หน.ปชป.ฝันกลางวันนั่งภาวนาให้ “แม้ว” คิดถึงประเทศชาติ ยอมสารภาพผิด และน้อมรับคำพิพากษาผ่านโฟนอิน ไม่เข้าใจ “นายก” ปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ โดยใช้ประชาชนเป็นตัวประกันตั้งอยู่บนความเสี่ยง
วันนี้ (31 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีคำยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินผ่านรายการความจริงวันนี้ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ว่า หวังว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาแล้วจะพูดความจริง สารภาพผิดว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไปและยอมรับคำสั่งของศาลที่พิพากษาให้จำคุก หากเป็นเช่นนี้ เชื่อว่าปัญหาต่างๆ น่าจะยุติ สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย ทั้งนี้ตนจะรอดูท่าทีของรัฐบาลในการดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้พูดในสภาฯ ว่ามาจากกระบวนการยุติธรรม ต้องปกป้องกระบวนการยุติธรรม
ดังนั้น ถ้าปล่อยให้คนที่ศาลตัดสินว่ากระทำผิดมาให้ร้ายกระบวนการยุติธรรม แล้วยังเพิกเฉย ก็คงต้องพิจารณาถึงมาตรการที่จะดำเนินการต่อไป
“ถ้าคิดถึงประเทศชาติ คุณทักษิณก็ควรต้องพูดความจริง ยอมรับว่าตัวเองก็รู้ว่าทำอะไรไป อย่างคดีความจะปฏิเสธตรงไหนว่าไม่ได้เป็นสามีคุณหญิงพจมานหรือคุณหญิงพจมานไม่ได้ไปยื่นซื้อที่ และ ป.ป.ช.มีกฎหมายห้ามจะปฏิเสธตรงไหน ก็พูดความจริง ถ้าคุณทักษิณอยากช่วยประเทศก็โฟนอินเข้ามาบอกว่าบัดนี้รู้แล้วว่าทำผิดไป และจะพยายามทำใจมารับผิด และขอให้ทุกคนสงบยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่ดีที่สุด ถ้าคิดถึงบ้านเมืองก็ต้องพูดอย่างนี้ ถ้าพูดเป็นอื่นแล้วสร้างความขัดแย้งก็แปลว่าคิดถึงแต่ตัวเอง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเสนอให้นายกรัฐมนตรีปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเครื่องหมายคำถามกับบทบาทของรัฐบาลโดยรวม เพราะการตอบกระทู้ของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้มีคำถามมากขึ้น เพราะนอกจากไม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ยังแสดงการหลีกเลี่ยงการบอกกล่าวข้อเท็จจริง ไม่มีการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งทำให้ตรงนี้เป็นปัญหารวมถึงคำตอบที่พยายามยืนยันว่าตัวเองได้พยายามระงับยับยั้งคนของรัฐบาลในการดำเนินการ แต่สาธารณชนมองเห็นบทบาทตรงนี้อย่างชัดเจน ความเชื่อถือ เชื่อมั่นในรัฐบาลจึงไม่เกิด ดังนั้นคิดว่าการปรับ ครม. ไม่ใช่เรื่องหลักในตอนนี้ เพราะมีเงื่อนไขในความขัดแย้งอื่นที่ต้องเร่งแก้ไขก่อน ความพยายามดึงดันจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ควรต้องยุติก่อนหรือไม่ การปรับบทบาทของคนในรัฐบาล และสื่อของรัฐในการเผยแพร่รายการความจริงวันนี้ ถือว่าตรงนี้สำคัญกว่า
ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าอาจจะมีเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นได้อีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกวันที่ผ่านไปมีแต่ความเสี่ยง แต่นายกรัฐมนตรียังเฉย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงได้พึงพอใจกับการที่ประเทศและชีวิตของประชาชนเสี่ยงเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หวังว่าสถานการณ์ในช่วงนี้จะไม่เลวร้ายลงเหมือนที่หลายคนวิตกกัน และคงจะดูว่าช่องทางต่างๆ ที่ฝ่ายค้านทำได้คืออะไร ซึ่งเบื้องต้นคงต้องเร่งรัดองค์กรต่างๆ ที่สอบสวนเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้เร่งสรุปผล เพราะคิดว่าประชาชนต้องการคำตอบในเรื่องนี้ และต้องการเห็นความรับผิดชอบ
ซึ่งเชื่อว่าจะคลี่คลายเงื่อนไขของความขัดแย้งลงได้
ต่อข้อถามว่า หากผลสอบสวนโยงไม่ถึงตัวนายกรัฐมนตรี ดังนั้น นายกรัฐมนตรีก็ไม่ต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่วว่า เรื่องความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี หลายคนได้พูดไปแล้วว่าถ้าคนมีจิตวิญญาณของนักประชาธิปไตย ก็คงแสดงความรับผิดชอบไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าผลการสอบสวนจะออกมาอย่างไร ต้องรอดูก่อน