“เพื่อแม้ว” ฝัน พ.ร.บ.ปรองดองผ่านสภา ยันเสียงหนุนมากกว่าเสียงตั้ง รบ.

“ประเกียรติ” ฝันกลางวัน มั่นใจ พ.ร.บ.ปรองดองฯ ได้เสียงหนุนพรรคร่วม โอ่มีมากกว่าเสียงตั้งรัฐบาล ระบุเสียใจ “มาร์ค-ปชป.” เมิน ลั่นต้องล้างไพ่ใหม่ เริ่มต้นมาตรฐานเดียวกัน แจงกำหนด 5 พ.ค.ล่วงหน้า อ้างเป็นวันมงคลในการปรองดองคนในชาติ

วันนี้ (30 มี.ค.) นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์และหลายฝ่ายออกมาคัดค้านในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว โดยมองว่า เป็นการนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง อาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภานั้น ว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.นั้น รัฐธรรมนูญปี 2550 ให้สิทธิ ส.ส.ในการเข้าชื่อเสนอได้ ซึ่งเป็นอำนาจการพิจารณาอยู่ที่รัฐสภาจะเห็นชอบหรือไม่ อีกทั้งยังให้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส.ในการลงมติกฎหมายในสภา แม้รัฐบาลจะมีเสียงข้างมากสนับสนุนในการบริหารประเทศ แต่หากมีเสียงไม่เห็นด้วยกับร่างดังกล่าวมาก ก็มีโอกาสที่จะไม่ได้รับการสนับสนุนหรือรับหลักการร่างฉบับนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา

“วันนี้ยอมรับว่า รอผ่านขั้นตอนการตรวจสอบรายชื่อ ส.ส.ที่ร่วมเสนอ หากถูกต้องครบตามกฎหมายกำหนด ประธานสภาก็จะบรรจุร่างเข้าสู่การพิจารณาในสภาต่อไป ถ้าสภาผู้แทนฯไม่รับหลักการในวาระแรก ถือว่าร่างนี้ตกไปทันที่ แต่ถ้ารับหลักการก็จะตั้งกรรมาธิการไปแปรญัตติต่อไป แต่เบื้องต้นร่างฉบับนี้ได้มีการหารือต่อเนื่องจนตกผลึกจาก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค และมั่นใจว่า จะมีเสียงมาก ซึ่งอาจมากกว่าเสียงที่สนับสนุนรัฐบาลด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่เกิดความปรองดอง กฎหมายปรองดองฯจะสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในสภา” นายประเกียรติ ย้ำ

นายประเกียรติ กล่าวอีกว่า ในหลักการ ส่วนตัวคิดว่า ร่างดังกล่าวมีโอกาสผ่านในขั้นรับหลักการไปได้ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ โดยเฉพาะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศชัดเจนว่า วาระเร่งด่วนที่แก้ไข คือ การลดความขัดแย้ง แต่เท่าที่ผ่านมา 3 เดือนยังไม่เห็นแนวทางอะไรที่เป็นรูปธรรมในการขจัดความขัดแย้ง พวกเราจึงได้เสนอร่าง กม.ปรองดอง ให้เป็นรูปธรรมเป็นมาตรการในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อให้โอกาส ส.ส.มาร่วมกัน หากฝ่ายใดถูกตัดสิทธิ์ เพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง ก็ย่อมจะมีพวกพ้องที่ไม่พอใจโกรธแค้น ถ้าวันนี้ประเทศยังแบ่งข้างกันอยู่ ก็จะเกิดความขัดแย้งไม่มีวันจบสิ้น

“แต่รู้สึกเสียใจที่นายกฯออกมาระบุไม่เห็นด้วย แทนที่จะออกมารับเห็นด้วยในหลักการหรือวางตัวเป็นกลาง เพราะหากสนับสนุนร่างดังกล่าวก็จะไม่ทำให้ความเป็นรัฐบาลเปลี่ยนไป โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่จะมาสนับสนุนก็ยังคงเป็นรัฐบาลต่อไป แต่ทำให้เกิดความปรองดองและสามารถแก้ความขัดแย้งในสังคมได้ ซึ่งจะต้องมีการล้างไพ่ใหม่ อะไรที่เป็นสองมาตรฐานก็เริ่มต้นในมาตรฐานเดียวกัน นั่นคือ เจตนารมณ์ในการเสนอร่างฉบับนี้” นายประเกียรติ กล่าว

เมื่อถามว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯจะพิจารณาในสมัยประชุม นี้หรือไม่ นายประเกียรติ กล่าวว่าไม่ทราบ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนในเสนอร่าง และรอประธานสภา บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระก่อนว่าจะพิจารณาเมื่อไหร่ ดังนั้น ไม่อยากให้ตีตนไปก่อนไข้ ว่า ไม่เห็นด้วย หรือจะเกิดความขัดแย้ง แสดงว่าอ่านร่างโดยไม่พิจารณา ถึงเนื้อหาของกฎหมายอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการที่ระบุวันที่ 5 พฤษภาคมไว้ในร่างล่วงหน้า บางส่วนยังไม่เข้าใจ ก็สามารถอธิบายให้เหตุผล ให้เป็นที่ยอมรับได้ ซึ่งการกำหนดวันดังกล่าว เพราะวันที่ 5 พฤษภาคม เป็นวันฉัตรมงคล ถือเป็นวันที่เป็นมงคลเพื่อให้คนในชาติปรองดองกัน ซึ่งความหมายเป็นเช่นนี้