“เทพเทือก” ประสานเสียง “ประวิตร” ยันไม่มีปฏิวัติ จี้ทุกฝ่ายตรึงม็อบ

“เทพเทือก” ถก ครม.เฉพาะกิจ รับมือม็อบ สั่งมหาดไทยคุมผู้ว่าฯ-นายอำเภอทุกจังหวัด ตรึงสถานการณ์เข้ม จี้ทุกกระทรวงแจงข้อเท็จจริงรายวัน ยันไม่มีปฏิวัติแน่ ลั่นพร้อมเจรจา “แม้ว” ทุกที่ทุกเวลา ด้าน “รมว.กลาโหม” เปิดปากยันทหารเป็นหนึ่งเดียว แม้จะแตกแยกทางความคิดถือเป็นเรื่องปกติ ยันไม่มีการซื้อตัวทำปฏิวัติ ด้าน “บุญจง” เข้มผู้ว่าฯ 42 จังหวัด เตรียมคาดโทษทันที ถ้ามี “เสื้อแดง” ล้อมศาลากลางจังหวัด 3 เม.ย.นี้ ขณะที่ รมว.ไอซีทียังอืดขอดูข้อกฎหมายก่อนตัดสัญญาวิดีโอลิงก์ ด้าน “กษิต” ย้ำปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาทหารคุยกันอยู่ แจง “ฮุนเซน” หมดแล้วชี้แปลคำผิด

วันนี้ (1 เม.ย.) ที่กรมประชาสัมพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ได้เรียกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงมาหารือ เพื่อรับมือสถานการณ์การชุมนุมขณะนี้ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าที่ ร.ต.(หญิง)ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ภายหลังการหารือ นายสุเทพได้แถลงว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือกันซึ่งได้รับทราบว่าประชาชนส่วนใหญ่เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะที่มีการปราศรัยโค่นล้มระบอบอมาตยาธิปไตย รวมถึงการโฟนอินและการวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยุยงปลุกปั่นประชาชน ซึ่งมีเสียงบ่นว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร จึงขอยืนยันว่ารัฐบาลได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ติดตลอดเวลา แต่การกระทำของรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่บริหารประเทศบนข่าวลือ ต้องมีเหตุผล

นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลจะยึดถือกฎหมายเป็นหลักในการแก้ไขปัญหาและปฏิบัติตามกรอบกำหมายกำหนดเท่านั้น ในที่ประชุมยังได้มอบหมายให้แต่ละกระทรวงไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองเท่าที่กำหมายกำหนด ซึ่งจากวันนี้ไปรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่ถูกพาดพิงจะต้องชี้แจงให้มากขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นการที่รัฐมนตรีไม่ชี้แจงอะไรเลยจะทำให้ประชาชนสงสัยอย่างเช่น กรณีมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงหลักของประเทศ รัฐมนตรีต้องไปกำชับผู้ว่าราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้และรายงานสถานการณ์จริงให้รัฐมนตรีทราบและชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเหตุการณ์จริง หรืออย่างกระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้ไปดูกฎหมาย ว่าจะมีกฎหมายใดที่จะสามารถดำเนินการตัดสัญญาณ หรือการพูดผ่านวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บ้าง ถ้ามีกฎหมายใดที่สามารถดำเนินการได้ ก็ให้ดำเนินการตัดสัญญาณทันที

เมื่อถามถึงเหตุการณ์เกิดมานานแล้ว แต่เพิ่งไปดูข้อกฎหมายจะทันหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลอาจจะทำอะไรที่ช้าไปบ้าง แต่ต้องทำตามกฎหมาย เมื่อถามว่าจะมีการประสานกับประเทศต่างๆ ที่มีสนธิสัญญาเพื่อไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า มีการประสานอยู่แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเครื่องบินส่วนตัว วันนี้นอนฮ่องกง พรุ่งนี้นอนดูไบ อีกวันนอนแอฟริกา ตนคงไม่สามารถให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอัยการ ตามไปทุกที่ได้ทัน

“ผมพร้อมพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกที่ทุกเวลา ที่ไหนก็ได้ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณนัดหมายมา ผมพร้อมเจรจา เพื่อให้บ้านเมืองสงบ แต่จะไม่ทำตามข้อเรียกร้อง โดยเฉพาะการยุบสภา เพราะรัฐบาลจะไม่ยึดสภาแน่นอน” นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพกล่าวอีกว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.ปรองดองที่ฝ่ายค้านเสนอนั้นตนได้พิจารณาแล้วเห็นว่าขัดหลักการการทำงานในระบอบประชาธิปไตย เพราะร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่เอาโทษคนทำความผิด ก็เหมือนกฎหมายนิรโทษกรรม ดังนั้นถ้าเป็นเงื่อนไขในการเจรจารัฐบาลคงทำไม่ได้ เพราะการเจรจาต้องอยู่บนพื้นฐานนิติรัฐ

สำหรับตนยืนยันว่าสามารถเข้าไปทำงานในทำเนียบได้ทุกวัน แต่ไม่อยากให้เกิดการปะทะ และที่ผ่านมาปลัดสำนายกรัฐมนตรี ได้ไปร้องต่อศาล เพื่อขอให้คุ้มครองข้าราชการและรัฐมนตรีเข้าไปทำงานในทำเนียบ ซึ่งแกนนำ นปช.เป็นนักการเมือง ดังนั้น เมื่อมีคำสั่งศาลออกมา ก็ควรทำเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติคำสั่ง

เมื่อถามว่าจะมีมาตรการอะไรเพื่อไม่ให้เกิดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย. นายสุเทพกล่าวว่า คงห้ามไม่ได้ เพราะเขาสามารถชุมนุมได้ แต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ถ้าทำลายทรัพย์สินราสชการหรือทำร้ายใคร เราต้องมาดูกฎหมายเพื่อดำเนินการ เมื่อถามว่าจะรอให้สถานการณ์เกิดขึ้นก่อนหรือไม่ ค่อยดำเนินการ นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่รอถึงขนาดนั้น แต่ตนมีมาตรการอยู่ในใจคงจะบอกไม่ได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปฏิวัติ นายสุเทพกล่าวว่า “อย่าตั้งคำถามอย่างนี้ ไม่มี ไม่ได้คิด ขอใช้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงยืนยัน เมื่อซักอีกว่ามีการระบุจากพีเน็ตว่าจะมีการซื้อทหารเพื่อทำการปฏิวัติ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่จริง ทหารไม่ใช่สินค้าที่จะซื้อขาย

ด้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวยืนยันว่า เอกภาพของกองทัพไม่มีการซื้อตัวทหารเพื่อให้ทำปฏิวัติว่า ทหารขณะนี้เป็นหนึ่งเดียว ไม่มีเรื่องการแบ่งแยก แต่ทางความคิดมีความแตกแยกทางความคิดเรื่องประชาธิปไตย แต่เรื่องของความแตกแยกไม่มี เพราะทหารของเรามีระเบียบวินัยค่อนข้างชัดเจนไม่ต้องห่วง ส่วนการที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะบุกบ้าน พล.อ.เปรมนั้น คงยังไม่มี ยังไม่ถึง ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมายชัดเจน เรื่องกฎหมายต่างๆ ถ้าทำตามกฎหมายได้ ประเทศก็จะเดินไปได้ เมื่อถามว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ในลักษณะยั่วยุจะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การแก้ปัญหาคงแก้ไปตามสถานการณ์

ส่วนนายบุญจงกล่าวถึงการจำกัดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงใน 42 จังหวัดที่จะเดินทางไปชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดในวันที่ 3 เม.ย.ว่า รับรองว่าต้องลดน้อยลงในพื้นที่ทั้ง 42 จังหวัดอย่างแน่นอน ตนยืนยันว่าจะต้องไม่มีกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมหน้าศาลากลาง เราจะไม่ให้มีการปิดล้อมสถานที่ราชการ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องย้ายการชุมนุมไปยังพื้นที่ที่จัดให้ เช่น สวนสาธารณะ ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการคาดโทษหรือไม่ หากยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงไปหน้าศาลากลางจังหวัด นายบุญจงกล่าวว่า ถ้ามีจะมีการคาดโทษทันที เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่หย่อนยาน

ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.(หญิง)ระนองรักษ์ กล่าวว่า วันนี้ตนจะไปหารือกับ กทช.เพื่อดูข้อกฎหมายเรื่องการตัดสัญญาณวิดีโอลิงก์ คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ต้องดูว่าดาวเดียมที่ยิงสัญญาณมาเป็นของไทยหรือต่างประเทศ เพราะหากเป็นของต่างประเทศคงจะเอาผิดได้ยาก ส่วนเรื่องเว็บไวต์ต่างๆ ต้องดูว่าเข้าข่ายหมิ่นหรือไม่ หากเข้าข่ายก็สามารถจัดการได้ตามมาตรา 63 ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ทันที

จากนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพได้ใช้เวลาหารือกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ประมาณ 10 นาที ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูแคลนนายกษิตเรื่องกล่าวหาสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยนายกษิตกล่าวสั้นๆ ว่า “คุณเข้าใจภาษาไทยหรือเปล่า คงไม่ต้องชี้แจงแล้ว เพราะเขารู้คำแปลว่าคืออะไร ส่วนปัญหาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ทหารก็พูดจากันอยู่”

เมื่อถามว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังนายกฯ ฮุนเซน ของกัมพูชาหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า พูดไปหมดแล้ว เขาเป็นการแปลคำผิด ตนชื่นชมท่านนายกฯ สมเด็จฮุนเซน เป็นอย่างยิ่ง จากนั้นนายกษิตได้ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวไปโดยบอกสั้นๆ ว่าจะยังไม่เข้ากระทรวงการต่างประเทศ