ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรียงหน้าโต้กรณี นช.แม้วฟัดดะ "สุรยุทธ์" ปัดวางแผนรัฐประหาร-ลอบฆ่า ลั่นไม่เคยเชิญ "พัลลภ" ร่วมวางแผนฯ เชื่อกฎแห่งกรรมใครทำอะไรยอมได้รับผลเช่นนั้น ด้าน "พัลลภ" มึนถูกแม้วปูด รับครึ่งเดียว ร่วมวางแผนปฏิวัติกับ พลเอก ส. แต่ไม่มีเรื่องลอบสังหาร "จรัญ" เฉ่งเป็นการจับแพะชนแกะ "จิตตนาถ ลิ้มทองกุล" บอกทักษิณชอบพูดเรื่องโกหก ขณะที่ "พะจุณณ์" เผยป๋าเปรมไม่แสดงท่าทีใดๆ มาร์คไม่สน อ้างดูจากโพลรัฐบาลทำงานได้แน่ "ส.ว.คำนูณ" จี้รัฐบาลหามาตรการปกป้ององคมนตรีหลังถูกใส่ความต่อเนื่อง แนะควรมีกฎหมายคุ้มครอง พร้อมติงปล่อยให้โจมตีโดยไม่ตอบโต้ เท่ากับยอมรับว่าเป็นความจริง ที่สุดประชาชนจะเชื่อคนพูดโกหก
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องค์มนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์ กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้การปราศรัยผ่านวีดีโอลิงก์ ในการชุมนุม ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนามกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ที่ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องการทำรัฐประหารและวางแผนล้อบสังหาร และโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ โดยนำเรื่องไม่จงรักษภักดีมาเป็นสาเหตุ โดยอ้างว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นผู้ให้ข้อมูล ว่า ตนทราบจากสื่อหนังสือพิมพ์ คิดว่าเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด เพราะข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับอาจเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมา ความจริงเป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้ ตนเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม คิดว่าคนที่ทำอะไรต้องได้รับผลตอบแทนทั้งในทางที่ดีและไม่ดี
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ได้เชิญ พล.อ. พัลลภร่วมวางแผนโค่นล้มระบอบทักษิณนั้น พล.อ.สุรยุทธกล่าวว่า ตนไม่เคยเชิญพล.อ.พัลลภไป อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังในส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ข้อมูลอย่างที่เรียนคือควรจะมีการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลเพราะความจริงจะต้องปรากฏออกมา และคงจะไม่ไปดำเนินการฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงคงไม่ไปขอร้องให้ยุติการพาดพิง เพราะเป็นหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่จะสำนึกได้เอง โดยส่วนตัวเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม หากใครทำดีหรือไม่ดีจะได้รับจากการกระทำนั้นเอง
***พัลลภรับปูดปฏิวัติปัดลอบสังหาร
ด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน. กล่าวว่า รู้สึกค่อนข้างแปลกใจที่จู่ๆ พ.ต.ท.ทักษิณ นำเรื่องนี้มาพูด แต่ยอมรับว่าเคยเล่าเรื่องเบื้องหลังของการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 ให้ฟังจริงว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังการวางแผนในการปฏิวัติ แต่ไม่มีเรื่อง แผนการลอบสังหารแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการปฏิวัติต้องมีคนมานั่งประชุมวางแผนกัน ซึ่งในเวลานั้นตนได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมโดยมี พล.อ. ส.เสือ เข้าร่วมประชุม ซึ่งในที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่า ควรจะต้องทำการยึดอำนาจรัฐบาล เพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความจงรักภักดี
ตอนนั้นเราคุยกันว่า เราจะทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ที่สุดก็ได้ตำแหน่งกันหมด แต่ผมไม่อยากเป็นอะไร และเห็นว่า ไม่ถูกต้อง ที่ปฏิวัติแล้วหวังประโยชน์ จนทำให้การปฏิวัติไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ผมยืนยันว่า ไม่มีแผนสอบสังหาร พ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ อาจนำ ข้อมูลจากที่อื่นมาพูด ผสมกับสิ่งที่ผมเคยเล่าให้ฟังจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ หวาดระแวงเรื่องลอบสังหารมาตลอด ในช่วงก่อนปฏิวัติมีเพียงแต่คิดแผนการจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แต่ในที่สุดไม่ได้นำแผนนี้มาใช้ แต่เลือกใช้จังหวะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปต่างประเทศจึงทำการปฏิวัติยึดอำนาจในช่วงนั้น
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ในครั้งที่ตนได้เดินทางไปหา พ.ต.ท. ทักษิณ ที่จีน ท่านถามถึงเรื่องคาร์บอมบ์ ซึ่งยืนยันว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องน่าจะเป็นความเข้าใจผิด เพราะในช่วงนั้นพ.ต.ท.ทักษิณไม่พอใจที่ตนส่งทหารไปดูแล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงคิดว่า ตนเป็นพวกของ พล.ต.จำลอง แต่ขณะนั้นที่ทำไปเพื่อดูแลความปลอดภัยให้พล.ต.จำลองเท่านั้น เพราะหากเขาเป็นอะไรไป พ.ต.ท.ทักษิณจะเสียหาย ซึ่งคราวที่ตนได้ไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ คุยแต่เรื่องนี้เท่านั้น ไม่ได้คุยเรื่องอื่น
***ช่วยงานใต้ดินบิ๊กบังแต่ถูกเบี้ยว
อย่างไรก็ตาม พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านหนังสือ ลับ ลวง พราง ภาคสอง ซ่อนรูปปฏิวัติ หักเหลี่ยมโหด ของ วาสนา นาน่วม เกี่ยวกับเบื้องหลังการปฏิวัติที่เข้าไปร่วมวางแผนตั้งแต่การประชุมที่เซฟท์เฮ้าส์ย่านสุขุมวิทว่า หลังจากปฏิวัติสำเร็จ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ให้ตนมาช่วยทำงาน ใต้ดิน ตั้งแต่ก่อนปฏิวัติ ซึ่งหลังปฏิวัติได้มาขอให้ช่วยตั้งพรรคการเมือง คือ พรรครักชาติแต่ล้มเหลว เพราะมีปัญหาด้านการเงิน เพราะบิ๊ก คมช.ไม่ยอมนำเงินมาลงทุน สุดท้ายจึงตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยขณะนั้น พล.อ.สนธิ ตั้งเป้าให้พรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเป็นแกนนำ ซึ่ง พล.อ. สนธิ จะเป็น รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงควบ รมว.กลาโหม และให้ตนเป็น รมว.มหาดไทย
หลังจากประเมินสถานการณ์ ให้ พล.อ. สนธิ รับฟังว่า พรรคเพื่อแผ่นดินจะได้ ส.ส.มากกว่า 120 บวก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะได้แค่ 100 ที่นั่ง พล.อ.สนธิตกใจ แล้วบอกว่า ผมว่าพี่ช่วย ประชาธิปัตย์ดีไหม ผมบอกไม่เอา พี่เคยอยู่ประชาธิปัตย์ แล้วออกมาแล้ว แค่นี้ พล.อ.สนธิเขาก็เลยเบี้ยวผม เขากลัวว่าพรรคเพื่อแผ่นดิน จะได้มากกว่า เพราะเขาต้องการให้ ประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล จนกระทั่งพรรคเละ เดิมนั้น เงินที่ผมจะใช้ในการเดินนั้น เขาให้พี่ลงทั้งหมด เอาลูกน้อง กอ.รมน. ลงวางหมด พล.อ.สนธิ บอกว่าเรื่องเงินไม่เป็นไรไปเอาที่ผม แต่เขาก็เบี้ยวผมเฉย จนเราไม่มีเงินเดิน เดินไม่ออก ทั้งนี้พล.อ.สนธิ เขาสนิทสนมกับนายพินิจ จารุสมบัติ และ นายเนวิน ชิดชอบมาก แล้วเป้าหมายของเขาคือ อยากเป็นนายกฯ ถ้าเป็นได้ เขาคงเป็น พล.อ.พัลลภ กล่าว
***"จรัญ" ชี้จับแพะชนแกะ
นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เห็นเนื้อหาที่ชัดเจน แต่ดูเหมือนเป็นการจับแพะชนแกะ ซึ่งถือ เป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อแต่ทั้งนี้เมื่อมีการเอ่ยชื่อกันแบบนี้คงต้องพูดอะไรบ้าง แต่ขอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนว่า ในฐานะตุลาการสมควรตอบโต้อะไรหรือไม่
ด้านนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกระบุว่า ร่วมประชุมวางแผนโค้นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อยู่ร่วมกับองคมนตรีและคนอื่นๆ ในการวางแผนล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นการพูด ที่ให้เกียรติตนมากที่ตนสามารถไปใช้คนโน้นคนนี้ หรือถูกคนโน้นคนนี้ใช้ได้ ความจริง นายชาญชัย ลิขิตจิตถ องคมนตรีนั้น เท่าที่นึกได้เคยเจอท่านเพียงครั้งเดียว ส่วนนายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองนั้น รู้จักดีเพราะเคยร่วมร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2517
นายปราโมทย์ กล่าวว่า สำหรับ พล.อ.พัลลภ นั้นก็รู้จักเพราะเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.พัลลภ จะเอาเรื่องเหล่านี้ไปเล่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณฟัง เพราะเขาเป็นเพื่อนตน เขาจะหวังอะไรจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอ่านหนังสือที่พล.อ.พัลลภ เขียนดู ในยามที่เขาทุกข์ หาใครไม่ได้ในแผ่นดินนี้ ตนเป็นคนช่วยเหลือเขา เขาก็พูดเสมอว่า ตนเป็นคนช่วยชีวิตเขามา จึงไม่เชื่อว่า เขาไปเล่าเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณคงจะฝันเอาเอง ตามประสาคนที่คุ้มดีคุ้มร้าย เที่ยวว่าคนเกลื่อนกลาดไปหมด
นายปราโมทย์ กล่าวว่า เรื่องปฏิญญาฟินแลนด์นั้นตนเขียน โดยบอกว่า ไม่ทราบว่าปฏิญญาฟินแลนด์มีจริงหรือไม่ มีการไปพบปะกันหรือไม่ ข้อเขียนของตนเปิดเผย เพราะมีอาชีพนักวิชาการ ใช้แต่ปากกา จะไปใช้ พล.อ.สุรยุทธ์ หรือโดน พล.อ.สุรยุทธ์ใช้ หรือถูก คมช.ใช้ได้อย่างไร สมัยที่ คมช.เป็นใหญ่ ตนวิพากษ์วิจารณ์ คมช.ตลอด คิดโดยเฉลี่ยแล้วไม่น้อยกว่าที่วิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ
***ซัดแม้วเพี้ยนแนะใช้ธรรมมะข่ม
ฉะนั้นคุณทักษิณเพี้ยนใหญ่ เพราะเดิมพันมันใหญ่ คุณทักษิณยังฝันอยู่ว่าจะกลับมาเมืองไทยได้ ยังฝันอยู่ว่า จะกลับมาครองอำนาจได้ ไปโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าเป็นรัฐบาลที่โลกไม่ยอมรับ ก็เห็นอยู่แล้วที่คุณอภิสิทธิ์ ไปอังกฤษ การตอบรับดี และการรับเชิญไปจี 20 มันสูงกว่าที่คุณทักษิณได้รับอยู่เวลานี้ คุณทักษิณเวลานี้ไปไหน ก็ไม่ได้แล้ว โลกประชาธิปไตยแท้ๆ ถ้าเก่งจริงแกก็ไปอังกฤษ ไปอเมริกา ไปฝรั่งเศส ให้ดูหน่อยสิครับ
นายปราโมทย์ แนะนำว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะนึกถึงธรรมมะ เอาธรรมมะเข้าข่ม แล้วก็ทบทวนดูว่าการกระทำของท่านเองทำให้ท่านตกเป็นเป้าของผู้ที่ต้องการ ความถูกต้อง เรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้คนหายคนตายก็ดี เรื่องคอร์รัปชั่นทางนโยบายหรือคอร์รัปชั่นโต้งๆ ที่ท่านและบริวารของท่านทำจนเกิดเป็นคดีความ ก็ดี นี่ท่านเป็นคนที่ไม่รู้จักขอโทษ ไม่รู้จักรับผิดว่าตัวเองพลาด ท่านไม่เคยสำนึกเลย โทษไปตั้งแต่รากหญ้าอีกหน่อยก็จะต้องโทษไปถึงฟ้าดิน โทษศาล โทษทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับว่าในประเทศไทยนี้มีคนดีอยู่คนเดียว มีคนเก่งอยู่คนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายปราโมทย์ กล่าวว่า มีใครในโลกที่จะเชื่อว่าตนและอีก 3 คนจะไปเป็นแกนนำ ล้ม พ.ต.ท.ทักษิณได้ ทั้ง 3 ท่านเป็นผู้มีเกียรติสูงในวงการตุลาการ คิวด่าเป้าต่อไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะย่ำยีลงให้ราบคาบน่าจะเป็นวงการตุลาการ
***"จิตตนาถ" ฉะซ้ำสร้างเรื่องโกหก
นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชาย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พาดพิงถึงโดยระบุว่า สมัยเป็นเป็นนายกรรัฐมนตรี ได้ถามลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนหนึ่งว่าทำไมคุณพ่อถึงโจมตีอา อย่างไม่มีเหตุผล โดยบุตรชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนนั้นบอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้หรอกคุณอา เพราะว่าองคมนตรีกินข้าวกับพ่อแล้ว ว่า ตนไม่เคยพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เคยพบในช่วงแรกๆ ที่เป็นนายกฯ แต่ก็ไม่เคยคุยกันเรื่องส่วนตัว เคยแต่สวัสดีเฉยๆ ไม่เคนสนิทกันถึงขั้นเรียกว่า คุณอา
นายจิตตนาถ กล่าวว่า บิดาตนคือ นายสนธิ ก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าเคยไปรับประทานอาหารกับองคมนตรี และองคมนตรีมอบหมายให้มาทำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อจะล้มพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเรื่องลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์ขึ้นมานั้น คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โกหกอยู่ทุกวัน สร้างเรื่องอยู่ทุกวันอยู่แล้ว คิดว่าคงจะไม่มีทางออกอื่น คงจะต้องปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา แล้วตอนนี้ก็พยายามจะโจมตีสถาบันเบื้องสูง และกลุ่มคนชั้นสูงอย่างเต็มตัว แล้วก็มั่วเรื่องขึ้นมา เพื่อ ทำให้พวกรากหญ้า พวกเสื้อแดง มีอารมณ์ขึ้นมา
อยากให้เขาระบุชื่อมาสิครับ คือผม ถ้ามีใครมาสัมภาษณ์ผมก็คงจะตอบปฏิเสธไป แต่ผมคิดว่าคงไม่มีใครบ้าเชื่อ คือเชื่อก็บ้าแล้ว เพราะอย่าลืมว่า องคมนตรี ใครเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมา คุณทักษิณ กล่าวโจมตีองคมนตรีอย่างนี้ เท่ากับกำลังกล่าวโจมตีใครที่เราเคารพกันอยู่หรือเปล่า
***ป๋าเปรมไม่แสดงท่าทีใดๆ
พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวว่า พล.อ.เปรมทราบข่าวการปราศรัยผ่านวิดิโอลิงค์ต่อคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ ค่ำวันที่ 22 มี.ค. ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พาดพิง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ทั้ง 2 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหารและเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่ขณะนี้ พล.อ.เปรมยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ
"โดยส่วนตัว ไม่ทราบเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดถึง คงต้องไปสอบถามจากต้นตอ และไม่สามารถบอกได้ว่าการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายหมิ่นสถาบันหรือไม่ ต้องไปสอบถามจากนักกฎหมาย" พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าว
***มาร์คไม่สนก้มหน้าทำงาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ายังไม่ได้ดูรายละเอียดเนื้อหา การปราศรัยผ่านวีดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จ.เชียงใหม่ เห็นแต่หัวข่าว เพราะให้ความสนใจในงานที่จะทำมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังหลบหนีในต่างประเทศและโฟนอินอยู่ในขณะนี้ทำให้นำมาสู่ความแตกแยกในบ้านเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่แก้ปัญหาให้กับประเทศ ส่วนปัญหาของคนหนึ่งคนก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีอะไร เมื่อถามว่า แต่ปัญหาของคนหนึ่งคนออกมาเคลื่อนไหวและระดมคนประท้วงรัฐบาล รัฐบาลจะไม่มีท่าทีอะไรบ้างหรือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีอะไรผิดกฎหมายก็ดำเนินการ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาประเทศอย่างไรหากภายในยังมีความแตกแยก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็พยายามไม่เข้าไปอยู่ในวังวนของความแตกแยก ตนเองก็ไม่ไปต่อปากต่อคำต่อล้อต่อเถียงและจะทำงาน หากมีข้อสงสัยทักท้วงก็จะพยายามตอบ ใครติดใจค่างคราใจยินดีที่จะแลกเปลี่ยน
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลคิดว่าจะบริหารประเทศภายใต้ความแตกแยก ได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความแตกแยกต้องดูว่าอยู่ในวงขนาดไหน ที่ผ่านมาการทำนโยบายและการปฏิบัติเดินหน้าไปได้กับคนส่วนใหญ่ไม่เป็นปัญหา แต่คนส่วนหนึ่งที่เขายังมีความข้องใจอยู่เราก็พยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เขากังวลเรื่องความไม่เป็นธรรมเรื่องอะไรนั้นไม่เป็นจริง
***ดูโพลแล้วแม้วป่วนไม่กระทบรัฐบาล
ต่อข้อถามว่า ประเมินความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ดูจากสถานการณ์และการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนก็ดูว่า อยู่ในสถานการณ์เราทำงานได้แน่นอน ขณะเดียวกันหลายฝ่ายมองว่า เสถียรภาพบ้านเมือง ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่บอกว่า จะทำความขัดแย้งให้น้อยที่สุด แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่หยุดจะกระจายความจริงคอย่างไรไม่ให้คนเกิดความสับสนกับข้อมูลที่พ.ต.ท. ทักษิณ นำมาพูดต่อสาธารณะ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้ใช้เวทีต่างๆอธิบาย สิ่งที่เป็นความจริงในส่วนของรัฐบาลรวมถึงช่วงการอภิปรายที่ผ่านมาได้ถือโอกาสนั้นในการชี้แจง เราต้องทำอย่างนั้น และเราต้องเชื่อในวิจารณาญาณของคนส่วนใหญ่ และต้องเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ต้องการให้บ้านเมืองพัฒนาก้าวหน้าไปข้างหน้า
***รมว.กลาโหมให้คนไทยใช้สมองคิดเอง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ โอนฟอนพาดพิลบุคคลทึ่อยู่เบื้องหลังการทำลายรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไปถามพ.ต.ท.ทักษิณเองว่า ท่านมีข้อมูลอะไรตนไม่ทราบ คิดว่าบ้านเมือง อยากให้มีความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวไม่อยากให้เกิดความ แตกแยก อะไรที่ทำให้ไม่เกิดความแตกแยก สื่อมวลชนควรคิดเองว่า ควรจะทำอย่างไรตนคงจะตอบอะไรไม่ได้ เพราะไม่ทราบข้อเท็จจริง เมื่อท่านกล้าพูด ท่านคงจะรู้ว่า ควรจะพูดหรือไม่ควรพูด
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงสถาบันองคมนตรีว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิวัตินั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เห็นท่านไปพาดพิง สถาบันอย่างไร ส่วนเรื่องตัวบุคคลต้องว่าต่อไป เพราะท่านกล้าเอ่ยนามยืนยันแสดงว่า ท่านคงจะรู้อะไร และท่านต้องรับผิดชอบในคำพูดของท่าน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ที่ปัจจุบันมีการดึงสถาบันลงมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องแก้กันต่อไป แต่คงไม่ถึงขนาดดึงลงมา คิดว่า ท่านคงไม่เกี่ยวข้องด้วย อยู่แล้ว
ส่วนจะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ประชาชนจะต้องรู้และมีวิจารณญาณว่า อะไรที่เขาควรจะเชื่อ และอะไรที่ไม่ควรเชื่อ ขณะนี้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า รัฐบาลพยายามจะแก้ทุกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีพยายามทำงานหนักอยู่แล้ว
ที่ปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ต่อต้านรัฐบาลนั้น ผมว่า ประชาชนส่วนใหญ่รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร แต่เป็นธรรมดาที่จะต้องมีส่วนหนึ่ง ทั้งนี้เราไม่ได้ประเมินว่า กลุ่มเสื้อแดง จะก่อเหตุรุนแรงหรือไม่ แต่คิดว่า ทุกคนรู้ว่าประเทศของเราเป็นอย่างไร และจะทำให้เกิดความวุ่นวายไปทำไม เพราะไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ผมไม่มีเสื้อแดง หรือเสื้อเหลือง และคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนในชาติมีความรักใคร่ สามัคคีกัน ไม่อยากให้เกิดความแบ่งแยก ประชาธิปไตยมีความคิดที่ต่างกันได้ แต่สังคมต้องอยู่ร่วมกัน
พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนตากสินที่มีเป้าหมายล้มรัฐบาล และกองทัพ โดยกล่าวว่ามีความชัดเจนอยู่แล้ว แต่ไม่ทราบว่าใครเขียน ต้องไปดูว่ามันเป็นตามนั้นหรือไม่ ประเทศมีความชัดเจนอยู่ มีกระทรวง ทบวง กรม มีทหาร ทุกอย่างชัดเจนในเรื่องของการปกครอง เพราะฉะนั้นจะทำอะไรคงไม่ง่ายนัก เพราะประชาชนรู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะอยู่ในประเทศนี้ให้เกิดความสงบ ร่มเย็น
***เทพเทือกให้ผู้ถูกพาดพิงฟ้องเอง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พาดพิงองคมนตรและบุคคลในศาลเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนและประชาชน ที่ติดตามข่าวได้เห็นพร้อมกันทั่วประเทศ และคงตระหนักได้ว่า การดำเนินการ ของคนกลุ่มนี้มีเป้าหมายชัดเจน เพื่อปลุกระดมและสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย ก็ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป แม้การเคลื่อนไหว ทางการเมือง เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเราก็เคารพกฎหมาย หากมีการกระทำใดที่ฝ่าฝืนกฎหมายเราไม่ยอม
การที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดพิงไปถึงสถาบันองคมนตรีและบุคคลในศาลนั้้น คงไปเรียกร้องอะไรเขาไม่ได้ เพราะเขาก็มีเจตนาชัดเจนว่าต้องการให้คนในประเทศ เข้าใจเรื่องราวผิด ต้องการปลุกระดมประชาชน อย่างไรก็ตามบุคคลที่ถูกพาดพิงและเสียหาย ก็ต้องไปดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนมองปรากฎการณ์การรุกคืบของพ.ต.ท.ทักษิณ จากโจมตีรัฐบาล มาเป็น โจมตีสถาบันองคมนตรีและศาลอย่างไรนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่กล้าให้ความเห็น ทุกคนก็เห็นอยู่แล้วว่าอดีตนายกฯทำเพื่ออะไร เมื่อถามว่า เกรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะรุกคืบสูงกว่านี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เขาก็พยายามอยู่แล้ว เป็นหน้าที่ของพวกเรา ที่เป็นเจ้าของประเทศ ต้องพิจารณาสถานการณ์
***สว.แนะรัฐบาลปกป้ององคมนตรี
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามมาตรการการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการอื่นในการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวว่าการปราศรัยผ่านวีดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จ.เชียงใหม่ อยากเรียกร้องรัฐบาลให้ใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า จะปกป้ององคมนตรีอย่างไร เพราะเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโดยชัดเจน สมควรมีการชี้แจง หรือดำเนินมาตรการอื่นที่จำเป็นแทนองคมนตรีอย่างไรหรือไม่ เพราะเป็นเวลาเกือบ 3 ปีมาแล้วที่องคมนตรีหลายท่าน โดยเฉพาะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถูกกระทำย่ำยีจากคนกลุ่มหนึ่งทั้งทางวาจา ข้อเขียน รวมทั้งเดินขบวน ไปก่อความไม่สงบบริเวณหน้าที่พัก โดยท่านไม่อาจชี้แจงความจริงตอบโต้ได้ เนื่องจากต้องรักษาฐานภาพของความเป็นคณะที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ การชี้แจงความใดๆ ด้วยตัวเองอาจถูกมองว่าเข้าข่ายแสดงความเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง หรือนำตนเข้ามาเป็นคู่กรณีในทางการเมือง
ฐานภาพทางกฎหมายขององคมนตรี บ้านเมืองปกป้องอะไรท่านไม่ได้เลย เพราะไม่ได้มีฐานภาพเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ไม่ต้องพูดถึงศาลยุติธรรม ที่กฎหมายปกป้องนะ อยากจะเปรียบเทียบว่าฐานภาพขององคมนตรีต่ำกว่า ตำรวจจราจรที่เป่านกหวีดอยู่กลางถนนเสียอีก เพราะคนเหล่านั้นยังมีฐานภาพ เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หากถูกดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท ก็มีบทกำหนดโทษ โดยเฉพาะแตกต่างจากบุคคลธรรมดา แต่องคมนตรีไม่มี หากอยากจะฟ้องหมิ่นประมาท ก็ต้องฟ้องเองเหมือนบุคคลธรรมดา
นายคำนูณกล่าวว่า บทบัญญัติตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา ก็ปกป้องเฉพาะพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระรัชทายาทเท่านั้น หากจะมีเพิ่มเติม ก็คือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ได้มีการปกป้ององคมนตรี ในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติเคยมีการหารือกันว่าสมควรหามาตรการในการปกป้ององคมนตรีอย่างไร หรือไม่ ก็เห็นพ้องกันว่าไม่ควรไปแตะมาตรา 112 เด็ดขาด เพราะองคมนตรี เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ใช่พระบรมวงศานุวงศ์ แต่ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ โดยรัฐธรรมนูญถวายเป็นพระราชอำนาจให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งได้ ตามพระราชอัธยาศัย ก็ควรมีหนทางรักษาเกียรติขององคมนตรีไว้บ้าง ซึ่งในมุมหนึ่ง ก็เสมือนเป็นการรักษาพระเกียรติและพระราชอำนาจที่รัฐธรรมนูญถวายให้พระองค์ไว้
นายคำนูณ กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม สนช. ในขณะนั้น ได้เสนอทางออกไว้ ประการหนึ่งว่าอาจทำได้โดยการแก้ไขให้องคมนตรีเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพื่อให้มีฐานภาพทางกฎหมายเหนือกว่าบุคคลธรรมดาระดับหนึ่ง แต่เนื่องจาก เป็นปลายสมัย สนช. จึงไม่ได้มีการดำเนินการผลักดันเป็นรูปธรรมอะไร
นายคำนูณยังได้กล่าวถึง พล.อ.เปรม ที่ถูกโจมตีมาโดยตลอดว่า ไม่เพียงแต่ เป็นประธานองคมนตรี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้การยกย่องอย่างสูงในฐานะที่มีความซื่อสัตย์สุจริต แต่ยังได้รับพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2531 โดยในพระบรมราชโองการนั้นทรงระบุไว้ชัดเจนว่า เนื่องจากเป็นบุคคลที่เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาก่อน ทั้งด้านการทหาร และการบริหารราชการแผ่นดิน มีความรู้ความสามารถในการบริหารบ้านเมืองและได้ปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด แล้วคนไทยจะไม่ให้เกียรติท่าน โดยการบัญญัติให้ท่านมีฐานะพิเศษกว่าบุคคลธรรมดาเพียงเล็กน้อย แค่พอไม่ให้ต้องเดินขึ้นโรงพักแจ้งความเอง ไม่ได้เลยหรือ
***เตือนเทพเทือกไม่โต้! ระวังคนเชื่อ
นายคำนูณ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าประชาชนจะรู้ได้เองว่า อะไรเป็นอะไร และเป็นหน้าที่ ของประชาชนที่จะต้องใช้วิจารณญาณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะไม่ตอบโต้ไม่ชี้แจง ความจริงแทน เพราะความเท็จนั้นถ้าพูดบ่อยครั้งผ่านสื่อ โดยไม่มีผู้ใดออกมาชี้แจง ความจริงตอบโต้ นานวันเข้าคนอาจจะเชื่อว่าความเท็จนั้นเป็นความจริง เพราะไปเชื่อในตรรกะง่ายๆ ว่าถ้ามันไม่จริงคงมีคนออกมาตอบโต้ชี้แจงความจริงแล้ว การไม่มีคนออกมาตอบโต้ชี้แจงความจริงแทนแสดงว่าความเท็จนั้นคือความจริง
นายคำนูณเห็นว่า ในระยะสั้นรัฐบาลจะต้องทำหน้าที่ชี้แจงตอบโต้ประเด็นที่มีความแหลมคมแทนองคมนตรี หากไม่แน่ใจ สมควรหารือกับคณะองคมนตรีก่อน ส่วนในระยะกลาง และระยะยาว จะพิจารณาแก้ไขให้องคมนตรีมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือโดยมาตรการอื่นอย่างไรหรือไม่ ก็สุดแท้แต่รัฐบาลจะเร่งใช้วิจารณญาณ แต่ไม่ควรนิ่งเฉย.
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องค์มนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์ กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้การปราศรัยผ่านวีดีโอลิงก์ ในการชุมนุม ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนามกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ที่ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องการทำรัฐประหารและวางแผนล้อบสังหาร และโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ โดยนำเรื่องไม่จงรักษภักดีมาเป็นสาเหตุ โดยอ้างว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นผู้ให้ข้อมูล ว่า ตนทราบจากสื่อหนังสือพิมพ์ คิดว่าเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด เพราะข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับอาจเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมา ความจริงเป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้ ตนเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม คิดว่าคนที่ทำอะไรต้องได้รับผลตอบแทนทั้งในทางที่ดีและไม่ดี
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ได้เชิญ พล.อ. พัลลภร่วมวางแผนโค่นล้มระบอบทักษิณนั้น พล.อ.สุรยุทธกล่าวว่า ตนไม่เคยเชิญพล.อ.พัลลภไป อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังในส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ข้อมูลอย่างที่เรียนคือควรจะมีการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลเพราะความจริงจะต้องปรากฏออกมา และคงจะไม่ไปดำเนินการฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงคงไม่ไปขอร้องให้ยุติการพาดพิง เพราะเป็นหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่จะสำนึกได้เอง โดยส่วนตัวเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม หากใครทำดีหรือไม่ดีจะได้รับจากการกระทำนั้นเอง
***พัลลภรับปูดปฏิวัติปัดลอบสังหาร
ด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน. กล่าวว่า รู้สึกค่อนข้างแปลกใจที่จู่ๆ พ.ต.ท.ทักษิณ นำเรื่องนี้มาพูด แต่ยอมรับว่าเคยเล่าเรื่องเบื้องหลังของการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 ให้ฟังจริงว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังการวางแผนในการปฏิวัติ แต่ไม่มีเรื่อง แผนการลอบสังหารแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการปฏิวัติต้องมีคนมานั่งประชุมวางแผนกัน ซึ่งในเวลานั้นตนได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมโดยมี พล.อ. ส.เสือ เข้าร่วมประชุม ซึ่งในที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่า ควรจะต้องทำการยึดอำนาจรัฐบาล เพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความจงรักภักดี
ตอนนั้นเราคุยกันว่า เราจะทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ที่สุดก็ได้ตำแหน่งกันหมด แต่ผมไม่อยากเป็นอะไร และเห็นว่า ไม่ถูกต้อง ที่ปฏิวัติแล้วหวังประโยชน์ จนทำให้การปฏิวัติไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ผมยืนยันว่า ไม่มีแผนสอบสังหาร พ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ อาจนำ ข้อมูลจากที่อื่นมาพูด ผสมกับสิ่งที่ผมเคยเล่าให้ฟังจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ หวาดระแวงเรื่องลอบสังหารมาตลอด ในช่วงก่อนปฏิวัติมีเพียงแต่คิดแผนการจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แต่ในที่สุดไม่ได้นำแผนนี้มาใช้ แต่เลือกใช้จังหวะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปต่างประเทศจึงทำการปฏิวัติยึดอำนาจในช่วงนั้น
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ในครั้งที่ตนได้เดินทางไปหา พ.ต.ท. ทักษิณ ที่จีน ท่านถามถึงเรื่องคาร์บอมบ์ ซึ่งยืนยันว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องน่าจะเป็นความเข้าใจผิด เพราะในช่วงนั้นพ.ต.ท.ทักษิณไม่พอใจที่ตนส่งทหารไปดูแล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงคิดว่า ตนเป็นพวกของ พล.ต.จำลอง แต่ขณะนั้นที่ทำไปเพื่อดูแลความปลอดภัยให้พล.ต.จำลองเท่านั้น เพราะหากเขาเป็นอะไรไป พ.ต.ท.ทักษิณจะเสียหาย ซึ่งคราวที่ตนได้ไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ คุยแต่เรื่องนี้เท่านั้น ไม่ได้คุยเรื่องอื่น
***ช่วยงานใต้ดินบิ๊กบังแต่ถูกเบี้ยว
อย่างไรก็ตาม พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านหนังสือ ลับ ลวง พราง ภาคสอง ซ่อนรูปปฏิวัติ หักเหลี่ยมโหด ของ วาสนา นาน่วม เกี่ยวกับเบื้องหลังการปฏิวัติที่เข้าไปร่วมวางแผนตั้งแต่การประชุมที่เซฟท์เฮ้าส์ย่านสุขุมวิทว่า หลังจากปฏิวัติสำเร็จ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ให้ตนมาช่วยทำงาน ใต้ดิน ตั้งแต่ก่อนปฏิวัติ ซึ่งหลังปฏิวัติได้มาขอให้ช่วยตั้งพรรคการเมือง คือ พรรครักชาติแต่ล้มเหลว เพราะมีปัญหาด้านการเงิน เพราะบิ๊ก คมช.ไม่ยอมนำเงินมาลงทุน สุดท้ายจึงตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยขณะนั้น พล.อ.สนธิ ตั้งเป้าให้พรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเป็นแกนนำ ซึ่ง พล.อ. สนธิ จะเป็น รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงควบ รมว.กลาโหม และให้ตนเป็น รมว.มหาดไทย
หลังจากประเมินสถานการณ์ ให้ พล.อ. สนธิ รับฟังว่า พรรคเพื่อแผ่นดินจะได้ ส.ส.มากกว่า 120 บวก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะได้แค่ 100 ที่นั่ง พล.อ.สนธิตกใจ แล้วบอกว่า ผมว่าพี่ช่วย ประชาธิปัตย์ดีไหม ผมบอกไม่เอา พี่เคยอยู่ประชาธิปัตย์ แล้วออกมาแล้ว แค่นี้ พล.อ.สนธิเขาก็เลยเบี้ยวผม เขากลัวว่าพรรคเพื่อแผ่นดิน จะได้มากกว่า เพราะเขาต้องการให้ ประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล จนกระทั่งพรรคเละ เดิมนั้น เงินที่ผมจะใช้ในการเดินนั้น เขาให้พี่ลงทั้งหมด เอาลูกน้อง กอ.รมน. ลงวางหมด พล.อ.สนธิ บอกว่าเรื่องเงินไม่เป็นไรไปเอาที่ผม แต่เขาก็เบี้ยวผมเฉย จนเราไม่มีเงินเดิน เดินไม่ออก ทั้งนี้พล.อ.สนธิ เขาสนิทสนมกับนายพินิจ จารุสมบัติ และ นายเนวิน ชิดชอบมาก แล้วเป้าหมายของเขาคือ อยากเป็นนายกฯ ถ้าเป็นได้ เขาคงเป็น พล.อ.พัลลภ กล่าว
***"จรัญ" ชี้จับแพะชนแกะ
นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เห็นเนื้อหาที่ชัดเจน แต่ดูเหมือนเป็นการจับแพะชนแกะ ซึ่งถือ เป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อแต่ทั้งนี้เมื่อมีการเอ่ยชื่อกันแบบนี้คงต้องพูดอะไรบ้าง แต่ขอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนว่า ในฐานะตุลาการสมควรตอบโต้อะไรหรือไม่
ด้านนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกระบุว่า ร่วมประชุมวางแผนโค้นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อยู่ร่วมกับองคมนตรีและคนอื่นๆ ในการวางแผนล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นการพูด ที่ให้เกียรติตนมากที่ตนสามารถไปใช้คนโน้นคนนี้ หรือถูกคนโน้นคนนี้ใช้ได้ ความจริง นายชาญชัย ลิขิตจิตถ องคมนตรีนั้น เท่าที่นึกได้เคยเจอท่านเพียงครั้งเดียว ส่วนนายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองนั้น รู้จักดีเพราะเคยร่วมร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2517
นายปราโมทย์ กล่าวว่า สำหรับ พล.อ.พัลลภ นั้นก็รู้จักเพราะเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.พัลลภ จะเอาเรื่องเหล่านี้ไปเล่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณฟัง เพราะเขาเป็นเพื่อนตน เขาจะหวังอะไรจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอ่านหนังสือที่พล.อ.พัลลภ เขียนดู ในยามที่เขาทุกข์ หาใครไม่ได้ในแผ่นดินนี้ ตนเป็นคนช่วยเหลือเขา เขาก็พูดเสมอว่า ตนเป็นคนช่วยชีวิตเขามา จึงไม่เชื่อว่า เขาไปเล่าเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณคงจะฝันเอาเอง ตามประสาคนที่คุ้มดีคุ้มร้าย เที่ยวว่าคนเกลื่อนกลาดไปหมด
นายปราโมทย์ กล่าวว่า เรื่องปฏิญญาฟินแลนด์นั้นตนเขียน โดยบอกว่า ไม่ทราบว่าปฏิญญาฟินแลนด์มีจริงหรือไม่ มีการไปพบปะกันหรือไม่ ข้อเขียนของตนเปิดเผย เพราะมีอาชีพนักวิชาการ ใช้แต่ปากกา จะไปใช้ พล.อ.สุรยุทธ์ หรือโดน พล.อ.สุรยุทธ์ใช้ หรือถูก คมช.ใช้ได้อย่างไร สมัยที่ คมช.เป็นใหญ่ ตนวิพากษ์วิจารณ์ คมช.ตลอด คิดโดยเฉลี่ยแล้วไม่น้อยกว่าที่วิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ
***ซัดแม้วเพี้ยนแนะใช้ธรรมมะข่ม
ฉะนั้นคุณทักษิณเพี้ยนใหญ่ เพราะเดิมพันมันใหญ่ คุณทักษิณยังฝันอยู่ว่าจะกลับมาเมืองไทยได้ ยังฝันอยู่ว่า จะกลับมาครองอำนาจได้ ไปโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าเป็นรัฐบาลที่โลกไม่ยอมรับ ก็เห็นอยู่แล้วที่คุณอภิสิทธิ์ ไปอังกฤษ การตอบรับดี และการรับเชิญไปจี 20 มันสูงกว่าที่คุณทักษิณได้รับอยู่เวลานี้ คุณทักษิณเวลานี้ไปไหน ก็ไม่ได้แล้ว โลกประชาธิปไตยแท้ๆ ถ้าเก่งจริงแกก็ไปอังกฤษ ไปอเมริกา ไปฝรั่งเศส ให้ดูหน่อยสิครับ
นายปราโมทย์ แนะนำว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะนึกถึงธรรมมะ เอาธรรมมะเข้าข่ม แล้วก็ทบทวนดูว่าการกระทำของท่านเองทำให้ท่านตกเป็นเป้าของผู้ที่ต้องการ ความถูกต้อง เรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้คนหายคนตายก็ดี เรื่องคอร์รัปชั่นทางนโยบายหรือคอร์รัปชั่นโต้งๆ ที่ท่านและบริวารของท่านทำจนเกิดเป็นคดีความ ก็ดี นี่ท่านเป็นคนที่ไม่รู้จักขอโทษ ไม่รู้จักรับผิดว่าตัวเองพลาด ท่านไม่เคยสำนึกเลย โทษไปตั้งแต่รากหญ้าอีกหน่อยก็จะต้องโทษไปถึงฟ้าดิน โทษศาล โทษทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับว่าในประเทศไทยนี้มีคนดีอยู่คนเดียว มีคนเก่งอยู่คนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายปราโมทย์ กล่าวว่า มีใครในโลกที่จะเชื่อว่าตนและอีก 3 คนจะไปเป็นแกนนำ ล้ม พ.ต.ท.ทักษิณได้ ทั้ง 3 ท่านเป็นผู้มีเกียรติสูงในวงการตุลาการ คิวด่าเป้าต่อไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะย่ำยีลงให้ราบคาบน่าจะเป็นวงการตุลาการ
***"จิตตนาถ" ฉะซ้ำสร้างเรื่องโกหก
นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชาย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พาดพิงถึงโดยระบุว่า สมัยเป็นเป็นนายกรรัฐมนตรี ได้ถามลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนหนึ่งว่าทำไมคุณพ่อถึงโจมตีอา อย่างไม่มีเหตุผล โดยบุตรชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนนั้นบอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้หรอกคุณอา เพราะว่าองคมนตรีกินข้าวกับพ่อแล้ว ว่า ตนไม่เคยพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เคยพบในช่วงแรกๆ ที่เป็นนายกฯ แต่ก็ไม่เคยคุยกันเรื่องส่วนตัว เคยแต่สวัสดีเฉยๆ ไม่เคนสนิทกันถึงขั้นเรียกว่า คุณอา
นายจิตตนาถ กล่าวว่า บิดาตนคือ นายสนธิ ก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าเคยไปรับประทานอาหารกับองคมนตรี และองคมนตรีมอบหมายให้มาทำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อจะล้มพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเรื่องลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์ขึ้นมานั้น คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โกหกอยู่ทุกวัน สร้างเรื่องอยู่ทุกวันอยู่แล้ว คิดว่าคงจะไม่มีทางออกอื่น คงจะต้องปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา แล้วตอนนี้ก็พยายามจะโจมตีสถาบันเบื้องสูง และกลุ่มคนชั้นสูงอย่างเต็มตัว แล้วก็มั่วเรื่องขึ้นมา เพื่อ ทำให้พวกรากหญ้า พวกเสื้อแดง มีอารมณ์ขึ้นมา
อยากให้เขาระบุชื่อมาสิครับ คือผม ถ้ามีใครมาสัมภาษณ์ผมก็คงจะตอบปฏิเสธไป แต่ผมคิดว่าคงไม่มีใครบ้าเชื่อ คือเชื่อก็บ้าแล้ว เพราะอย่าลืมว่า องคมนตรี ใครเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมา คุณทักษิณ กล่าวโจมตีองคมนตรีอย่างนี้ เท่ากับกำลังกล่าวโจมตีใครที่เราเคารพกันอยู่หรือเปล่า
***ป๋าเปรมไม่แสดงท่าทีใดๆ
พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวว่า พล.อ.เปรมทราบข่าวการปราศรัยผ่านวิดิโอลิงค์ต่อคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ ค่ำวันที่ 22 มี.ค. ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พาดพิง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ทั้ง 2 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหารและเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่ขณะนี้ พล.อ.เปรมยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ
"โดยส่วนตัว ไม่ทราบเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดถึง คงต้องไปสอบถามจากต้นตอ และไม่สามารถบอกได้ว่าการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายหมิ่นสถาบันหรือไม่ ต้องไปสอบถามจากนักกฎหมาย" พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าว
***มาร์คไม่สนก้มหน้าทำงาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ายังไม่ได้ดูรายละเอียดเนื้อหา การปราศรัยผ่านวีดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จ.เชียงใหม่ เห็นแต่หัวข่าว เพราะให้ความสนใจในงานที่จะทำมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังหลบหนีในต่างประเทศและโฟนอินอยู่ในขณะนี้ทำให้นำมาสู่ความแตกแยกในบ้านเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่แก้ปัญหาให้กับประเทศ ส่วนปัญหาของคนหนึ่งคนก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีอะไร เมื่อถามว่า แต่ปัญหาของคนหนึ่งคนออกมาเคลื่อนไหวและระดมคนประท้วงรัฐบาล รัฐบาลจะไม่มีท่าทีอะไรบ้างหรือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีอะไรผิดกฎหมายก็ดำเนินการ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาประเทศอย่างไรหากภายในยังมีความแตกแยก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็พยายามไม่เข้าไปอยู่ในวังวนของความแตกแยก ตนเองก็ไม่ไปต่อปากต่อคำต่อล้อต่อเถียงและจะทำงาน หากมีข้อสงสัยทักท้วงก็จะพยายามตอบ ใครติดใจค่างคราใจยินดีที่จะแลกเปลี่ยน
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลคิดว่าจะบริหารประเทศภายใต้ความแตกแยก ได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความแตกแยกต้องดูว่าอยู่ในวงขนาดไหน ที่ผ่านมาการทำนโยบายและการปฏิบัติเดินหน้าไปได้กับคนส่วนใหญ่ไม่เป็นปัญหา แต่คนส่วนหนึ่งที่เขายังมีความข้องใจอยู่เราก็พยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เขากังวลเรื่องความไม่เป็นธรรมเรื่องอะไรนั้นไม่เป็นจริง
***ดูโพลแล้วแม้วป่วนไม่กระทบรัฐบาล
ต่อข้อถามว่า ประเมินความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ดูจากสถานการณ์และการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนก็ดูว่า อยู่ในสถานการณ์เราทำงานได้แน่นอน ขณะเดียวกันหลายฝ่ายมองว่า เสถียรภาพบ้านเมือง ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่บอกว่า จะทำความขัดแย้งให้น้อยที่สุด แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่หยุดจะกระจายความจริงคอย่างไรไม่ให้คนเกิดความสับสนกับข้อมูลที่พ.ต.ท. ทักษิณ นำมาพูดต่อสาธารณะ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้ใช้เวทีต่างๆอธิบาย สิ่งที่เป็นความจริงในส่วนของรัฐบาลรวมถึงช่วงการอภิปรายที่ผ่านมาได้ถือโอกาสนั้นในการชี้แจง เราต้องทำอย่างนั้น และเราต้องเชื่อในวิจารณาญาณของคนส่วนใหญ่ และต้องเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ต้องการให้บ้านเมืองพัฒนาก้าวหน้าไปข้างหน้า
***รมว.กลาโหมให้คนไทยใช้สมองคิดเอง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ โอนฟอนพาดพิลบุคคลทึ่อยู่เบื้องหลังการทำลายรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไปถามพ.ต.ท.ทักษิณเองว่า ท่านมีข้อมูลอะไรตนไม่ทราบ คิดว่าบ้านเมือง อยากให้มีความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวไม่อยากให้เกิดความ แตกแยก อะไรที่ทำให้ไม่เกิดความแตกแยก สื่อมวลชนควรคิดเองว่า ควรจะทำอย่างไรตนคงจะตอบอะไรไม่ได้ เพราะไม่ทราบข้อเท็จจริง เมื่อท่านกล้าพูด ท่านคงจะรู้ว่า ควรจะพูดหรือไม่ควรพูด
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงสถาบันองคมนตรีว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิวัตินั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เห็นท่านไปพาดพิง สถาบันอย่างไร ส่วนเรื่องตัวบุคคลต้องว่าต่อไป เพราะท่านกล้าเอ่ยนามยืนยันแสดงว่า ท่านคงจะรู้อะไร และท่านต้องรับผิดชอบในคำพูดของท่าน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ที่ปัจจุบันมีการดึงสถาบันลงมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องแก้กันต่อไป แต่คงไม่ถึงขนาดดึงลงมา คิดว่า ท่านคงไม่เกี่ยวข้องด้วย อยู่แล้ว
ส่วนจะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ประชาชนจะต้องรู้และมีวิจารณญาณว่า อะไรที่เขาควรจะเชื่อ และอะไรที่ไม่ควรเชื่อ ขณะนี้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า รัฐบาลพยายามจะแก้ทุกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีพยายามทำงานหนักอยู่แล้ว
ที่ปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ต่อต้านรัฐบาลนั้น ผมว่า ประชาชนส่วนใหญ่รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร แต่เป็นธรรมดาที่จะต้องมีส่วนหนึ่ง ทั้งนี้เราไม่ได้ประเมินว่า กลุ่มเสื้อแดง จะก่อเหตุรุนแรงหรือไม่ แต่คิดว่า ทุกคนรู้ว่าประเทศของเราเป็นอย่างไร และจะทำให้เกิดความวุ่นวายไปทำไม เพราะไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ผมไม่มีเสื้อแดง หรือเสื้อเหลือง และคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนในชาติมีความรักใคร่ สามัคคีกัน ไม่อยากให้เกิดความแบ่งแยก ประชาธิปไตยมีความคิดที่ต่างกันได้ แต่สังคมต้องอยู่ร่วมกัน
พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนตากสินที่มีเป้าหมายล้มรัฐบาล และกองทัพ โดยกล่าวว่ามีความชัดเจนอยู่แล้ว แต่ไม่ทราบว่าใครเขียน ต้องไปดูว่ามันเป็นตามนั้นหรือไม่ ประเทศมีความชัดเจนอยู่ มีกระทรวง ทบวง กรม มีทหาร ทุกอย่างชัดเจนในเรื่องของการปกครอง เพราะฉะนั้นจะทำอะไรคงไม่ง่ายนัก เพราะประชาชนรู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะอยู่ในประเทศนี้ให้เกิดความสงบ ร่มเย็น
***เทพเทือกให้ผู้ถูกพาดพิงฟ้องเอง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พาดพิงองคมนตรและบุคคลในศาลเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนและประชาชน ที่ติดตามข่าวได้เห็นพร้อมกันทั่วประเทศ และคงตระหนักได้ว่า การดำเนินการ ของคนกลุ่มนี้มีเป้าหมายชัดเจน เพื่อปลุกระดมและสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย ก็ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป แม้การเคลื่อนไหว ทางการเมือง เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเราก็เคารพกฎหมาย หากมีการกระทำใดที่ฝ่าฝืนกฎหมายเราไม่ยอม
การที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดพิงไปถึงสถาบันองคมนตรีและบุคคลในศาลนั้้น คงไปเรียกร้องอะไรเขาไม่ได้ เพราะเขาก็มีเจตนาชัดเจนว่าต้องการให้คนในประเทศ เข้าใจเรื่องราวผิด ต้องการปลุกระดมประชาชน อย่างไรก็ตามบุคคลที่ถูกพาดพิงและเสียหาย ก็ต้องไปดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนมองปรากฎการณ์การรุกคืบของพ.ต.ท.ทักษิณ จากโจมตีรัฐบาล มาเป็น โจมตีสถาบันองคมนตรีและศาลอย่างไรนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่กล้าให้ความเห็น ทุกคนก็เห็นอยู่แล้วว่าอดีตนายกฯทำเพื่ออะไร เมื่อถามว่า เกรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะรุกคืบสูงกว่านี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เขาก็พยายามอยู่แล้ว เป็นหน้าที่ของพวกเรา ที่เป็นเจ้าของประเทศ ต้องพิจารณาสถานการณ์
***สว.แนะรัฐบาลปกป้ององคมนตรี
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามมาตรการการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการอื่นในการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวว่าการปราศรัยผ่านวีดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จ.เชียงใหม่ อยากเรียกร้องรัฐบาลให้ใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า จะปกป้ององคมนตรีอย่างไร เพราะเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโดยชัดเจน สมควรมีการชี้แจง หรือดำเนินมาตรการอื่นที่จำเป็นแทนองคมนตรีอย่างไรหรือไม่ เพราะเป็นเวลาเกือบ 3 ปีมาแล้วที่องคมนตรีหลายท่าน โดยเฉพาะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถูกกระทำย่ำยีจากคนกลุ่มหนึ่งทั้งทางวาจา ข้อเขียน รวมทั้งเดินขบวน ไปก่อความไม่สงบบริเวณหน้าที่พัก โดยท่านไม่อาจชี้แจงความจริงตอบโต้ได้ เนื่องจากต้องรักษาฐานภาพของความเป็นคณะที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ การชี้แจงความใดๆ ด้วยตัวเองอาจถูกมองว่าเข้าข่ายแสดงความเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง หรือนำตนเข้ามาเป็นคู่กรณีในทางการเมือง
ฐานภาพทางกฎหมายขององคมนตรี บ้านเมืองปกป้องอะไรท่านไม่ได้เลย เพราะไม่ได้มีฐานภาพเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ไม่ต้องพูดถึงศาลยุติธรรม ที่กฎหมายปกป้องนะ อยากจะเปรียบเทียบว่าฐานภาพขององคมนตรีต่ำกว่า ตำรวจจราจรที่เป่านกหวีดอยู่กลางถนนเสียอีก เพราะคนเหล่านั้นยังมีฐานภาพ เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หากถูกดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท ก็มีบทกำหนดโทษ โดยเฉพาะแตกต่างจากบุคคลธรรมดา แต่องคมนตรีไม่มี หากอยากจะฟ้องหมิ่นประมาท ก็ต้องฟ้องเองเหมือนบุคคลธรรมดา
นายคำนูณกล่าวว่า บทบัญญัติตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา ก็ปกป้องเฉพาะพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระรัชทายาทเท่านั้น หากจะมีเพิ่มเติม ก็คือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ได้มีการปกป้ององคมนตรี ในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติเคยมีการหารือกันว่าสมควรหามาตรการในการปกป้ององคมนตรีอย่างไร หรือไม่ ก็เห็นพ้องกันว่าไม่ควรไปแตะมาตรา 112 เด็ดขาด เพราะองคมนตรี เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ใช่พระบรมวงศานุวงศ์ แต่ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ โดยรัฐธรรมนูญถวายเป็นพระราชอำนาจให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งได้ ตามพระราชอัธยาศัย ก็ควรมีหนทางรักษาเกียรติขององคมนตรีไว้บ้าง ซึ่งในมุมหนึ่ง ก็เสมือนเป็นการรักษาพระเกียรติและพระราชอำนาจที่รัฐธรรมนูญถวายให้พระองค์ไว้
นายคำนูณ กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม สนช. ในขณะนั้น ได้เสนอทางออกไว้ ประการหนึ่งว่าอาจทำได้โดยการแก้ไขให้องคมนตรีเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพื่อให้มีฐานภาพทางกฎหมายเหนือกว่าบุคคลธรรมดาระดับหนึ่ง แต่เนื่องจาก เป็นปลายสมัย สนช. จึงไม่ได้มีการดำเนินการผลักดันเป็นรูปธรรมอะไร
นายคำนูณยังได้กล่าวถึง พล.อ.เปรม ที่ถูกโจมตีมาโดยตลอดว่า ไม่เพียงแต่ เป็นประธานองคมนตรี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้การยกย่องอย่างสูงในฐานะที่มีความซื่อสัตย์สุจริต แต่ยังได้รับพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2531 โดยในพระบรมราชโองการนั้นทรงระบุไว้ชัดเจนว่า เนื่องจากเป็นบุคคลที่เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาก่อน ทั้งด้านการทหาร และการบริหารราชการแผ่นดิน มีความรู้ความสามารถในการบริหารบ้านเมืองและได้ปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด แล้วคนไทยจะไม่ให้เกียรติท่าน โดยการบัญญัติให้ท่านมีฐานะพิเศษกว่าบุคคลธรรมดาเพียงเล็กน้อย แค่พอไม่ให้ต้องเดินขึ้นโรงพักแจ้งความเอง ไม่ได้เลยหรือ
***เตือนเทพเทือกไม่โต้! ระวังคนเชื่อ
นายคำนูณ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าประชาชนจะรู้ได้เองว่า อะไรเป็นอะไร และเป็นหน้าที่ ของประชาชนที่จะต้องใช้วิจารณญาณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะไม่ตอบโต้ไม่ชี้แจง ความจริงแทน เพราะความเท็จนั้นถ้าพูดบ่อยครั้งผ่านสื่อ โดยไม่มีผู้ใดออกมาชี้แจง ความจริงตอบโต้ นานวันเข้าคนอาจจะเชื่อว่าความเท็จนั้นเป็นความจริง เพราะไปเชื่อในตรรกะง่ายๆ ว่าถ้ามันไม่จริงคงมีคนออกมาตอบโต้ชี้แจงความจริงแล้ว การไม่มีคนออกมาตอบโต้ชี้แจงความจริงแทนแสดงว่าความเท็จนั้นคือความจริง
นายคำนูณเห็นว่า ในระยะสั้นรัฐบาลจะต้องทำหน้าที่ชี้แจงตอบโต้ประเด็นที่มีความแหลมคมแทนองคมนตรี หากไม่แน่ใจ สมควรหารือกับคณะองคมนตรีก่อน ส่วนในระยะกลาง และระยะยาว จะพิจารณาแก้ไขให้องคมนตรีมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือโดยมาตรการอื่นอย่างไรหรือไม่ ก็สุดแท้แต่รัฐบาลจะเร่งใช้วิจารณญาณ แต่ไม่ควรนิ่งเฉย.