานะของกองทุนไม่ได้เป็นเช่นนั้น ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตไม่โปร่งใสใน กบข.ผมขอยืนยันว่าจะมีการสอบสวนเพื่อให้เกิดความกระจ่างอย่างเต็มที่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ ตอบข้อซักถามของข้าราชการคนหนึ่ง ว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยจะมีผู้นำทางการเมืองรุ่นใหม่ขึ้นมาอีก โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันก็มีคนรุ่นใหม่ที่ตัดสินใจเข้ามาเป็นนักการเมืองจำนวนมาก แต่ยอมรับว่า เป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะมีคนตัดสินใจเข้ามาเล่นการเมือง เพราะมีเรื่องของความมั่นคง และความต่อเนื่องในการทำงาน อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยเผชิญกับคดียุบพรรคมาแล้วครั้งหนึ่ง และขณะนี้ก็กำลังเผชิญกับคดียุบพรรคภาค 2 ในเร็วๆ นี้ การเมืองไม่ใช่งานประจำที่จะไต่เต้าได้อย่างเป็นระบบ ขึ้นอยู่กับความชอบ ความสนใจ และความถนัด ซึ่งปัญหาไม่ใช่ว่าคนอายุน้อยจะเข้ามาหรือไม่ แต่ปัญหา คือ การเข้ามาแล้วถูกกลืนโดยระบบ นอกจากนี้ ยังต้องมีการสนับสนุนจากประชาขนอย่างต่อเนื่องด้วย ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนก็ทำงานยาก

“ปัจจุบันการเมืองก็แบ่งฝ่ายกันมากขึ้น ผมก็เตือนทุกคนว่าถ้าก้าวเข้ามาเป็นนักการเมืองแล้วก็เท่ากับมีความชั่วเพิ่มขึ้น เพราะมีคู่ต่อสู้คอยจับผิด อย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาก็มีตั้งแต่เรื่องสมัยที่ผมเรียนหนังสือ แต่งงาน หรือเป็นทหาร ดังนั้น ถ้าจะเข้ามาอยู่ในการเมืองสิ่งแรกก็ต้องฝึกในเรื่องของความอดทนอดกลั้นและการถูกโจมตี รวมถึงความเสี่ยงต่างๆเช่นการโดนปาไข่ ซึ่งวันนี้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพไปแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

จากนั้นมีข้าราชการคนหนึ่งถามถึงการส่งข้อความผ่านระบบ SMS แต่ไม่ได้รับการตอบกลับจากนายกรัฐมนตรี โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เมื่อถูกร้องเรียนถอดถอนทุกอย่างก็หยุดทั้งหมด จนกว่า ป.ป.ช.หรือ กกต.จะตัดสิน ซึ่งถ้าศาลตัดสินเรียบร้อยว่าไม่ผิดตนก็จะเจรจาในขั้นต่อไปที่ทางเครือข่ายโทรศัพท์ได้เก็บข้อมูลไว้ ก็จะลองเอามาใช้ในการส่งข้อมูลกลับ แต่จะต้องมีการทำเป็นสัญญาที่ชัดเจน เพราะในช่วงที่ทำเบื้องต้นนั้นเป็นการขอความร่วมมือเพียงครั้งแรกครั้งเดียว แต่ถ้า ป.ป.ช.หรือ กกต.ตัดสินว่าผิด ตนก็คงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว คงต้องรอคนใหม่ ส่วนที่มีประชาชนส่งข้อมูล หรือคำแนะนำต่างๆ มาทางอีเมล หรือไฮไฟว์นั้น ช่วงนี้กำลังปรับปรุงอยู่ คาดว่า สัปดาห์หน้าคงจะเรียบร้อย และพร้อมจะตอบกลับทุกข้อความ




กำลังโหลดความคิดเห็น