กทม.สรุปงบรายจ่ายปีงบประมาณ 2552 เป็นเงิน 60,420 ล้านบาท เผย ใช้ดำเนินการตามนโยบาย 5 ด้านของ “อภิรักษ์” กว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยงบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้มากสุด ส่วนปีถัดไปให้เก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากงานกระจายอำนาจ และเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี ส่วนงบกลางปีให้พิจารณาความจำเป็นอันดับแรก
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้มีการสรุปประมาณการรายรับประจำปี 2552 ทั้งหมดจำนวน 61,260,663,560 บาท จำแนกเป็น 1.รายได้ประจำของ กทม.46,000 ล้านบาท โดย กทม.จัดเก็บเอง เช่น ภาษี ค่าธรรมเนียม 11,350 ล้านบาท คิดเป็น 24.67% ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ 34,650 ล้านบาท คิดเป็น 75.33% 2.รายได้อุดหนุนจากรัฐบาล 14,420 ล้านบาท และ 3.รายรับของการพาณิชย์ กทม.840 ล้านบาท ขณะที่สรุปงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 รวมงบอุดหนุนทั้งสิ้น 60,420 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณดำเนินการ ได้แก่ งบบริหารจัดการ และงบบุคลากร 36,370 ล้านบาท และงบพัฒนา กทม.ได้แก่ งบโครงการใหม่ งบท่องเที่ยว งบโครงการต่อเนื่อง และงบกลาง รวม 24,050 ล้านบาท
ส่วนงบประมาณรายจ่ายเฉพาะงบพัฒนา กทม.ไม่รวมงบกลาง จำนวน 20,386 ล้านบาท จำแนกตามยุทธศาสตร์หลัก 5 ด้าน (5 Big Moves) คือ 1.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณาการเพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางภูมิภาค 6,657.04 ล้านบาท คิดเป็น 32.65% 2.พัฒนาศักยภาพเมืองเพื่อก้าวทันการแข่งขันทางเศรษฐกิจและเป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ 3,585.39 ล้านบาท คิดเป็น 17.59% 3.พัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครแห่งสิ่งแวดล้อม 4,764.01 ล้านบาท คิดเป็น 23.37% 4.พัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีและมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม 2,654.90 ล้านบาท คิดเป็น 13.02% และ 5.พัฒนาระบบบริหารจัดการเพื่อเป็นต้นแบบด้านการบริหารมหานคร 2,724.68 ล้านบาท คิดเป็น 13.37%
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า แนวทางการตั้งงบประมาณในปีต่อไปได้มอบให้สำนักงบประมาณ กทม.พิจารณาการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดเก็บภาษีให้เพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้สามารถจัดเก็บได้อย่างทั่วถึงครอบคลุม ประชาชนเกิดความสะดวกในการยื่นเสียภาษี พร้อมประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ เช่น ประเมินองค์ประกอบการจัดเก็บภาษีที่อาจส่งผลให้จัดเก็บได้น้อยลง เป็นต้น ส่วนงบประมาณกลางปีที่ตั้งไว้นั้นได้มอบให้ทุกหน่วยงานของ กทม.รวบรวมงาน หรือโครงการทุกอย่างเพื่อนำสู่การพิจารณาถึงความจำเป็น และความสำคัญ หากโครงการหรืองานใดไม่จำเป็นหรือยังไม่เร่งด่วนก็อาจพิจารณาตัดออกไป หรือเลื่อนดำเนินการไปก่อน