“สนธิ” ชี้ศึกอภิปรายสะท้อนภาพสภาไร้เกียรติ เปลือย “เป็ดเหลิม-สากกะเบือ” ล่อนจ้อนเป็นโมฆะบุรุษ จวก “แม้ว”โฟนอินเลอะเทอะ ไม่รู้ถูกรู้ผิด หวังแค่ปลุกเสื้อแดงป่วนชาติ เพื่อประโยชน์ตัวเอง พร้อมยืนยันไม่เคยไปกินข้าวกับองคมนตรี ตามคำกล่าวหา “นช.แม้ว” วอน “มาร์ค” กล้าเชือดตำรวจ หลังอภิปรายผ่านฉลุย คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ พังอีกรอบ หลังพิมพ์แบงก์ 3 แสนล้านดอลล์ ซื่อพันธบัตร คืนจากจีน
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “Good Morning Thailand” ช่วงเวลา 06.00-07.00 น.วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การที่ ส.ส.พูดคำหยาบใส่กันในที่ประชุมสภา เป็นเรื่องที่น่าสังเวช ซึ่งการเมืองไทยจะไม่มีทางเจริญถ้า ส.ส.ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสว่าผู้ใดมีหน้าที่อะไรให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แต่การเป็น ส.ส.ที่ถูกเลือกให้เข้ามานั่งในสภาอันทรงเกียรตินั้น ส.ส.พวกนี้ไม่เคยสนับสนุนสถานภาพอันทรงเกียรติของสภาแม้แต่นิดเดียว หรือว่าที่มาของ ส.ส.มันสกปรกน้ำเน่าเราก็เลยได้ ส.ส.กุ๊ย-เถื่อนเข้ามา บางคนเป็นมาเฟียอยู่แถวดอนเมือง วันอภิปราย ยกนิ้วกลาง หรือว่ามันถึงจุดจบของการเมืองน้ำเน่า
นายสนธิกล่าวต่อว่า ที่แน่ๆ ผู้คนเบื่อมาก จะอภิปรายอย่างไรก็ตาม ถ้า ส.ส.ไม่คำนึงถึงเกียรติยศที่ตัวเองได้มา และพยายามรักษาเกียรตินั้นไว้ ถึงให้มีคนเรียกขานว่าเป็นดับเบิลผู้ทรงเกียรติก็ไม่มีความหมาย ที่มีคนให้เกียรติคือภาพภายนอก แต่ภายในคดโกง ทำอะไรก็เพียงเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ไม่มีเกียรติแม้แต่น้อย
** “เป็ดเหลิม” โมฆบุรุษ-โพลชี้คนไม่เชื่อ
นอกจากนี้ การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แทนที่จะอภิปรายการทำงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กลับเป็นการอภิปรายเบื้องหลังข้อกล่าวหาการฟอกเงินโฆษณาของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แทน ซึ่งที่จริงถ้ามีหลักฐานเรื่องเงิน 258 ล้านบ้านนั้น ไม่ต้องเอามาอภิปรายก็ได้ ให้เอาไปให้ กกต.ได้แล้วก็เปิดให้สัมภาษณ์ทันทีเลย ยังดีเสียกว่าไปเสียเวลาไปโชว์ว่าตัวเองรู้ข้อมูล แล้วเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่คนแบบ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ คนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม เป็นโมฆบุรุษไปแล้ว ไม่ว่าจะแสดงอย่างไร ด้วยท่าทางขึงขัง แสดงชาร์ต ข่มขู่กระแนะกระแหน แต่โพลล์ออกมา ประชาชนส่วนใหญ่บอกว่าไม่น่าเชื่อถือ ข้อมูลที่เอามาอภิปรายอาจถูกต้องก็ได้ แต่ที่ผ่านมา ภาพลักษณ์การเป็นเด็กเลี้ยงแกะ วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง และพฤติกรรมในอดีต เรื่องลูกมีปัญหาสังคม เป็นที่รับทราบมาตลอด ทำให้การพูดจาของ ร.ต.อ.เฉลิมไม่ว่าจะตั้งใจหรือข้อมูลแม่นยำแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย ไม่มีสาระ
“น่าเสียดายมากคุณเฉลิมไม่รู้ว่าตัวเองเล่นการเมืองมา 30 กว่าปี มาจนอายุ 60 กว่าปี กลายเป็นโมฆะบุรุษที่ไม่มีใครเชื่อถือไปแล้ว จากโพลล์ที่ออกมา นี่คือจุดจบในชีวิตของคุณ” นายสนธิกล่าว
ส่วนปรากฏการณ์ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนหันมายกเมือให้รัฐบาลนั้น แสดงว่าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร มีการรวนเรในพรรคเพื่อไทย บางคนอาจรับปากนายเนวิน ชิดชอบไว้แล้วว่าจะมาอยู่พรรคภูมิใจไทย ต้องต้องแสดงออกให้เห็น ทำให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นเด็กสร้างของนายเนวินมีคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจน้อยกว่าคนอื่น คนที่ได้คะแนนไม่ไว้วางใจมากที่สุดกลับเป็นนายกษิต ภิมรมย์ รมว.ต่างประเทศ รองลงมาคือนายอภิสิทธิ์ แต่ตัวเลขไม่ได้บอกอะไร นอกจากจะทำให้เห็นว่าใครจะไปอยู่ที่ไหน ย้ายไปอยู่กับใคร บทบาทสภาไทยจึงมีปัญหามาก เรื่องบุคลากร กระบวนทัศน์ วิธีคิด และที่สำคัญมีปัญหาจริยธรรมศีลธรรม พฤติกรรมไม่ทำตัวให้เหมาะสมกับคำว่า ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ
** “เสื้อแดง” ป่วนชาติเพื่อ “แม้ว”
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี โฟนอินเข้าไปในที่ชุมนุมคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยตอนหนึ่งได้กล่าวว่า “คนเราจะโกรธกันยังไงก็แล้วแต่ มันจะต้องมีวันที่จะตายกันทุกฝ่าย” นั้น นายสนธิกล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของ พ.ต.ท.ทักษิณคือการไม่เข้าใจตัวเอง ซึ่งคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองคือใครทำอะไรไว้บ้าง ผิดถูกชั่วดีอย่างไร จะมาอ้างธรรมะแบบเลอะเทอะอย่างนี้ก็ไม่ไหว
นายสนธิกล่าวต่อว่า ในสภาพวกเขาพยายามป่วนไปเรื่อยเพื่อล้มรัฐบาลให้ได้ เมื่อล้มไม่ได้ก็หาทางป่วนนอกสภา โดยจะชุมนุมเสื้อแดงวันที่ 26 มี.ค.นี้ โดยวางแผนชุมนุมที่เชียงราย เชียงใหม่ และชัยภูมิก่อน มีการจัดตั้ง แจกเงินแจกทอง
“ที่เชียงรายนั้น ผมขอตั้งข้อสงสัยต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ท่านคิดอย่างไรที่ให้คนเสื้อแดงจัดเลี้ยงโต๊ะจีน แต่สถาบันการศึกษาแห่งนี้ไม่เคยที่จะตอบสนองการขอจัดให้ความรู้ของพันธมิตรฯ แต่กลับเปิดตัวเสื้อแดงอย่างเต็มที่ อยากถามว่าท่านอธิการฯ ม.ราชภัฏเชียงราย และอาจารย์บางคนอาจต้องเสริมปัญญาบางอย่าง เพราะท่านมีข้อมูลไม่ครบถ้วน แล้วถ้าท่านมีความคิดอย่างนี้ถ้าไปสอนเด็ก ไปสอนสังคมวิทยาการ ไปสอนการเมือง เด็กที่เรียนด้วยก็จะเข้ารกเขาพง เด็กที่เรียนบางส่วนอาจมีปัญหาทางแนวความคิด”
นายสนธิกล่าวต่อว่า การจัดงานคนเสื้อแดงที่เชียงราย เชียงใหม่ และชัยภูมิ เห็นได้ชัดว่าคนเสื้อแดงเริ่มแผ่ว มีจุดขายอย่างเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ การดำเนินการทุกอย่างในสภาฯ ที่ออกมาสู้ก็เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ใครก็ตามแสดงออกเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณหมด ไม่มีใครเพื่อชาติบ้านเมืองเลย การชุมนุมของคนเสื้อแดงก็เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นต้องรอโฟนอินทักษิณ แต่ก็แผ่ว ที่เชียงรายขายโต๊ะจีนได้แค่ครึ่งเดียวจนต้องแจกให้กินฟรี ที่ชัยภูมิจัดไว้ 300 โต๊ะมาแค่ 40 กว่าโต๊ะ ส่วนที่สนาม 700 ปี เชียงใหม่ เตรียมไว้ 2-3 หมื่นคน มาแค่ 1 หมื่นคน นี่คือปัญหาใหญ่
**ยันไม่เคยกินข้าวกับองคมนตรี
ส่วนในช่วงโฟนอินที่เชียงใหม่ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนหนึ่งเป็นคนบอกว่าที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นโจมตีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะว่าพ่อได้ไปกินข้าวกับองคมนตรีนั้น นายสนธิกล่าวว่า นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ได้ปฏิเสธเรื่องนี้แล้วว่าไม่เคยรู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัว เคยเจอกันในงานใหญ่ๆ คืองานมหกรรมหนังสือที่ พ.ต.ท.ทักษิณไป และทักทายกันเท่านั้น
นายสนธิกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเขาเองไม่เคยได้กินข้าวกับองคมนตรี และในชีวิตเคยพบกับองคมนตรีท่านเดียว คือ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ ที่เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อครั้งที่มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้ พร้อมกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล และหม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดจึงเหมือนเดิม เป็นเหมือนเชื้อไวรัสที่ติดกัน พูดสับปลับ พูดจาไม่ตรงกัน ซึ่งก็ติดมาถึง ร.ต.อ.เฉลิม มาถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
** “ชายอำมหิต” ขี้จุ๊
ทั้งนี้ นายสมชายได้ขึ้นเวทีที่เชียงใหม่แล้วบอกว่าช่วง 2 เดือนกว่าที่เป็นนายกฯ มีเรื่องลับจะบอกว่า เคยพบสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกฯ กัมพูชาหลายครั้ง ซึ่งสมเด็จฮุนเซ็นบอกว่าได้ติดตามข่าวสารการเมืองไทยมาตลอด โดยเปิดดูดี-สเตชั่นเป็นประจำ ทั้งที่นายสมชายพ้นจากตำแหน่งนายกฯ วันที่ 2 ธ.ค.จากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคพลังประชาชน แต่ดี-สเตชั่นเพิ่งออกอากาศวันแรก 19 ม.ค. 2552 หรือ 47 วันให้หลังจากถูกปลดจากตำแหน่งนายกฯ เพราะฉะนั้นที่บอกว่า ตอนเป็นนายกฯ ไปเจอฮุนเซนและฮุนเซนบอกว่าได้ดูดี-สเตชั่นตลอดจึงเป็นการโกหก
อีกตอนหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดว่า “จะขอพูดถึงต้นตอของปัญหาและแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมในวันที่ 27 มี.ค.นี้ คนที่เกี่ยวข้องที่ผมพูด ถึงจะโกรธอย่างไร ก็แล้วแต่ แต่ทุกฝ่ายก็มีวันตาย เราเอาชาติรอดดีกว่า เอาประเทศชาติให้ผาสุกดีกว่า เอาความสบายพระราชหฤทัยของในหลวงดีกว่า”นั้น นายสนธิ กล่าวว่า นี่คือปัญหาใหญ่ ของ พ.ต.ท.ทักษิณคือไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด ชีวิตนี้ไม่มีวันผิด เป็นปัญหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณแก้ไม่ตก
**หวัง “มาร์ค” กล้าฟันตำรวจเลว
นายสนธิกล่าวถึงข่าวอัยการเดินหน้าล่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผลเจราฮ่องกงคืบหน้าว่า เรื่องนี้แสดงถึงความเอาใจใส่ ซึ่งเพิ่งวจะคืบหน้าในสมัยนายอภิสิทธิ์เท่านั้น สมัยนายสมัคร นายสมชาย ไม่มีใครสนใจ เมื่อรัฐบาลนี้ขยับก็ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณคำนึงอย่างหนักว่าตัวเองจะใช้ฮ่องกงเป็นฐานพบปะลูกน้อง ไปเอาเงินให้สร้างความวุ่นวายในประเทศ ก็ไม่ได้
นายสนธิกล่าวต่อว่า วันเสาร์ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ไปจังหวัดชลบุรี ซึ่งก็มีพันธมิตรไปต้อนรับประมาณ 500 คน ทั้งที่บอกว่าให้ไปแค่การ์ด ซึ่งนายอภิสิทธิ์ก็มีความสุขดีที่ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ ก็หวังว่าหลังจากนี้นายอภิสิทธิ์จะกล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการอภิปรายมีได้แค่ครั้งเดียวใน 1 ปี เพราะฉะนั้นเขาจะอยู่ได้ถึงสิ้นปีโดยไม่มีใครมาแตะ เรื่องที่จะทำให้ถูกต้องจะต้องทำ และหวังว่าจะกล้าตัดสินใจในเรื่องตำรวจเสียที โดยไม่ต้องคำนึงถึงผู้อื่นเลย
**จี้รัฐกระจายความจริงสู่ ปชช.ด่วน!
ต่อมานายสนธิได้กล่าวถึง พ.ต.อ.ไชยยุทธ วงศ์โคกสูง ผกก.สภ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นตำรวจเสื้อเหลืองในดงเสื้อแดง โดยติดตั้งเอเอสทีวีให้ตำรวจที่โรงพักดูและให้ครอบครัวเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรหลายครั้งว่า พ.ต.ท.ไชยยุทธได้พูดข้อความที่กินใจมาก เป็นการตอกไปที่หัวตะปูของปัญหา โดยบอกว่าสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข คือ การขาดการให้ข้อมูลความจริงอันชั่วร้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำต่อชาติบ้านเมือง คนที่ไม่ได้ชม ASTV จะไม่รู้ความจริง ยิ่งทำให้คนไทยแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย เนื่องจากมีความคิดไม่เหมือนกัน เพราะรู้ข้อมูลไม่เท่ากันนั่นเอง
นายสนธิกล่าวว่า การทำให้ประชาชนได้ข้อมูลที่เท่ากันนั้นรัฐบาลน่าจะจริงจังมากกว่านี้ จนป่านนี้รัฐบาลยังไม่ทำ การปฏิรูปสื่อนั้นจำเป็นต้องทำแต่ควรทำในระยะยาว แต่การจัดให้ประชาชนได้ข้อมูลที่เท่าเทียมกันเป็นเรื่องด่วน เหมือนไฟไหม้บ้าน ต้องรีบดับไฟก่อน จะรอซ่อมบ้านไปพร้อมกันไม่ได้ ซึ่งการดับไฟมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบกับเฟอร์นิเจอร์ หรืออาจต้องทุบผนัง หวังว่ารัฐบาลนี้จะจัดการให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่เท่าเทียมกัน
**ปลูกผักทำเนียบขาว ตามหลังในหลวง 48 ปี
สำหรับข่าวที่นางมิเชล โอบามา ภรรยาประธานาธิบดีสหรัฐฯ สร้างความฮือฮาด้วยการปลูกผักในบริเวณทำเนียบขาวโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงด้วยนั้น นายสนธิกล่าวว่า ได้สร้างความฮือฮาในหมู่ชาวอเมริกัน เพราะนางมิเชลเป็นสตรีหมายเลข 1 ของประเทศ การตัดสินใจทำอะไรย่อมมีอิทธิพลต่อความคิดของคนอเมริกัน เหมือนที่นายอภิสิทธิ์บอกว่าชอบรับประทานผักผลไม้ที่ปราศจากสารพิษ อะไรที่มีสารพิษก็ได้รับความกระทบกระเทือน เพราะฉะนั้น ระหว่างที่ตนพูด กับนายอภิสิทธิ์พูดจึงให้ผลต่างกัน เมื่อนายอภิสิทธิ์พูดคนจะเชื่อทันที แต่ถ้าตนพูดอาจมีคนหัวเราะเยาะก่อน และต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งคนถึงจะเชื่อ
อย่างไรก็ตาม นายสนธิกล่าวต่อว่า โครงการที่นางมิเชล โอบามา ทำนั้น เมื่อ 48 ปีก่อน คนที่เริ่มทำคนแรกคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยพระองค์เริ่มทำโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ซึ่งไม่ใช่ทำเพื่อธุรกิจแต่ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เป็นการทดลองเพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาทางด้านเกษตรกรรม เป็นตัวอย่างให้เอาไปทำต่อ ไม่ได้หวังผลตอบแทน แต่งานของพระองค์ท่านไม่มีใครไปต่อยอด นี่คือความไม่ใส่ใจของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยรวมถึงรัฐบาลชุดนี้ เป็นเรื่องราวที่น่าเสียดาย ที่เรามีของดีในมือ แต่ไม่รู้จักใช้ของดีให้เป็นประโยชน์
**สหรัฐฯ พิมพ์แบงก์เพิ่ม ทำเศรษฐกิจทรุดอีกรอบ
ในช่วงท้ายรายการ นายสนธิได้คาดการณ์ถึงปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ในสหรัฐฯ ว่า หลังจากนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนออกมาเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาช่วยรักษาค่าเงินดอลลาร์เพื่อไม่ให้มูลค่าของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่จีนซื้อไว้จำนวนมากต้องราคาตกแล้วนั้น ทางผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ และรัฐมนตรีคลังสหรัฐ กำลังให้รัฐบาลสหรัฐฯ พิมพ์แบงก์เพิ่มจำนวน 3 แสนล้านเหรียญ เพื่อนำไปซื้อพันธบัตรที่จีนซื้อไว้เข้ามาเก็บไว้เอง ซึ่งจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์ตก และวิกฤติการเงินจะเกิดขึ้นอีกรอบ ด้วยเหตุนี้ราคาทองคำจะขึ้นอีก นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐจะขอเงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อทรัพย์สินจากธนาคารที่มีปัญหามาเก็บไว้เหมือนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ฯ (บสท.) ของประเทศไทย นั่นคืออเมริกากำลังพยายามอุ้มแบงก์
“ผมจะพูดเป็นแนวนำทาง เพื่อชี้ให้เห็นว่าจากนี้ไปเศรษฐกิจโลกจะไม่มีวันฟื้น หรือจะฟื้นในลักษณะฉาบฉวยหลอกลวง จะขึ้นแล้วลงลึกกว่าเดิมอีก ทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจของโลกเปลี่ยนแปลงไปหมด” นายสนธิกล่าว