xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนฟื้นฟูชง160ล.ให้เกษตรกรฟื้นอาชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระบี่ - กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรชงงบกว่า 160 ล้านบาทให้เกษตรกรฟื้นฟูอาชีพ พร้อมเตรียมเงินกู้ยืมอีกกว่า 450 ล้านบาทให้เกษตรกรเพื่อพัฒนาอาชีพปี 53 ถึงมือ

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เปิดเผยระหว่างเดินทางไปเยี่ยมสมาชิกกองทุนฯที่ จ.กระบี่ว่า กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเกิดขึ้นจากที่เกษตรกรเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้สินและปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานไม่เฉพาะแต่ในปัจจุบันนี้ โดยกองทุนฯ จะเข้าไปชำระหนี้แทนเกษตรกรในรายที่มีหนี้อยู่ในสถาบันการเงิน ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และโอนมาไว้ที่กองทุนฯ เมื่อเกษตรกรมีความสามารถก็ให้มาไถ่ถอนคืนไปโดยคิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 แทนที่ต้องจ่ายให้สถาบันการเงิน ในอัตราร้อยละ 10 หรือสูงกว่านั้น

กองทุนฯจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เกษตรกรไว้วางใจว่า จะเป็นองค์กรที่จะมาจัดการปัญหาต่างๆ ให้แก่เกษตรกร โดยมีเกษตรกรเข้าเป็นสมาชิกกองทุน ตั้งแต่ปี 43 จนถึงปัจจุบันทั่วประเทศ 6 ล้านคนและมีผู้มาแจ้งความประสงค์ขอให้กองทุนฯจัดการหนี้ให้กว่า 3 แสนราย โดยกองทุนสามารถจัดการซื้อหนี้เกษตรกรไปได้ 3,836 ราย สัญญาวงเงิน 533,201,859,69 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นหนี้ที่กำลังถูกเจ้าหนี้ดำเนินคดี ยึดทรัพย์ หรือขายทอดตลาด ซึ่งทางกองทุนฯสามารถรักษาที่ดินทำกินของเกษตรกรไว้ได้ขณะนี้ จำนวน 18,960 ไร่

เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายในปี 52 จะวางระบบการจัดการหนี้และการฟื้นฟูอาชีพให้สอดคล้องกันมากขึ้น โดยผู้ที่ได้รับการจัดการหนี้จำนวน 3,568 รายจะต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ซึ่งขณะนี้กองทุนฟื้นฟูได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 168,597,204 บาทให้แก่องค์กรเกษตรกรจำนวน 2,649 องค์กรเพื่อการฟื้นฟูอาชีพ สำหรับเกษตรกรจำนวน 277,984 ราย ซึ่งบประมาณก้อนแรกเป็นงบอุดหนุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่องค์กรเกษตรกร และในปีต่อไป (ปี 53) จะเป็นเงินให้องค์กรเกษตรกรกู้ยืมเพื่อนำไปประกอบอาชีพตามแผน และโครงการที่องค์กรเกษตรกรเสนอมา ซึ่งทางกองทุนตั้งงบไว้ประมาณ 450 ล้านบาท

"สำหรับจังหวัดกระบี่และภาคใต้หนี้สินของเกษตรกร ที่ทางกองทุนฯต้องเข้าไปช่วยเหลือนั้นถือว่าน้อยมากเมื่อเปรียบกับจังหวัดอื่นๆหรือภาคอื่นๆเนื่องจากเกษตรกรทางภาคใต้ ส่วนใหญ่จะปลูกพืชทางการเกษตรประเภทยืนต้น มีอายุนาน ไม่ต้องทำทุกปี หนี้สินจึงไม่พอกพูน ต่างกับเกษตรกรปลูกพืชล้มลุก เช่น ปลูกข้าว เมื่อปลูกมากบ่อยครั้งโอกาสจะเป็นหนี้ก็มีมาก เนื่องจากราคาในแต่ละปีไม่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามทางกองทุนฯก็จะเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น มีกิน มีใช้ภายในครอบครัว ไม่ต้องซื้อ ส่วนที่เหลือก็แบ่งขายเป็นรายได้"
กำลังโหลดความคิดเห็น