เด้งล้างบางมหาดไทย “อธิบดีพัฒนาชุมชน-ผู้ว่าฯ เชียงใหม่” สลายขุมพลังเสื้อแดง “สุกิจ” อ้างนักการเมืองจ้องงาบ เซ็นคำสั่งทิ้งทวน 3 พันโครงการ เปิดเบื้องลึกสาย “เทพประทาน” ผงาดยกแผง อ้างเพราะมีความใกล้ชิด-ศิษย์ร่วมสถาบัน ขณะที่ “เนวิน” ส่งคนคุมสายอีสาน-เหนือ เอื้อฐานเสียงภูมิใจไทย
วานนี้ (10 มี.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอจำนวน 28 ราย ได้แก่ 1.นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.เชียงใหม่ และให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ลำปาง และให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.เชียงใหม่ 3.นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.พิษณุโลก และให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ลำปาง 4.นายปรีชา เรืองจันทร์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ภูเก็ต ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.พิษณุโลก
5.นายวิชัย ไพรสงบ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.สิงห์บุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ภูเก็ต 6.นายชุมพร พลรักษ์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.สิงห์บุรี 7.นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.นครนายก ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 8.นายปรีชา กมลบุตร พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.นครนายก 9.นายวิทยา ผิวผ่อง พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.สกลนคร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.พระนครศรีอยุธยา 10.นายสุกิจ เจริญรัตนกุล พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย
11.นายมานิต วัฒนเสน พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ขอนแก่น ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 12.นายปราโมทย์ สันจจรักษ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ขอนแก่น 13.นายวิเชียร ชวลิต พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.อำนาจเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ 14.นายบุญสนอง บุญมี พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.นครพนม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.อำนาจเจริญ 15.นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ร้อยเอ็ด ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.นครพนม
16.นายชิดพงษ์ ฤทธิประศาสน์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ระยอง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ร้อยเอ็ด 17.นายสยุมพร ลิ่มไทย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.สตูล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ระยอง 18.นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ราชบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.สตูล 19. นายสุเทพ โกมลภมร พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.พัทลุง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ราชบุรี 20.นายวิญญู ทองสกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.พัทลุง
21.นายทองทวี พิมเสน พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.มหาสารคาม 22.นายพินิจ เจริญพานิช พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.มหาสารคาม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 23.นายสุเมธ แสงนิ่มนวล พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.เชียงราย 24.นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.เชียงราย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
25.นายขจรศักดิ์ สิงโตกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ยโสธร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 26.นายวันชัย อุดมสิน พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.กำแพงเพชร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ยโสธร 27.นายวันชัย สุทิน พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.กำแพงเพชร 28.นายสมบัติ ศรีวัฒน์สุวรรณ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าฯ จ.อุดรธานี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.สกลนคร ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพิจารณาในครั้งนี้ คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ จึงมีการผลักดันคนใกล้ชิดของตัวเองในพื้นที่ ทั้งที่เป็นคนบ้านเดียวกันกับนายสุเทพ เพื่อนสนิท และรุ่นน้อง ม.เชียงใหม่ เนื่องจากนายสุเทพจบการศึกษาจากสถาบันดังกล่าว รวมถึงการผลักดันของนายเนวินให้ผู้ว่าฯ ภาคอีสาน ซึ่งใกล้ชิดกับ ส.ส.ภูมิใจไทย มารับตำแหน่งสำคัญๆ หลายคน เพื่อการสลายพลังของกลุ่มอำนาจเก่า นอกจากนี้ยังมีการย้ายอีกหลายคนเพื่อคืนความชอบธรรมให้ หลังจากถูกโยกย้ายในช่วงรัฐบาลพลังประชาชน
ส่วนการโยกย้ายนายสุกิจที่ถูกเด้งจากอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นกรมขนาดใหญ่ของกระทรวงฯ ไปนั่งตำแหน่งผู้ตรวจราชการนั้น เหตุเพราะนายสุกิจ มีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน เมื่อผนวกกับการมีปัญหาเรื่องทุจริตนมโรงเรียนเกิดขึ้น แต่นายสุกิจชี้แจงเรื่องนี้ไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายการเมือง โดยหลังจากถูกโยกย้าย นายสุกิจได้ประกาศทันทีว่าเตรียมที่ยื่นจะเรื่องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ตามรอยนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกเด้งเข้ากรุก่อนหน้านี้
นอกจากนี้มีรายงานว่า นายสุกิจลงนามคำสั่งทิ้งทวนเปิดศึกกับฝ่ายการเมืองหลังโดนเด้งไม่กี่ชั่วโมง เช่น คำสั่งเรื่องยกเลิกแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีเร่งด่วน และ คำสั่ง แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาวงเงินการก่อสร้างและรูปแบบโครงการที่ อปท.ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2552 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ อสถ.คนปัจจุบันได้รับคำสั่งให้ไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย (ผต.มท.)
ในตอนท้ายคำสั่ง นายสุกิจระบุไว้ชัดเจนว่า “อนึ่ง ณ ปัจจุบันเหลือเวลาอีกเพียง 6 เดือน จะสิ้นปีงบประมาณ 2552 ฉะนั้นในห้วงเวลานี้ จนถึงวันที่ อสถ.คนปัจจุบันได้รับคำสั่งให้ไปรักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผต.มท. จึงขอให้ประธาน รองประธาน เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจฯ เร่งพิจารณาโครงการต่างๆ ที่คณะทำงานพิจารณาวงเงินก่อสร้างฯ ได้ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วประมาณ 3,000 โครงการ โดยมิต้องรอคำสั่งที่มิชอบ ของข้าราชการฝ่ายการเมืองเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา”
สำหรับคนที่มาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น คุมงบ 1.4 แสนล้านบาท แทนนายสุกิจ คือ นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ขอนแก่น ซึ่งมาจากสายตรงของนายเนวิน ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งได้รับแรงหนุนจากนายเนวิน ให้เป็นบอร์ดการประปาส่วนภูมิภาค
ส่วนรายชื่อที่น่าสนใจใน 28 ตำแหน่งหลักๆ เช่น นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ที่ถูกย้ายจากผู้ว่าฯ จ.เชียงใหม่ มาเป็น รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแม้จะดูว่าไม่ได้เป็นการลดชั้น แต่ทว่านายวิบูลย์ อายุราชการยังเหลือถึงปี 58 และนายวิบูลย์ ก็ไม่เต็มใจย้ายจากตำแหน่ง แต่พื้นที่เชียงใหม่เป็นที่ทราบกันดีเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นกองบัญชาการหลักของคนเสื้อแดงในภาคเหนือ จึงทำให้การย้ายนายวิบูลย์ ครั้งนี้ เพราะฝ่ายการเมืองติดใจนายวิบูลย์ หลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีที่นายสุเทพ เดินทางไปร่วมงานสังสรรค์ งานศิษย์เก่า ม.เชียงใหม่ แล้วถูกคนเสื้อแดงบุกเข้าไปก่อกวน และปิดล้อมสถานที่จัดงาน
ส่วนคนที่มาแทนนายวิบูลย์ คือ นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผวจ.ลำปาง ที่แนบแน่นกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลายคน โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ขณะเดียวกัน ก็ผลักดันให้นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ ผู้ว่าฯ จ.พิษณุโลก ให้มาเป็นผู้ว่าฯ จ.ลำปางแทน นอกจากนี้ยังมีอธิบดีอีกคนที่ถูกลดชั้น คือ นายชุมพร พลรักษ์ จากอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มาเป็น ผู้ว่าฯ จ.สิงห์บุรี หลังจากเข้ารับตำแหน่งได้แค่ 5 เดือน ซึ่งนายชุมพร มีความใกล้ชิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์
ทั้งนี้ เดิมมีข่าวว่า นายสุเทพพยายามผลักดันให้ นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าฯ จ.สตูล มาเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน แต่ปรากฏว่าโผไม่ลงตัว เพราะชื่อของนายไพรัตน์ สกลพันธุ์ ผวจ.นครนายก มาแรงในตอนท้าย เนื่องจากนายเนวินต้องการให้นายไพรัตน์ไปเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนแทน จนเป็นเหตุให้นายชวรัตน์ต้องเข้ามาเคลียร์ โดยขอให้นายสยุมพรไปเป็นผู้ว่าฯ จ.ระยองแทน ซึ่งนายสุเทพก็ไม่ขัดข้อง
ขณะที่ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าฯ จ.สิงห์บุรี มารับตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.ภูเก็ต เพราะได้รับแรงหนุนจากนางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เพราะเคยเป็นอดีตผู้ว่าฯ จ.พังงา มาก่อน ส่วนนายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าฯ จ.อยุธยา ถูกลดชั้นให้ไปเป็นผู้ว่าฯ จ.นครนายก เพราะฝ่ายการเมืองเห็นว่านายปรีชา ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในพื้นที่ได้ จนทำให้ จ.อยุธยาฯ เป็นพื้นที่หลักของคนเสื้อแดงในภาคกลาง
นอกจากนี้ นายปรีชามีความใกล้ชิดกับแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนายยงยุทธ ติยะไพรัช สมัยนายปรีชา เป็นผู้ว่าฯ จ.เชียงราย ส่วนคนที่มาเป็นผู้ว่าฯ จ.อยุธยา แทน คือ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าฯ จ.สกลนคร ซึ่งสนิทกับนายเนวิน และ ส.ส.ภูมิใจไทย หลายคน เช่นเดียวกับนายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผวจ.สุรินทร์ ได้ขยับมาเป็นผู้ว่าฯ จ.ขอนแก่น พื้นที่เลือกตั้งของประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รมช. คมนาคมจากพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นสายตรงนายเนวิน ทั้งที่เพิ่งไปเป็นผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ เมื่อเดือน ต.ค.51
สำหรับนายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าฯ จ.อำนาจเจริญ เลื่อนชั้นนั่งเก้าอี้เป็น ผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ สายตรงนายเนวิน โดยก่อนหน้านี้ นายเนวิน ส่งมาเป็นคณะทำงานให้กับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต รมว.มหาดไทย ที่มีนายศักดิ์สยาม เป็นหัวหน้าทีม จนได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ จ.อำนาจเจริญ เมื่อเดือน ต.ค.51 ส่วนสายตรงของนายสุเทพ อีกคนหนึ่ง คือ นายวิญญู ทองสกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จ.พัทลุง เนื่องจากเป็นคน จ.สุราษฏร์ธานีเหมือนกัน แถมยังเป็นเพื่อนร่วมสถาบันที่ ม.เชียงใหม่ ด้วย
นอกจากมีการโยกผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ออกไปเป็นผู้ว่าฯ ในอีสาน และภาคเหนือในพื้นที่สีแดงหลายคนแล้วโยกผู้ว่าฯ พื้นที่สีแดงเข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เพื่อสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน