นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการออก 6 มาตรการป้องกันวิกฤตการเงินของประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทยจะต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ โดย 6 มาตรการหลัก มีดังต่อไปนี้ มาตรการแรก คือมาตรการทางตลาดทุน มาตรการที่ 2 การสร้างสภาพคล่องให้เพียงพอถึงทุกธุรกิจ มาตรการที่ 3 คือเร่งการส่งออกและการท่องเที่ยว มาตรการที่ 4 คือสร้างเศรษฐกิจในประเทศให้กับประชาชน มาตรการที่ 5 คือการเร่งการลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจกต์ และมาตรการสุดท้าย คือนำการสร้างประชาการเงินของเอเชีย
6 มาตรการดังกล่าวจะเน้นการสร้างสภาพคล่องในระบบ เช่น มาตรการตลาดทุน จะมีการระดมเงินเพื่อซื้อหุ้นราคาถูก และมีการจัดตั้งกองทุนโดยความร่วมมือ และแมตชิ่งฟันด์ และการซื้อหุ้นคืน โดยมีมูลค่ารวมกันประมาณ 42,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ขยายวงเงินการซื้อกองทุน RMF และ LTF อีก จากเดิมมูลค่า 5 แสนบาท เป็น 7 แสนบาทต่อปี โดยจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ยังขอให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น โดยสถาบันการเงินของรัฐจะปล่อยสินเชื่อเพิ่มอีกประมาณ 50,0000 ล้านบาท ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ยังยืนยันว่าสภาพคล่องเงินบาทในระบบนั้นยังคงมีพอเพียงอยู่
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวจะเน้น 5 ด้านด้วยกัน โดยด้านการเงินจะมีการให้กู้ยืมเงิน 60,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ ทางด้านการคลัง จะดูแลด้านการท่องเที่ยว ด้านการตลาด จะมีการจัดงานไทยแลนด์แกรนด์เซล (Thailand Grand Sale) อีกครั้งในสิ้นปีนี้
ทางด้านกระทรวงคมนาคม จะมีการร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว โดยจะมีการร่วมมือกับการบินไทย ให้ร่วมมือกับร้านอาหารและการขนส่ง
ขณะเดียวกัน ทางด้านการบริหารจะมีการประกวดจัดราคาและเร่งการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ภูเก็ต
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจคาดการณ์ว่าทั้ง 6 มาตรการนี้จะสามารถมีมูลค่าเข้าสู่ระบบได้เป็นจำนวนถึง 1.2 ล้านล้านบาท ในอนาคต
6 มาตรการดังกล่าวจะเน้นการสร้างสภาพคล่องในระบบ เช่น มาตรการตลาดทุน จะมีการระดมเงินเพื่อซื้อหุ้นราคาถูก และมีการจัดตั้งกองทุนโดยความร่วมมือ และแมตชิ่งฟันด์ และการซื้อหุ้นคืน โดยมีมูลค่ารวมกันประมาณ 42,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ขยายวงเงินการซื้อกองทุน RMF และ LTF อีก จากเดิมมูลค่า 5 แสนบาท เป็น 7 แสนบาทต่อปี โดยจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ยังขอให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น โดยสถาบันการเงินของรัฐจะปล่อยสินเชื่อเพิ่มอีกประมาณ 50,0000 ล้านบาท ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ยังยืนยันว่าสภาพคล่องเงินบาทในระบบนั้นยังคงมีพอเพียงอยู่
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวจะเน้น 5 ด้านด้วยกัน โดยด้านการเงินจะมีการให้กู้ยืมเงิน 60,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ ทางด้านการคลัง จะดูแลด้านการท่องเที่ยว ด้านการตลาด จะมีการจัดงานไทยแลนด์แกรนด์เซล (Thailand Grand Sale) อีกครั้งในสิ้นปีนี้
ทางด้านกระทรวงคมนาคม จะมีการร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว โดยจะมีการร่วมมือกับการบินไทย ให้ร่วมมือกับร้านอาหารและการขนส่ง
ขณะเดียวกัน ทางด้านการบริหารจะมีการประกวดจัดราคาและเร่งการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ภูเก็ต
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจคาดการณ์ว่าทั้ง 6 มาตรการนี้จะสามารถมีมูลค่าเข้าสู่ระบบได้เป็นจำนวนถึง 1.2 ล้านล้านบาท ในอนาคต