ถึงจะต้องเสี่ยงกับบาทาผู้เฒ่า “ส้นเท้า”ของคนแก่ แต่ก็ต้องขอพูดถึง“วาระซ่อนเร้น” กับหมากเด็ดล่าสุดของ เสนาะ เทียนทอง กับการ“บอยคอต”การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เจ้าพ่อวังน้ำเย็น ที่ประกาศหัวเด็ดตีนขาด ไม่ร่วมสังฆกรรมลงชื่อในศึกซักฟอกรัฐบาล กับพรรคเพื่อไทย ที่มี แม่ทัพใหญ่ที่ชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่กำลังพองตัว หลังถูกแปะชื่อให้เป็น ว่าที่นายกรัฐมนตรี แม้แค่ฟอร์แมตพิธีการ“ขึ้นวอ”กันปลอมๆ
แม้พรรคประชาราช จะมีส.ส.แค่9เสียง เป็นพรรคต่ำสิบ แต่อย่าลืมว่าเมื่อล็อกมือแน่นกับ “กลุ่มประชา”12ส.ส. ของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ในพรรคเพื่อแผ่นดิน ทำให้เสียง“เสนาะ”ยิ่งดัง และอีกทางหนึ่งยังสะท้อนความไม่เป็นเอกภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้อย่างชัดเจน
ประชาราช-เพื่อแผ่นดินซีก ประชา ไม่ร่วมด้วย น้ำหนักพรรคเพื่อไทยก็เบาหวิวลงถนัด
ยังไม่รวมเสียงทักท้วงของบางกลุ่มในพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้รวมเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนสมัยมี “นายใหญ่”คอยบงการ คีย์แมนหัวหน้ากลุ่ม ก๊วน แก๊งในพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการเข้ามา“ชุบมือเปิบ” ของร.ต.อ.เฉลิม
แรงต้านสารวัตรบางบอนที่สำคัญ จากกลุ่มที่ทรงอิทธิพลภายในพรรค “4 พี่น้องตระกูลชินวัตร” ที่ยังไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อน้ำหน้า“เฉลิม”
แม้งานนี้ “สารวัตรเหลิม”ที่เก่งกล้าสามารถ อย่าง “เป็ด” จะแก้เกม ทำอ้างยกครัวไปทัวร์เมืองนอก แต่แท้ที่จริงแค่แอบแวะไป“ตีตั๋ว”ที่ “คลับทักษิณ” บนเกาะฮ่องกง แล้วก็ตาม
จึงไม่แปลกใจ ที่แม้ร.ต.อ.เฉลิม ย้ำว่าจะเดินหน้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามแผนเดิม แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงเล็ดลอดจากคนในพรรค ที่“เห็นต่าง”จนเกมซักฟอกชักเริ่มสะดุด
หันกลับมาดูการประกาศบอยคอต ศึกซักฟอกของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยพรรคประชาราช และ “ก๊กประชา”ในค่ายเพื่อแผ่นดิน ความจริงในใจ คงไม่ใช่แค่ตามที่ “เสนาะ”อ้างว่า ข้อมูลไม่แน่น ต้องนึกถึงประเทศชาติบ้านเมือง
ปมลึก วาระซ่อนเร้น เป้าหมายแฝง มีมากกว่านั้น
โดยเฉพาะกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ผู้เฒ่าวังน้ำเย็นมองว่า ไม่เหมาะที่จะมาเป็นผู้ถือธงนำทัพพรรคฝ่ายค้าน หรือขึ้นชั้นว่าที่ผู้นำประเทศ โดยผ่านวาทกรรม “หากจะไล่ของไม่ดี ก็ต้องเอาของที่“ดีกว่า”มาไล่”
“เสนาะ” ตั้งท่า ไม่เอา “เฉลิม” คือเรื่องสำคัญ
เพราะหากมองอย่าผิวเผิน สำหรับ “เสนาะ-เฉลิม” ก็คือคนการเมืองสายพันธุ์เดียวกัน ที่อยู่คู่การเมืองไทยมาหลายศตวรรษ แต่หากย้อนอดีตไปเมื่อ10กว่าปีก่อน ต้องไม่ลืมว่า คู่นี้มี“แผลเป็น” เรื่องเก่าที่ติดค้าง“คาใจ”กันมา
สิบปีสำหรับการรอล้างแค้นย่อมไม่สาย“เสนาะ”ยังจำได้ถึงคราว“เลือดโชก” ด้วย “คมมีด”ของน้องรักที่ชื่อ “เฉลิม” ภายหลัง “เสนาะ”ในฐานะแม่ทัพพรรคความหวังใหม่ พ่ายแพ้เกมจัดตั้งรัฐบาล ด้วยเกม “งูเห่า”ภาคแรกของแม่ทัพ ปชป. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
เจ็บจากคนนอกยังพอทน แต่ “แผล”จากคนกันเอง โดยเฉพาะในฐานะรุ่นน้องที่ไว้วางใจและสนับสนุนมา เสนาะไม่มีวันลืม
เมื่อต้องถูกเชิญขึ้นหิ้ง เพราะนำพรรคพ่ายศึก และสร้างภาพลบให้พรรค ด้วยฉายา“ไดโนเสาร์” กับท่าทีไม่รับรัฐธรรมนูญปี2540 ที่หมู่คนตั้งให้ และถูกนำมาขยายความถล่มกันภายในพรรค
ด้วยการยักคิ้วหลิ่วตาของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ อดีตนายกฯ ที่เสนาะเองก็รู้ และต้องลุกจากเก้าอี้เลขาธิการพรรค ด้วยความขมขื่น และอพยพลูกทีมย้ายบ้านไปปักหลักพรรคไทยรักไทย
และสุดท้ายแล้ว “เฉลิม”ก็ถูกไล่ชำระแค้น เมื่อความหวังใหม่ต้องยุบเข้ากับพรรคไทยรักไทย “เสนาะ”คือคนที่ยืนจังก้า ขวางทางเขา จนต้องแยกไปปักหลักที่พรรคมวลชน และหายหน้าไปพักใหญ่ เมื่อเจอมรสุมชีวิตทั้งจากวิบากกรรมของตัวเอง จากพฤติกรรมลูกชายทั้งสาม
เหตุแตกหักหนนั้น ผ่านมาหลายปี แม้ระยะหลัง ร.ต.อ.เฉลิม จะเล่นบทผู้น้อย คอยเข้าหา แต่นักเลงโตจากเมืองชายแดน จะ“ใจใหญ่”ใจนักเลงก็เฉพาะกับคนที่ “ให้ใจ” แม้จะเปิดบ้านต้อนรับขับสู้ก็แบบเสียมิได้ ปั้นหน้ามา ก็ปั้นหน้าไป ก็เท่านั้น!
การออกโรง “ขวาง”เฉลิมหนนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะตั้งแต่คราวชิงการจัดตั้งรัฐบาลครั้งล่าสุด ก็เป็นเจ้าพ่อวังน้ำเย็นที่ประกาศสนับสนุนหัวหน้าพรรค ที่ไม่ใช่จากประชาธิปัตย์ หรือเพื่อไทย เป็นนายกฯคนใหม่ ตามแนวทาง“รัฐบาลเพื่อชาติ”
ส่งเสียงเชียร์ทั้งคนจากพรรคเพื่อแผ่นดิน อย่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก –พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จากพรรคชาติไทยเดิม หรือ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร จากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
นั่นก็คือการกันท่า ไม่เอา “เฉลิม” ที่ในช่วงนั้นว่ากันว่า “นายใหญ่”จะเลือกเป็นนอมินีคนต่อไป
เช่นเดียวกัน การสกัดคู่แค้นในเกมซักฟอกรัฐบาลครั้งนี้ เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไม่ใช่แค่เอาคืนคู่แค้นต่อเดียว เพราะการกันไม่ให้อีกฝ่าย“ได้ใหญ่” นั่นหมายถึงการเพิ่มความสำคัญให้ตัวเองด้วย
เพราะหากมหาเศรษฐีพเนจรใช้บริการ ได้คุมเกมทั้งหมด
อีกทางหนึ่งก็หมายถึงการได้คุม“หัวจ่าย” ถือกุญแจไขก๊อกอัดฉีด
แม้“บ่อน้ำเลี้ยง”จะร่อยหรอ แต่ก็ยังถือว่ามีเหลือเฟือ พอให้สูบกันอีกหลายล็อต
มัวแต่สำรวจร่องรอยแห่งแค้นของเจ้าพ่อวังน้ำเย็น กับอดีต “น้องรัก”ผู้แสบสันต์ จนเกือบลืมที่จะพูดถึง “น้องรัก”รายใหม่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่กลายมาเป็นคู่หูเจ้าพ่อวังน้ำเย็น บนนกระดานชิงอำนาจ ในช่วงหลังมานี้
หากย้อนสาวถึงสายสัมพันธ์ของคนคู่นี้ ที่มาของความสนิทสนมต้องย้อนไปในสมัยรัฐบาลความหวังใหม่ ในช่วงที่พล.อ.ชวลิต นั่งเก้าอี้นายกฯ และลงนามในสั่งปลด พล.ต.อ.พจน์ บุญยะจินดา ออกจากเก้าอี้ อตร.ในขณะนั้น และตั้งพล.ต.อ.ประชา เข้ารับตำแหน่งแทน
พล.ต.อ.ประชา ที่เป็น “อธิบดีกรมตำรวจคนสุดท้าย” และ “ผบ.ตร.คนแรก” เมื่อมีการโอนกรมตำรวจ จากมหาดไทย ไปสังกัดประจำสำนักนายกฯ ขึ้นตรงต่อนายกฯ
แต่อย่าลืมว่า “บิ๊กจิ๋ว”สั่งปลดคนเก่า ขณะเดียวกันที่สั่งตั้งคนใหม่ “บิ๊กผิว”พล.ต.อ.ประชา เป็น “อตร.”ในขณะนั้น ก็คือรมว.มหาดไทย ที่ชื่อ“เสนาะ”
สัมพันธ์ของผู้เฒ่าวังน้ำเย็นและบิ๊กสีกากี ราบรื่นและชื่นมื่นต่อมาจนหมดสมัย และทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็ด้วย“ข้อต่อ”ชั้นดี พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์
พล.ต.อ.ยงยุทธ ที่สมัยนั้นนั่งเก้าอี้ผบช.สกบ. คุมภารกิจส่งกำลังบำรุงของกรมตำรวจ ยุค “อินทรีอีสาน” ผงาดฟ้า! พล.ต.อ.ยงยุทธ ที่แนบแน่นกับ “เสนาะ” ถึงขั้นที่ฝากฝังลูกชาย พ.ต.อ.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ หรือ “ผู้กำกับแรก”มาเป็นตำรวจติดตาม คอยปรนนิบัติรับใช้เจ้าพ่อวังน้ำเย็น
สนิทสนมทั้ง “เสนาะ” และ “ประชา” และดึงสองบิ๊กต่างวงการมาสนิทสนมแน่นปึ้ก
แม้ต่อมา พล.ต.อ.ประชา ตัดสินใจเข้าสู่วงการการเมือง จะเลือกไปเปิดซิงที่พรรค ชาติพัฒนาของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” แต่ก็ไม่ได้มีอะไรบาดหมางใจ และยังไปมาหาสู่กับเจ้าพ่อวังน้ำเย็นมาโดยตลอด
มากระทั่งจนถึงทุกวันนี้ “เสนาะ”และ พล.ต.อ.ประชา จับมือกันเหนียวแน่น ทำให้พรรคประชาราช9เสียง และกลุ่มการเมือง12เสียงในพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นเครือข่ายที่แม้ไม่ใหญ่ แต่ทรงพลังอยู่ในขณะนี้
กระนั้นก็ตาม ที่ต้องเสี่ยงกับ “บาทา”ของผู้เฒ่าวังน้ำเย็น หากพูดถึง “วาระแฝง” ปมซ่อนเร้น ในหมากเกม ชิ่งร่วมวงศึกซักฟอก
ประเมินจาก “กิจสังคมโมเดล” กรณีตัวอย่างจากเกมของ “สุวิทย์ คุณกิตติ” กับเสียงที่กวาดต้อนมา 5เสียง แลกได้1เก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ระดับเซียนการเมืองผู้คร่ำหวอด อยู่ในวงการมาหลายสิบปี และบิ๊กตำรวจที่เข้ามาเล่นการเมืองจนได้เรียนรู้ “คณิตศาสตร์การเมือง”
ไม่ผิด และไม่แปลกหากทั้งคู่จะคิดอ่าน แปรเปลี่ยน “ตัวเลข” เป็น “เก้าอี้”
นั่นก็ต้องรอชมกันตอนต่อๆไป เป้าหมายของผู้เฒ่าวังน้ำเย็น และอดีตนายตำรวจเจ้าของฉายาอินทรีอีสาน จะเป็นไปอย่างการประเมินอ่านใจกันหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ พี่รัก-น้องเลิฟคู่นี้ นับวันยิ่งเหนียวแน่น ดีไม่ดี ในการข้างหน้าอาจมีโอกาสเห็น “เสนาะ-ประชา”ร่วมงานกันเต็มตัวยิ่งกว่านี้
เพราะด้วยสัมพันธ์ที่แนบแน่นกันมานาน อีกทั้ง พล.ต.อ.ประชา ที่หันมาคบหา“เจ้าพ่อ” จนเข้าขาถูกใจ โดยหากพรรคเพื่อแผ่นดินมีอันเป็นไปก่อนกำหนด หรือแยกย้ายกันไปในการเลือกตั้งครั้งหน้าของแต่ละกลุ่มก๊วน ที่งานเสร็จก็วงแตก
พรรคราษฎร ที่กลุ่มวาดะห์ เครือข่ายอินทรีอีสานไปปักหลักสร้างทำไว้อยู่ ก็คือรังเก่า “เจ้าพ่อปากน้ำ” วัฒนา อัศวเกม ที่อยู่ต่างแดน แต่ยกหูพูดจาประสา“เจ้าพ่อ”กับเสนาะ ได้เสมอ
ที่สำคัญ ที่ต้องจับตากลเกม ทางเดิน และเป้าหมายของเจ้าพ่อ “เสนาะ” มีกระแสกับอีกข่าวกระซิบจาก“วงใน”จากพรรคภูมิใจไทย
ไม่แน่ชัดว่าเป็นเสียงจากสาย “สุริยะ-สมศักดิ์” หรือขั้ว“คนโตบุรีรัมย์” เนวิน ชิดชอบ
แต่ที่แน่ๆ คนพรรคภูมิใจไทย ถูกใจคนบ้านตระกูล“เทียนทอง” และลูกพรรคประชาราชของ“เสนาะ” ส่งซิกชวนเจ้าพ่อวังน้ำเย็นมาร่วมสร้างพรรคด้วยกัน