xs
xsm
sm
md
lg

“โอบามาร์ค” แจงเหตุกู้เงินต่างชาติ กระตุ้น ศก.ไตรมาส 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี ยืนยันเงินสำรวจประเทศไม่มีปัญหา แต่จำเป็นต้องกู้เงินต่างชาติ 7 หมื่นล้าน เพราะติดขัด กม.ก่อนนำเงินก้อนนี้มาใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 เตรียมหว่านงบลงชุมชนพอเพียง 8 หมื่นหมู่บ้านสัปดาห์หน้า

วันนี้ (15 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง 2 โดยอาศัยเงินกู้จากต่างประเทศ ว่า สำหรับปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม ตนเคยคุยกับพี่น้องประชาชนไว้ว่า สภาวการณ์เศรษฐกิจของเรา คงจะขึ้นอยู่กับปัญหาของเศรษฐกิจโลก และวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าสภาวะของเศรษฐกิจโลกหนักหนาสาหัสกว่าที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้ ทุกวันนี้ฝ่ายต่างๆ ก็ยังมีการปรับการพยากรณ์ของโลกไปในทางลบ เพราะฉะนั้น ที่ตนเคยพูดไว้ว่าเราคงจะต้องเตรียมแผนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ 2 ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยเงินกู้จากต่างประเทศ เรียนว่า คณะรัฐมนตรีในวันอังคารได้พิจารณา และอนุมัติกรอบการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้ ก็จะเป็นเงินกู้อยู่ในกรอบวงเงิน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท ที่จะนำมาใช้ในเรื่องของโครงการในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีความจำเป็นจะต้องใช้เงินตราต่างประเทศด้วย ซึ่งตรงนี้ตามรัฐธรรมนูญเราจะต้องมีการนำเสนอต่อรัฐสภา เพื่อให้อนุมัติกรอบการเจรจา แล้วจะมีการดำเนินการเจรจา ซึ่งคาดว่าน่าจะทำให้เราสามารถมีเงินก้อนนี้มาใช้จ่ายได้ประมาณไตรมาสที่ 3 หรือประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งคิดว่าจะมารับช่วงจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเราได้ดำเนินการไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก

“ผมทราบดีนะครับว่าพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่งมีความเป็นห่วงเป็นใยว่า เราจะต้องไปกู้เงินจากต่างประเทศ อยากจะเรียนว่าที่จริงแล้ว เรามีเงินตราต่างประเทศเยอะครับเป็นเงินสำรอง ซึ่งขณะนี้มีมากกว่าหนี้ต่างประเทศของเราหลายเท่าตัว แต่ว่าตามกฎหมายของเรา ๆ ไม่สามารถนำเอาเงินสำรองเหล่านั้นมาใช้จ่ายได้ นั่นคือ เหตุผลว่าทำไมเราจะทำโครงการการพัฒนา เราจึงจำเป็นต้องไปกู้เงินมา แต่ไม่ได้หมายความว่า สถานะทางการเงินหรือเงินสำรองของประเทศมีปัญหา” นายกฯ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ที่หลายคนห่วงว่าการกู้ยืมเงินนั้นจะเป็นการทำให้เงินปัญหาหนี้ของสาธารณะหรือหนี้ของรัฐบาล ก็เรียนว่า คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ได้มีการติดตามตัวเลขหนี้สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันจะอยู่ประมาณร้อยละ 38 ของรายได้ประชาชาติของเรา คาดว่า ในช่วงของวิกฤตนี้ ซึ่งจำเป็นต้องมีการกู้ยืมเงินมากขึ้น และขณะเดียวกันรายได้ก็ไม่ขยายตัวหรืออาจจะหดตัวบ้างเล็กน้อย สัดส่วนหนี้ตรงนี้ต้องสูงขึ้นเป็นธรรมดา อาจจะขึ้นไปถึงใกล้เคียงกับร้อยละ 50

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า อยากจะเรียนว่าไม่ใช่ตัวเลขที่น่าตกใจอะไร หลายประเทศก็มีตัวเลขที่สูงกว่านี้ และที่สำคัญที่สุด ว่า ในขณะนี้ทุกประเทศเห็นตรงกันว่า ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ในยามที่มีความเสี่ยงที่พี่น้องประชาชนจะตกงาน ในยามที่พี่น้องยากลำบาก จากปัญหาการไม่มีรายได้ รัฐบาลจะต้องมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองการจัดเก็บภาษีก็จะจัดเก็บได้น้อย เพราะฉะนั้น การกู้เงินต้องเกิดขึ้น แต่จะเป็นการกู้เงินซึ่งไม่ทำให้กระทบกับเรื่องของวินัยทางการเงินการคลังของเรา และเราก็เชื่อมั่นว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น เราจะสามารถจัดเก็บรายได้มาชดเชยในส่วนของหนี้หรือว่าการขาดดุลในช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกประเทศกำลังทำอยู่

“ที่จริงผมเดินทางมาที่ประเทศอังกฤษเวลาตอบคำถามสื่อมวลชน เขากลับถามเราครับว่า ทำไมเราไม่ใช้จ่ายเงินหรือกู้ยืมเงินมากกว่านี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งผมได้ชี้แจงไปว่าเราต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายของเรา แต่ขณะเดียวกันเราก็กำลังมองหาช่องทางต่าง ๆ ที่จะทำให้เราสามารถที่จะมีเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องงานทางด้านเศรษฐกิจ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำหรับสัปดาห์หน้า ตนจะเดินหน้าในการที่จะเริ่มต้นหลายโครงการที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเงินสำหรับโครงการชุมชนพอเพียง ที่เคยคุยกันไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ทั้งในเรื่องของการที่พี่น้องประชาชนจะสามารถมีส่วนร่วมในการคิดโครงการที่สอดคล้องกับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และจะได้รับเงิน โดยงวดแรกจะประมาณ 8,000 หมู่บ้าน ขณะเดียวกันผมจะมีการประชุมในเรื่องของงบพัฒนาจังหวัด ซึ่งเป็นการจัดงบประมาณไปตามพื้นที่ เช่นเดียวกันจะพยายามยึดหลักของการมีส่วนร่วมให้มากที่สุด เพื่อที่จะให้การใช้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจของเรามีปัญหา
กำลังโหลดความคิดเห็น