xs
xsm
sm
md
lg

ปิดศึกซักฟอก “เหลิม”เมินโพลล์ชี้คนไม่เชื่อ-เล็งยื่น กกต.ยุบ ปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
“เหลิม”อภิปรายปิดท้ายศึกซักฟอก โวหลักฐานเด็ด สัญญาว่าจ้าง “เมซไซอะ” ของทีพีไอ มีลายเซ็น “ประชัย”คนเดียว ถือเป็นโมฆะ ขณะการใช้เงินกองทุน กกต.จ้าง “ประจวบ สังข์ขาว” ทำโฆษณา ไร้สัญญาว่าจ้าง เตรียมเสนอ กกต.ยุบประชาธิปัตย์ เมินผลโพลล์ชี้ ปชช.ไม่เชื่อข้อมูล อ้าง นายกฯ-ปชป แจงไม่เคลียร์

เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 20 มี.ค. ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวว่า เสียดายที่ใช้เวลาอภิปรายวันแรกไป 3 ชั่วโมง ทำให้อาจจะไม่ได้แถลงสรุปการอภิปรายฯ จึงขอแถลงสรุปผ่านสื่อมวลชน

ร.ต.อ.เฉลิมได้นำแผ่นชาร์ทแสดงสัญญาว่าจ้างการทำโฆษณาบริษัททีพีไอโพลีน กับบริษัทเมซไซอะมาแสดงพร้อมกับการแถลงข่าวว่า ได้เก็บข้อมูลไว้ส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าจะมีการไปหาข้อมูลมาหักล้าง การที่ บ.ทีพีไอพีแอล จำกัด(มหาชน) ทำนิติกรรมสัญญา ต้องใช้ผู้มีอำนาจในบริษัทที่เป็นกรรมการ 2 ใน 9 คนที่ระบุไว้ในบริคณฑ์สนธิและประทับตราบริษัทจึงจะมีผลสมบูรณ์ แต่สัญญา 8 โครงการที่จ้าง บ.เมซไซอะ ทำป้ายโฆษณา มีการลงชื่อนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เพียงคนเดียว และไม่มีตราประทับของบริษัท ดังนั้นนิติกรรมจึงไม่เกิดขึ้น รวมทั้งสัญญา 2 ฉบับนั้นไม่มีพยาน ฉะนั้นหากสัญญาไม่ชอบแล้วจึงไม่สามารถนำเงินออกจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้ เมื่อนำเงินนี้ออกมาจึงรู้ว่าใครโกหกและพูดเท็จ และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์รายงาน กกต.นั้นถือว่าเป็นเท็จ

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ส่วนเงินจากกองทุนพัฒนาการเมืองของ กกต.23 ล้านบาท ได้นำไปว่าจ้างนายประจวบ สังข์ขาว และนายประจวบรับเงิน ต้องมีใบกำกับภาษี ตามหลักการค้า หากเป็นเงินของราชการต้องมีสัญญาว่าจ้างโดยจะว่าจ้างปากเปล่าไม่ได้ ฉะนั้นการที่อ้างว่าทำงาน 23 ล้านบาท แล้วมาเบิกเงินนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนายประจวบไม่มีศักยภาพขนาดนั้นเพราะยากจน บริษัทมีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวพร้อมกับแสดงแผ่นชาร์ทการตรวจสอบบัญชีของพรรคประชาธิปัตย์ว่า การที่นายกฯ อ้างว่าเรื่องนี้มีผู้ตรวจสอบบัญชีเรียบร้อยแล้ว ควรไปดูใหม่ว่ากรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบงบดุลประจำปีของพรรค นายกฯ จะอ้างว่าเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2548 จึงไม่สามารถทำหน้าที่และลงรายละเอียดได้นั้น ขอถามกลับไปว่านายอภิสิทธิ์ควรดูกฎหมายพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 12 มาตรา37และมาตรา40(2) ไม่ใช่ตอบเลี่ยงว่าไม่มีหน้าที่

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หลังการอภิปราย ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะรวบรวมข้อมูลการทั้งหมด อาทิ การวางบิลว่าจ้าง เส้นทางการจ่ายเช็กจาก บ.พีทีไอไปยัง บ.เมซไซอะ 27 ครั้ง วงเงิน 261 ล้านบาทเศษ ยื่นต่อ กกต.เสนอยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยข้อมูลของตนนั้นมีมากกว่าดีเอสไอเพราะดำเนินการมาก่อนดีเอสไอ เช่น เช็กที่ตนนำมาอภิปรายนั้น กกต.ไม่มีหลักฐานนี้ ฉะนั้นสิ่งที่ตนอภิปรายทั้งหมดเพื่อโยงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดกฎหมาย ตั้งแต่การรับรองงบดุลของพรรค การนำเงิน กกต.มาแจกจ่าย การออกใบกำกับภาษีปลอม เพื่อให้สังคมรับรู้

เมื่อถามว่าแสดงว่ามั่นใจว่าหลักฐานที่มีอยู่จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ข้อมูลขนาดนี้ไม่ยุบก็สนุก

เมื่อถามว่า หลังการอภิปรายฯ คิดว่ารัฐบาลจะปรับ ครม.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา พรรคไม่ได้หวังให้ปรับ ครม.แต่อยากแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้นำเงินของตัวเองมาใช้แต่กลับรู้เห็นกับบุคคลอื่นนำเงินจากตลาดหลักทรัพย์มาใช้

เมื่อถามว่าผู้ถือหุ้น บ.ทีพีไอ ที่เสียประโยชน์จะฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า แจ้งความได้เพราะเป็นคดีอาญา อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์ต้องดำเนินการเพราะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย

เมื่อถามว่า โพลล์ระบุว่าไม่เชื่อข้อมูลการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่เชื่อโพลล์ โพลล์ยังไม่ได้ฟังฝ่ายรัฐบาลชี้เเจงเลย วันนี้ชี้แจงแล้วเป็นอย่างไร คนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เกี่ยวข้องก็อ้ำอึ้ง ถามว่าตอบคำถามของตนได้ไหม

ต่อมาเวลา 23.15 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ร.ต.อ.เฉลิม ได้เป็นผู้กล่าวอภิปรายสรุป โดยให้น้ำหนักไปที่กรณีการจ่ายเงิน 261 ล้านบาทจากบริษัททีพีไอโพลีน ไปให้ บริษัท เมซไซอะ จำกัด เป็นค่าทำประชาสัมพันธ์ ระหว่างเดือน พ.ย.47- ก.พ.48 โดย ร.ต.อ.เฉลิมย้ำว่า เป็นการจ่ายเงินโดยไม่ถูกต้อง เพราะสัญญาไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีลายเซ็นกรรมการบริษัทเพียงคนเดียว ซึ่งหลังจากมีการโอนเงินให้กับ บ.เมซไซอะแล้ว ก็มีการถอนเงินไปให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ 4 กลุ่มด้วยกัน

นอกจากนี้ ยังมีกรณีการใช้เงินกองทุนพัฒนาการเมืองของ กกต. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จ่ายเป็นค่าทำแผ่นป้ายหาเสียงให้กับ บ.เมซไซอะ โดยที่ไม่มีการทำสัญญาว่าจ้าง ถือว่าไม่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นผู้ลงนามในงบดุลประจำปีของพรรค ซึ่งหากรัฐบาลผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่า จะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อ กกต.เพื่อให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

อีกประเด็นหนึ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอภิปรายสรุป เป็นกรณีที่มีผู้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไว้ที่ สภ.ราชาเทวะ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2551 ในข้อหาเป็นผู้ก่อการร้ายสากล ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ จะต้องให้นายกษิตไปมอบตัวสู้คดีก่อน

หลังจากนั้น นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ได้สั่งปิดประชุมในเวลา 23.59 น. และนัดประชุมเพื่อลงมติในเวลา 11.00 น. วันเสาร์ที่ 21 มี.ค.นี้

"มาร์ค"เย้ยสรุปอภิปรายไม่เห็นมีอะไร

เวลา 00.05 น. วันที่ 21 มี.ค. ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการสรุปการอภิปรายครั้งนี้ว่า ไม่เห็นมีอะไร ประเด็นการสรุปเหมือนเมื่อวาน

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่หลังการอภิปรายจะมีการปรับ ครม.นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่เห็นมีอะไร ว่ากันทีละวัน

ถามว่าในการโหวตคะแนนอาจจะเหลื่อมล้ำ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไร

"เหลิม"เลี่ยงตอบคำขู่สุเทพ

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยว่า สถานการณ์ขณะนี้อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ข้อมูลที่เปิดออกมาพรรคมันสะเทือน เมื่อถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยระวังหากกล่าวหาใส่ร้ายผู้อื่น หากพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นจริงอาจถูกยุบพรรคอีกรอบ ร.ต.อ.เฉลิมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่กลับกล่าวว่า กฎหมายเก่าถ้าแจงบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จจะมีโทษเฉพาะบุคคล หากเป็นกฎหมายใหม่ถ้าแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จจะมีโทษทั้งพรรค ส่วนเรื่องการโหวตก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วไม่ชนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น