xs
xsm
sm
md
lg

"แบงก์ชาติ" แจงปมเงินเฟ้อเร่งตัว "กรณ์" คาด ดบ.ขยับปลายปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แบงก์ชาติ" คาดเงินเฟ้อเดือน ก.พ. เพิ่มในอัตราเร่ง ยันไม่น่าเป็นห่วง เพราะการเร่งตัวของเงินเฟ้อในรอบนี้ ไม่ได้มาจากอุปสงค์ที่เร่งตัวขึ้นรุนแรงจนถึงราคาสินค้าปรับสูงขึ้น แต่มาจากราคาอาหารที่สูงขึ้น และเกิดโรคพืชระบาด ทำให้ผลผลิตด้านการเกษตรลดลง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาบ้าง "กรณ์" แจงเงินเฟ้อเร่งตัวยังอยู่ในกรอบ ศก.ยังไปได้สวย อาจมีการปรับขึ้น ดบ.ช่วงปลายปี

นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดเงินในขณะนี้ โดยคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 จะเร่งตัวขึ้นอีก แต่ก็จะเป็นไปตามที่ กนง.คาดการณ์เอาไว้ เช่นเดียวกับการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมกราคม 2553 ที่ระดับ 4.1% แม้ว่าจะโตค่อนข้างเร็วไปบ้าง

ทั้งนี้ การเร่งตัวของเงินเฟ้อไม่ได้มาจากอุปสงค์ที่เร่งตัวขึ้นรุนแรงจนถึงราคาสินค้าปรับสูงขึ้น แต่มาจากราคาอาหารที่สูงขึ้น และเกิดโรคพืชระบาดที่ทำให้ผลผลิตด้านการเกษตรลดลง รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาบ้าง ซึ่งถือว่ายังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงต้นปีจะพุ่งสูงขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ เพราะอัตราเงินเฟ้อฟื้นฐานยังอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังตกลงกันไว้ที่ 0.5-3.0% และต้องติดตามดูนโยบายการเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะยังคงกำหนดนโยบายดูแลเศรษฐกิจตามเดิมไปอีกระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้ดี เชื่อว่ามีโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นในช่วงปลายปี 2553

นายกรณ์ กล่าวว่า จากการหารือของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ธปท. ได้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าจะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลได้เพิ่มขึ้น

ดังนั้น คาดว่าในปีงบประมาณ 2553 การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.55 ล้านล้านบาท จากประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1.43 ล้านล้านบาท จึงอาจทำให้รัฐบาลลดการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการลงทุนลงประมาณ 1 แสนล้านบาท หรือ 2% ของจีดีพี เพราะสามารถใช้เงินงบประมาณเพื่อการลงทุนมากขึ้น

ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้ ได้มีการหารือนอกรอบ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจในการกำหนดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในปี 2554 โดยจะวางนโยบายการบริหารประเทศที่ใช้ยุทธศาสตร์เป็นตัวตั้ง จากเดิมที่จะพิจารณาข้อเสนอแต่ละกระทรวง แต่ต่อไปนี้ การดำเนินงานของทุกกระทรวงจะสอดคล้องกันภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกัน ขณะเดียวกันจะลดการกู้เงินยืมนอกงบประมาณ แต่จะใช้เงินงบประมาณให้มากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น