“จิตตนาถ” ซัด “นช.แม้ว” โกหกสร้างเรื่อง อ้างลูกเจ้าของหนังสือพิมพ์บอกพ่อกินข้าวกับองคมนตรีวางแผนโค่นล้ม ระบุใครเชื่อก็บ้า ชี้คงไม่มีทางออกอื่นจึงปั้นน้ำเป็นตัว มั่วเรื่องปลุกเสื้อแดง โจมตีองคมนตรีหวังกระทบสถาบันเบื้องสูง ด้าน “ปราโมทย์ นาครทรรพ” ชี้นักโทษหนีคดีกำลังเพ้อฝัน กล่าวหาร่วมมือศาล-องคมนตรีวางแผนโค่นล้ม ไม่เชื่อ “พัลลภ” นำความลับไปบอก “ทักษิณ”
ในช่วงเวลา 20.00 น. ของวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศได้โฟนอินเข้าไปยังเวทีคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ และตอนหนึ่งได้กล่าวว่า สมัยที่เขายังเป็นนายกฯ อยู่นั้น ได้ถามลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนหนึ่งว่า ทำไมคุณพ่อถึงโจมตีอาอย่างไม่มีเหตุผล และลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนนั้นไปบอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้หรอกคุณอา เพราะว่าองคมนตรีกินข้าวกับพ่อแล้ว
คำกล่าวถึงลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์ เป็นที่เข้าใจได้ว่าคือนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ลูกชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เนื่องจากหนังสือพิมพ์ที่โจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากเครือผู้จัดการแล้ว ยังมีหนังสือพิมพ์แนวหน้าและไทยโพสต์ ซึ่งเจ้าของหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับหลังนี้ ไม่มีลูกชาย
นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวกับ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ในรายการ “จับตา(ย)” ทางเอเอสทีวี ช่วงเวลา 21.30 น.วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนไม่เคยได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ก่อนการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เคยพบเฉพาะช่วงแรกๆ ที่เพิ่งเป็นนายกฯ แต่ว่าไม่เคยคุยกันส่วนตัว เคยแต่สวัสดีเฉยๆ และไม่ได้พบบ่อย ไม่ได้สนิทกัน แค่พูด “สวัสดีครับท่านนายกฯ” ไม่เคยสนิทสนมกันถึงขั้นเรียกว่าคุณอา ไม่เคยพบ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัวเลย และไม่เคยพูด(เรื่ององคมนตรี) ตามงานก็ไม่เคยพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัว
“ที่พบก็คือมีแต่คนเต็มไปหมด และเราก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานและเราก็ไม่เคย ท่านก็ไม่รู้จักอะไรเป็นการส่วนตัว เคยเจอตอนงานหนังสือ แล้วคุณทักษิณก็มากับกองทัพสื่อมวลชน ผมก็อยู่ที่บูท ผมก็สวัสดีเท่านั้นเอง ไมได้มีอะไร”
นายจิตตนาถกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายสนธิก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าเคยไปรับประทานอาหารกับองคมนตรีและองคมนตรีมอบหมายให้มาทำพันธมิตรฯ เพราะว่าต้องการจะล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ
นายจิตตนาถกล่าวอีกว่า ที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเรื่องลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์ขึ้นมานั้น คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณโกหกอยู่ทุกวันอยู่แล้ว สร้างเรื่องอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ก็คิดว่าคงจะไม่มีทางออกอื่น คงจะต้องปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา แล้วก็ตอนนี้ก็พยายามจะโจมตีสถาบันเบื้องสูง และกลุ่มคนชั้นสูงอย่างเต็มตัว แล้วก็มั่วเรื่องขึ้นมา ประมาณอย่างนั้น ทำให้พวกรากหญ้าพวกเสื้อแดง มีอารมณ์ขึ้นมา
“อยากให้เขาระบุชื่อมาสิครับ คือผม ถ้ามีใครมาสัมภาษณ์ผมก็คงจะตอบปฏิเสธไป แล้วก็ผมคิดว่าคงไม่มีใครบ้าเชื่อ คือเชื่อก็บ้าแล้ว เพราะว่าอย่าลืมนะครับว่าองคมนตรีใครเป็นคนตั้งขึ้นมา คุณทักษิณกล่าวโจมตีองคมนตรีอย่างนี้ เท่ากับคุณทักษิณกำลังกล่าวโจมตีใครที่เราเคารพกันอยู่หรือเปล่า” นายจิตตนาถกล่าว
สำหรับ คำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เวทีคนเสื้อแดงเชียงใหม่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมีดังนี้
“เสร็จแล้วต่อมาผมก็ทราบว่าได้ทราบจากลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง ผมบอกว่า เอ้ย นี่ลูก หนุ่ม ทำไมอา ทำไมหนังสือพ่อถึงตีอาจังเลย ตีรัฐบาลจังเลย โดยไม่มีเหตุผล เขาก็มาบอกผมว่าคุณอาครับช่วยเหลืออะไรไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามีองคมนตรีท่านหนึ่ง ไปกินข้าวกับพ่อ เดี๋ยวผมจะบอกชื่อนะฮะ ไปกินข้าวกับพ่อแล้วบอกว่า อ้างว่านะฮะ แอบอ้างว่า ทางวังไม่เอาผมแล้ว ต้องการให้ผมพ้นจากตำแหน่งไป ผมก็งงมาก ตอนนั้นผมก็ยังเป็นนายกอยู่นะครับ
พี่น้องครับ ผมมาทราบภายหลังฮะ จาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีนี่ ไปหาผมที่เมืองจีนเมื่อไม่นานมานี้ บอกว่าต้นปี 2549 เขาถูกเรียกไป ไปพบกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นี่หละครับ ที่บ้านแห่งหนึ่งที่ซอยสุขุมวิท เสร็จแล้วนี่ เขาก็บอกว่า พล.อ.สุรยุทธ์บอกว่า ได้ไปพร้อมองคมนตรี 2 ท่าน ได้ไปกราบบังคมทูล 901 (รหัสประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) ว่า เขาจะทำงานถวาย เพราะผมไม่จงรักภักดี ผมยังไม่รู้เลยว่าผมไม่จงรักภักดีได้ยังไง แล้วผมเชื่อว่าเป็นการแอบอ้าง เพราะพระเจ้าอยู่หัวเราทรงอยู่สูง (น้ำเสียงกระแทกกระทั้น) ไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่มีการกล่าวอ้างเช่นนั้น รับที่จะจัดการผม ซึ่ง พล.อ.พัลลภ ในตอนแรก ก็รับมา แต่ก็ยังไม่ทำ”
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้ก่อการเริ่มต้นที่จะล้มตัวเขา โดยใช้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และไปร่วมกับองคมนตรีอีก 2 ท่าน และอ้างว่า พล.อ.สุรยุทธ์ กราบบังคมทูลความเท็จต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่ง พล.อ.พัลลภไปพบเขาที่เมืองจีนแล้วบอกความลับให้ทั้งหมด โดย พล.อ.พัลลภบอกว่ามีการวางแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าลอบสังหารไม่สำเร็จจะปฏิวัติ แล้วให้ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณยังพูดถึงรัฐธรรมนูญ 2550 โจมตีนายอานันท์ ปันยารชุน น.พ.ประเวศ วะสี และ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ โจมตีรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าเป็นฉบับถอยหลังเข้าคลอง และยังโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ โจมตี พล.อนพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.โดยเรียก พล.อ.อนุพงษ์ว่า "ไอ้ป๊อก"ทุกคำ บางครั้งก็เรียก“ไอ้ป๊อกซื้อบื้อ” และใช้สรรพนาม “มัน”แทน พล.อ.อนุพงษ์
พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่ามีการประชุมครั้งสำคัญที่จะโค่นล้มเขาให้ได้ โดยบุคคล 4 คน คือนายปราโมทย์ นาครทรรพ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวหาว่านยายปราโมทย์ โกหกเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ คนที่ 2 คือนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครอง คนที่ 3 คือนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคนที่ 4 คือนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี โดย พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า พล.อ.พัลลภ เป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
พ.ต.ท.ทักษิณยังอ้างว่า เขาถูกรังแก ถูกกลั่นแกล้ง ถูกอิจฉา จากอำนาจภายนอก และถูกปฏิวัติอย่างไม่เป็นธรรม ถูกยัดเยียดข้อหา เขาคิดว่าเมื่อถูกปฏิวัติแล้วจะกลับมาบ้านได้เหมือนจอมพลประภาส จารุเสถียร จอมพลถนอม กิตติขจร แต่ก็กลับไม่ได้ เพราะว่ามีคนอยากให้เขาอยู่ข้างนอก และนายอภิสิทธิ์ได้ย้ายล้างบางข้าราชการหมด เวลานี้เมืองนอกมองประเทศไทยเป็นตัวตลก และเรียกรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นรัฐบาลที่โลกไม่รับรอง ขณะนี้เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ และประชาธิปไตยถูกลิดรอน และขอเรียกรัฐบาลชุดนี้ว่า “รัฐบาลราบ 11” คือทหารแต่งตั้ง เป็นรัฐบาลที่มาโดย"ไอ้ป๊อกซื่อบื้อ"
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า หลังจากการปฏิวัติ ก็มีการยัดเยียดข้อหาว่าเขาไม่จงรักภักดี ซึ่งเป็นข้อหาในการทำลายนักการเมืองมาหลายยุคหลายมสมัย และอ้างว่าหนึ่งในการปฏิวัติมีการกล่าวหาว่าเขาเป็นสปอนเซอร์ในการจ่ายเงินให้ นายพอล แฮนลีย์ เขียนหนังสือสกปรกที่ชื่อ เดอะคิง เนเวอร์ สไมล์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าเรื่องนี้ไม่จริง ไม่เชื่อให้ไปถาม ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ซึ่งเมื่อก่อนอยู่กับเขาแล้วตอนนี้ไปแล้ว โดยอ้างว่า ดร.สุรเกียรติ์ เป็นคนไปเคลียร์เรื่องนี้ให้
พ.ต.ท.ทักษิณบอกอีกว่า เขาถูกกลั่นแกล้ง ต่อจากนี้ไปกองทัพเสื้อแดงจะมากขึ้นๆ เพราะเสื้อแดงเต็มไปด้วยความจริง ความจริงวันนี้ไม่เหมือนพันธมิตรฯ ซึ่งเต็มไปด้วยความโกหก หลอกลวง ก้าวร้าว คนฝั่งโน้นพูดเรื่องโกหก และรับงานจากองคมนตรีมาเพื่อล้มล้างเขา
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังอ้างอีกว่าเมื่อวันที่ 2 ก.พ.49 พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ไปจัดการให้ กกต.แตกออกไปเพื่อที่จะเปลี่ยน กกต.ใหม่แล้ว กกต.คนหนึ่งก็ลาออก (พล.อ.จารุภัทร เรืองวสุวงรรณ) อีก 3 คนยังอยู่ แล้วคนที่ลาออกไป มาเล่า ให้ พ.ต.ท.ทักษิณฟังว่า ที่ต้องลาออกเพราะ พล.ต.จำลองไปขอร้องให้ลาออก เนื่องจาก พล.ต.จำลองมีบุญคุณต่อเขา ทั้งนี้ ที่บอกให้ลาออก เพราะเป็นหนึ่งในแผนที่จะล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากนั้นประชาธิปัตย์ก็ปล่อยข่าวว่า เขาจะล้มราชบัลลังก์ แล้วก็มี “ไอ้ป๊อกซื่อบื้อ” รับลูก ซึ่งเมื่อพูดถึงตรงนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าตนเองจงรักภักดี รักชาติ และทุ่มเท และต้องการประชาธิปไตย
“คนเราจะโกรธกันยังไงก็แล้วแต่ มันจะต้องมีวันที่จะตายกันทุกฝ่าย” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ทั้งนี้ รายชื่อบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวหานั้น ได้พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นหลัก โดยอ้างง่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่พอใจที่โดนย้ายจาก ผู้บัญชาการทหารบกไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ตั้งแต่ปี 2545) ก็เลยเริ่มขบวนการยืมมือพันธมิตรฯ ใช้ศาล ใช้นายปราโมทย์ นาครทรรพ ใช้พรรคประชาธิปัตย์ ล้มเขา โดยไปกราบบังคมทูลความเท็จต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พ.ต.ท.ทักษิณพูดช่วงท้ายว่า "ผมเปิดเผยแค่นี้ ก็นั่งกันไม่ติดแล้ว แค่นี้ก็นั่งเก้าอี้กันไม่อยู่แล้ว"
พ.ต.ท.ทักษิณยังเรียกร้องให้ประชาชนพาเขากลับบ้าน โดยอ้างว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ถ้าพี่น้องพร้อม ตัวเขาพร้อม เศรษฐกิจ ยาเสพติด การศึกษา ทุกอย่าวงจะดีขึ้น และบอกว่าพ่อค้าหวย พ่อค้ายาเสพติด มาเฟีย คนเหล่านี้ เป็นพันธมิตร และไม่อยากให้เขากลับมา
ด้านนายปราโมทย์ นาครทรรพ ให้สัมภาษณ์ น.ส.อัญชะลี ทางรายการ “จับตา(ย)” ว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าเขาร่วมกับอีก 3 ท่าน ไปประชุมเพื่อร่วมมือกันโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณนั้น รู้สึกว่าเป็นการพูดที่ให้เกียรติเขามาก ที่เขาสามารถจะไปใช้คนโน้นคนนี้ หรือถูกคนโน้นคนนี้ใช้
"อย่างท่านองคมนตรี ชาญชัย ลิขิตจิตถะนี่ ในชีวิตผมก็อาจจะเคยพบท่าน สักหนหนึ่งนะครับ นึกไม่ออกว่ามากกว่า 1 หนหรือเปล่า ส่วนคุณอักขราทรนั้น ผมรู้จักดีเพราะว่าเคยทำงานร่วมกันสมัยร่างรัฐธรรมนูญ 2517
“พล.อ.พัลลภก็รู้จักดีเหมือนกัน เพราะเป็นเพื่อเรียนหนังสือด้วยกัน ผมไม่เชื่อหรอกว่า พล.อ.พัลลภ จะเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณทักษิณฟัง เขาจะหวังอะไรจากคุณทักษิณ เพระว่าเขาเป็นเพื่อนรักกับผม ไปอ่านหนังสือที่เขาเขียนสิครับ ในยามที่เขาทุกข์ หาใครไม่ได้ในแผ่นดินนี้ ผมเป็นคนช่วยเหลือเขา เขาก็พูดเสมอว่า ผมเป็นคนช่วยชีวิตเขามา ผมไม่เชื่อว่าเขาไปเล่าเรื่องนี้ แต่ว่าคุณทักษิณคงจะฝันเอาเอง ตามประสาคนที่คุ้มดีคุ้มร้าย เที่ยวว่าคนเกลื่อนกลาดไปหมด”
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า เรื่องปฏิญญาฟินแลนด์นั้นตนเขียน โดยบอกว่า ไม่ทราบว่าปฏิญญาฟินแลนด์มีจริงหรือไม่ มีการไปพบปะกันหรือไม่ ข้อเขียนของตนเปิดเผย ตนมีอาชีพนักวิชาการ ใช้แต่ปากกา จะไปใช้ พล.อ.สุรยุทธ์ หรือโดน พล.อ.สุรยุทธ์ใช้ หรือถูก คมช.ใช้ได้อย่างไร สมัยที่ คมช.เป็นใหญ่ ตนวิพากษ์วิจารณ์ คมช.ตลอดอายุ คมช.คิดโดยเฉลี่ยแล้วไม่น้อยกว่าที่วิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ
“เพราะฉะนั้นคุณทักษิณก็เพี้ยนใหญ่ เพราะเดิมพันมันใหญ่ คุณทักษิณยังฝันอยู่ว่าจะกลับมาเมืองไทยได้ ยังฝันอยู่ว่า จะกลับมาครองอำนาจได้ ไปโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าเป็นรัฐบาลที่โลกไม่ยอมรับ ก็เห็นอยู่แล้วที่คุณอภิสิทธิ์ ไปอังกฤษ การตอบรับนี่ และการรับเชิญไปจี 20 มันสูงกว่าที่คุณทักษิณได้รับอยู่เวลานี้ คุณทักษิณเวลานี้ไปไหนก็ไม่ได้แล้ว โลกประชาธิปไตยแท้ๆ ถ้าเก่งจริงแกก็ไปอังกฤษ ไปอเมริกา ไปฝรั่งเศส ให้ดูหน่อยสิครับ
“เวลานี้แกน่าจะนึกถึงธรรมะนะครับ เอาธรรมะเข้าข่ม แล้วก็ทบทวนดู ว่าการกระทำของท่านเองทำให้ท่านตกเป็นเป้าของผู้ที่ต้องการความถูกต้อง เรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้คนหายคนตาย ก็ดี เรื่องคอร์รัปชั่นทางนโยบายหรือคอร์รัปชั่นโต้งๆ ที่ท่านและบริวารของท่านทำจนเกิดเป็นคดีความก็ดี นี่ท่านเป็นคนที่ไม่รู้จักขอโทษ ไม่รู้จักรับผิดว่านี่ผมพลาดนะ ผมไม่น่าเลย ท่านเป็นบุคคลที่ไม่เคยสำนึกเลย โทษไปตั้งแต่รากหญ้าอีกหน่อยก็จะต้องโทษไปถึงฟ้าดิน โทษศาล โทษทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับว่าในประเทศไทยนี้มีคนดีอยู่คนเดียว มีคนเก่งอยู่คนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ
“ขอบคุณที่ให้เกียรติผมมาก ในฐานะที่ผมเป็นนักวิชาการ มีปากกาด้ามเดียว และผมก็สู้กับเผด็จการมาตลอดชีวิต ขอบคุณที่ให้เกียรติว่าผมสามารถเป็นแกนในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบ้านเมืองได้ เปลี่ยนแปลงโดยการไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคุมทั้งทหาร คุมทั้งตำรวจ คุมทั้งนักการเมืองได้ ก็จะเป็นการให้เกียรติผมเกินไป ผมไม่สามารถจะรับเกียรตินี้ได้ ขอยกเกียรติทั้งหมดให้ความคุ้มดีคุ้มร้ายและความฝันของคุณทักษิณก็แล้วกันนะครับ”
นายปราโมทย์กล่าวต่อว่า มีใครในโลกที่จะเชื่อว่าเขาและอีก 3 คนจะไปเป็นแกนนำล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทั้ง 3 ท่านเป็นผู้มีเกียรติสูงในวงการตุลาการ คิวด่าเป้าต่อไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะย่ำยีลงให้ราบคาบน่าจะเป็นวงการตุลาการ
“และคนอย่างผมจะไปทำอะไรกับวงการตุลาการได้ นอกจากจะเป็นจำเลยของผู้ที่ฟ้องผิดฟ้องถูก ดีไม่ดีเขามอบอำนาจผิด และอาจถอนฟ้อง ผมก็เป็นจำเลยของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ก็คอยให้ศาลเขาตัดสินซักหน่อย ก็จะดีว่าศาลเขาจะว่าอย่างไรกรณีปฏิญญาฟินแลนด์ ซึ่งความจริงคนอื่นเป็นคนพูดถึงคือคุณโสภณ สุภาพงษ์ และคุณคำนูณ สิทธิสมาน ผมเป็นเพียงแต่เป็นคนที่วิจารณ์ว่า เรื่องนี้จะมีจริงหรือไม่จริงไม่ทราบ แต่ผมได้วิจารณ์การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณมา ซึ่งมีหลายอย่างที่สอดคล้องกับเรื่องที่คนพูดเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์ เช่น การทำให้พรรคการเมืองมีพรรคเดียว ทำให้ระบบราชการสวามิภักดิ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพรรค ทำสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ เอาสมบัติของชาติไปลงทะเบียนเพื่อจะทำให้เป็นทุน เป็นเรื่องที่ผมได้วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน ซึ่งบังเอิญมันมีเรื่องเหกล่านี้อยู่ในปฏิญญาฟินแลนด์ที่คนอื่นเอามาพูด
“ถ้าผมมีฤทธิ์ อย่างที่คุณทักษิณพูดมันก็ดีสิครับ แต่ผมไม่มีฤทธิ์หรอก ความจริงต่างหาก เป็นอำนาจในตัวของมันเอง ถ้ามันมีความจริง อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคุณทักษิณที่เป็นโทษกับคุณทักษิณ ความจริงนั้นอาจจะเกิดจากคุณทักษิณเอง มากว่าจะเกิดจากผม ผมเป็นนักวิชาการคนหนึ่งเท่านั้น ก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเคร่งครัด ไม่ฝักใฝ่ไปเป็นลูกพี่ของทหาร ไม่ฝักใฝ่ไปเป็นลูกน้องของทหาร ไม่ฝักใฝ่ไปเป็นลูกพี่ของรัฐบาล ไม่ฝักใฝ่ไปเป็นลูกน้องรัฐบาล
"เรื่องความคิดความเห็นเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ ถ้ามีอานิสงส์ถึงเพียงนั้น ผมก็ดีใจ ผมยินดีรับผลพลอยได้ จากอานิสงส์ เรืองนั้นที่ทำให้ เมืองไทยปลอดภัยจากคุณทักษิณ"นายปราโทย์กล่าวทิ้งท้าย