ยังไม่ทันไรเลย ก็มีข่าวว่าเสื้อแดงภาคเหนือนำโดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51ของเพชรวรรต (เจ้าเก่า) กับกลุ่มเสื้อแดงในจังหวัดใกล้เคียงเตรียมจะยกกำลังมาขับไล่ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ที่เพิ่งย้ายมาไม่ถึงเดือน
ตามข่าวเขาบอกว่าเสื้อแดงจะอาศัยจังหวะงานเวทีความจริงวันนี้ 21-22 มี.ค. ระดมคนเสื้อแดงแผลงฤทธิ์ไล่ตำรวจเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเวทีจะเปิด
เสื้อแดงเชียงใหม่นี่แปลก ๆ ทางหนึ่งก็ปากดี-ด่าตำรวจเสียเละเทะ ถึงกับขนาดเรียกชื่อผู้การเชียงใหม่แบบไม่เติม “ย.ยักษ์” ออกอากาศผ่านวิทยุของตน..เสื้อแดงเชียงใหม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตำรวจที่เพิ่งย้ายมาใหม่อย่างเปิดเผยแต่อีกทางหนึ่งก็เล่นบทโอดครวญบอกว่าถูกรังแก
เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา นายเพชรวรรต และพวกแกนนำหลักที่เหลืออยู่อาทิ นาย นริศวร ทองแย้ม, นายกฤษณะพงษ์ พรมบึงรำ, นางกัญญาภัค มณีจักร และ นายภูมิใจ ไชยยา แถลงข่าวโวยวายบอกว่าถูกตำรวจอัดรูปแจกจ่ายเหล่าแกนนำไปทั่วเกรงว่าจะถูกอุ้มฆ่าเหมือนกับทนายสมชาย นีละไพจิตร
ก็ยังดีที่สาวกทักษิณกลุ่มนี้เห็นว่าการอุ้มทนายสมชายไปฆ่าทิ้งถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ถ้าจะให้ดีกว่านั้นคนเสื้อแดงกลุ่มนี้ควรจะร่วมกันประณามรัฐบาลและคนที่อุ้มฆ่าทนายสมชายด้วยก่อนที่จะโวยวายแหกปากร้อง
ก็เลยไม่รู้ว่าคนเสื้อแดงเชียงใหม่รู้สึกยังไงกันแน่เพราะวันหนึ่งก็ออกอากาศปลุกระดมไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้นจิกหัวด่านายพลตำรวจกันสนุกปาก..วันดีคืนดีก็มาโอดครวญบอกว่าเหล่าแกนนำตกอยู่ในอันตราย
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าเมืองเชียงใหม่กำลังเปลี่ยนไป !
อย่างน้อยที่สุดกลุ่มอันธพาลเสื้อแดงที่เคยอาละวาดตามท้องถนนก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าไม่มีคนสีกากีเป็นแบ็คอัพให้เหมือนที่เคยเป็นมาโดยตลอด แบบที่ยกพวกไปฆ่าใครก็ทำได้ หรือแบบที่ สวป.สถานีตำรวจแห่งหนึ่งส่งซิกเดินนำขบวนคนเสื้อแดงให้ไปล้อมกรอบเวทีพันมิตรที่โรงยิมเนเซี่ยมก็คงทำไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
ตำรวจภาค 5 ยุคเปลี่ยนหัวไล่นับมาจาก พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ลงไปถึงผู้การฯ จังหวัดสำคัญทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แพร่ ฯลฯ ดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ อย่างน้อยมีการเร่งรัดทำงานจับกุมคดีความที่ค้างคาใหม่เก่าเป็นตำรวจที่ขยันขันแข็งผิดหูผิดตาภายในข้ามคืน
อย่างเชียงใหม่ที่เพิ่งแถลงผลงานครั้งแรกทำงานกับแบบไหนไม่รู้ จับได้ 400 กว่าคดี ทั้งยังเปิดปมใหม่กรณีรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ไม่มีเอกสาร บางคันแสดงแค่ใบอินวอยส์นำเข้าแต่ไม่มีหลักฐานเสียภาษี ไล่จับแค่สัปดาห์เดียวกว่า 100 คัน นี่ถ้าสอบดี ๆ กลายเป็นรถนำเข้าเถื่อนสักครึ่งหนึ่งจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันทีเพราะจะเกี่ยวกับคนมีสีทั้งศุลกากร ตำรวจ ขนส่ง อยู่ในขบวนการกราวรูด
นอกจากนั้นยังมีคำสั่งเด็ดขาดเรื่องสถานบริการห้ามซ้ำรอยซานติก้าผับและยังเข้มงวดเรื่องเวลาเปิดปิดซึ่งจะส่งผลต่อท่อน้ำเลี้ยงที่เคยต่อถึงบรรดาสีกากีประจำโรงพักต่าง ๆ
ยังมีคำสั่งกำชับเด็ดขาดไม่ให้ตั้งด่านรีดไถเหมือนที่เคยทำกันประจำโดยเฉพาะกับเด็กนักเรียนในช่วงเดินทางเช้า-เย็น ถ้าจะยกเว้นก็นักเรียนในเครื่องแบบที่ยังร่อนอยู่บนถนนหลังสามทุ่มนั่นแหละ
เรียกได้ว่าสะอึกกันทั้งเชียงใหม่ก็ได้ !
ตอนที่มาสองวันแรกผู้การสมหมายไปปรากฏตัวที่ประชุมประจำเดือนของหัวหน้าส่วนราชการลุกขึ้นแนะนำตัวบอกว่า “ผมมาอาจจะทำให้หลายคนหมดสนุก” สองสัปดาห์ผ่านไปดูท่าคำพูดคำนี้อาจจะเป็นจริงขึ้นมาทุกขณะเพราะมีคนหมดสนุกไปแล้วหลายคน
สื่อต่าง ๆ บอกว่าผู้การสมหมายเป็นตำรวจสีเหลืองแต่ผมเข้าใจว่าแกเป็นตำรวจของพระราชามากกว่าเพราะในห้องทำงานมีเสื้อสีเหลือง “เราจะสู้เพื่อพระเจ้าอยู่หัว” ติดไว้ด้านหน้าข้างพระบรมฉายาลักษณ์มองเห็นจากโต๊ะทำงานได้ตลอดเวลาและก็ติดสัญลักษณ์มานานกว่า 3 ปีแล้วตั้งแต่ก่อนจะได้เลื่อนตำแหน่งอยู่ที่ภาคอีสาน
มีคนแนะนำว่ามาเชียงใหม่น่าจะไปทำความรู้จักคนมีเงินและมีอำนาจบางคนที่ควรคบไว้ แต่ผู้การสมหมายปฏิเสธบอกว่าไม่เคยที่จู่ ๆ เดินเข้าไปหาคนมีตังค์ก่อน ถ้าเขาไม่เอ่ยปากเชิญทำความรู้จักมาจะไม่ไปรบกวนใครทั้งสิ้น เวลากลางคืนไม่ออกไปกินข้าวที่ไหนกลับไปเฝ้าบ้านพักเป็นส่วนใหญ่
เรื่องที่น่าสนใจที่สุดคือบรรดาคดีความต่าง ๆ ที่เคยประจานเมืองเชียงใหม่ทั้งการยกพวกไปล้อมกรอบ ทำร้ายประชาชนอีกฝ่าย คดีที่เสื้อแดงยกพวกถืออาวุธกลางวันแสก ๆ พร้อมกับตำรวจไปฆ่าคนแก่กลางเมือง หรือเรื่องที่ยกพวกไปทุบท่อน้ำ-เผากระท่อมของเครือข่ายสันติอโศกที่แม่แตง รวมถึงคดีเสื้อแดงเชียงใหม่ไล่กระทืบชาวพิษณุโลกก็เริ่มชัดเจนมาโดยลำดับ
ที่พูดนี่ไม่ใช่เพราะอยู่ฝ่ายเสื้อเหลืองหรอกนะเพราะหากเกิดคดีแบบนี้ขึ้นในประเทศแล้วตำรวจไม่ทำอะไรเลยมันก็ผิดปกติอยู่แล้ว นี่แสดงว่าตำรวจเชียงใหม่ยุคก่อนหน้าน่ะมันโคตรผิดปกติเลย
ร่วม 6-7 ปีแล้วที่ตำรวจเชียงใหม่ไม่ปกติ
จู่ ๆ ตำรวจดันมาทำงานตามปกติมันก็น่าตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย !!
พล.ต.ต.สมหมาย เติบโตมาจากอีสานไม่คุ้นกับภาคเหนือ อาจจะรู้สึกว่าเวลาสองสัปดาห์ค่อนข้างสงบเรียบร้อยตามที่คาดหวังไว้ อยากจะเร่งรัดเรื่องใดก็ได้หมดจึงอยากจะบอกผู้การเชียงใหม่ผ่านคอลัมน์ไปว่าอย่าวางใจผิวน้ำที่เรียบสงบมากนัก
ยิ่งเงียบยิ่งน่ากลัว !
ปีนี้เป็นปีแรกกระมังที่ตำรวจเชียงใหม่ไม่ได้เตะฟุตบอลกับผู้สื่อข่าวในวันนักข่าว 5 มีนาคม - - มีคำพูดติดตลกในวงเหล้าบอกว่า “ตำรวจที่รู้จักกันถูกย้ายไปเกือบหมด ส่วนที่มาใหม่ก็ไม่รู้จัก”
กระแสข่าวคนเสื้อแดงเงื้อง่ารอระดมพลไปประท้วงขับไล่ก็ยังมีน้ำหนักอยู่แถมอย่างน้อยที่สุดเจ้าแม่วังบัวบานยังคงเดินหน้าสู้ล่าสุดก็ส่งสามีอดีตนายกฯ ไปเคลื่อนไหวร่วมกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงในหลายจังหวัด
ในเมื่อเจ๊แดงยังสู้อยู่ .. ไม่ว่าอะไรก็ยังไม่น่าไว้วางใจทั้งสิ้นสำหรับเมืองที่เป็นฐานบัญชาการของตระกูลชินวัตร ซ้ำนี่เพิ่งเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ตำรวจเพิ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงเท่านั้น !
อ่านข่าว
ผู้การเชียงใหม่เข้มอาชญากรรม ตัดท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มผลประโยชน์
ตามข่าวเขาบอกว่าเสื้อแดงจะอาศัยจังหวะงานเวทีความจริงวันนี้ 21-22 มี.ค. ระดมคนเสื้อแดงแผลงฤทธิ์ไล่ตำรวจเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเวทีจะเปิด
เสื้อแดงเชียงใหม่นี่แปลก ๆ ทางหนึ่งก็ปากดี-ด่าตำรวจเสียเละเทะ ถึงกับขนาดเรียกชื่อผู้การเชียงใหม่แบบไม่เติม “ย.ยักษ์” ออกอากาศผ่านวิทยุของตน..เสื้อแดงเชียงใหม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตำรวจที่เพิ่งย้ายมาใหม่อย่างเปิดเผยแต่อีกทางหนึ่งก็เล่นบทโอดครวญบอกว่าถูกรังแก
เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา นายเพชรวรรต และพวกแกนนำหลักที่เหลืออยู่อาทิ นาย นริศวร ทองแย้ม, นายกฤษณะพงษ์ พรมบึงรำ, นางกัญญาภัค มณีจักร และ นายภูมิใจ ไชยยา แถลงข่าวโวยวายบอกว่าถูกตำรวจอัดรูปแจกจ่ายเหล่าแกนนำไปทั่วเกรงว่าจะถูกอุ้มฆ่าเหมือนกับทนายสมชาย นีละไพจิตร
ก็ยังดีที่สาวกทักษิณกลุ่มนี้เห็นว่าการอุ้มทนายสมชายไปฆ่าทิ้งถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ถ้าจะให้ดีกว่านั้นคนเสื้อแดงกลุ่มนี้ควรจะร่วมกันประณามรัฐบาลและคนที่อุ้มฆ่าทนายสมชายด้วยก่อนที่จะโวยวายแหกปากร้อง
ก็เลยไม่รู้ว่าคนเสื้อแดงเชียงใหม่รู้สึกยังไงกันแน่เพราะวันหนึ่งก็ออกอากาศปลุกระดมไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้นจิกหัวด่านายพลตำรวจกันสนุกปาก..วันดีคืนดีก็มาโอดครวญบอกว่าเหล่าแกนนำตกอยู่ในอันตราย
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าเมืองเชียงใหม่กำลังเปลี่ยนไป !
อย่างน้อยที่สุดกลุ่มอันธพาลเสื้อแดงที่เคยอาละวาดตามท้องถนนก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าไม่มีคนสีกากีเป็นแบ็คอัพให้เหมือนที่เคยเป็นมาโดยตลอด แบบที่ยกพวกไปฆ่าใครก็ทำได้ หรือแบบที่ สวป.สถานีตำรวจแห่งหนึ่งส่งซิกเดินนำขบวนคนเสื้อแดงให้ไปล้อมกรอบเวทีพันมิตรที่โรงยิมเนเซี่ยมก็คงทำไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
ตำรวจภาค 5 ยุคเปลี่ยนหัวไล่นับมาจาก พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ลงไปถึงผู้การฯ จังหวัดสำคัญทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แพร่ ฯลฯ ดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ อย่างน้อยมีการเร่งรัดทำงานจับกุมคดีความที่ค้างคาใหม่เก่าเป็นตำรวจที่ขยันขันแข็งผิดหูผิดตาภายในข้ามคืน
อย่างเชียงใหม่ที่เพิ่งแถลงผลงานครั้งแรกทำงานกับแบบไหนไม่รู้ จับได้ 400 กว่าคดี ทั้งยังเปิดปมใหม่กรณีรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ไม่มีเอกสาร บางคันแสดงแค่ใบอินวอยส์นำเข้าแต่ไม่มีหลักฐานเสียภาษี ไล่จับแค่สัปดาห์เดียวกว่า 100 คัน นี่ถ้าสอบดี ๆ กลายเป็นรถนำเข้าเถื่อนสักครึ่งหนึ่งจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันทีเพราะจะเกี่ยวกับคนมีสีทั้งศุลกากร ตำรวจ ขนส่ง อยู่ในขบวนการกราวรูด
นอกจากนั้นยังมีคำสั่งเด็ดขาดเรื่องสถานบริการห้ามซ้ำรอยซานติก้าผับและยังเข้มงวดเรื่องเวลาเปิดปิดซึ่งจะส่งผลต่อท่อน้ำเลี้ยงที่เคยต่อถึงบรรดาสีกากีประจำโรงพักต่าง ๆ
ยังมีคำสั่งกำชับเด็ดขาดไม่ให้ตั้งด่านรีดไถเหมือนที่เคยทำกันประจำโดยเฉพาะกับเด็กนักเรียนในช่วงเดินทางเช้า-เย็น ถ้าจะยกเว้นก็นักเรียนในเครื่องแบบที่ยังร่อนอยู่บนถนนหลังสามทุ่มนั่นแหละ
เรียกได้ว่าสะอึกกันทั้งเชียงใหม่ก็ได้ !
ตอนที่มาสองวันแรกผู้การสมหมายไปปรากฏตัวที่ประชุมประจำเดือนของหัวหน้าส่วนราชการลุกขึ้นแนะนำตัวบอกว่า “ผมมาอาจจะทำให้หลายคนหมดสนุก” สองสัปดาห์ผ่านไปดูท่าคำพูดคำนี้อาจจะเป็นจริงขึ้นมาทุกขณะเพราะมีคนหมดสนุกไปแล้วหลายคน
สื่อต่าง ๆ บอกว่าผู้การสมหมายเป็นตำรวจสีเหลืองแต่ผมเข้าใจว่าแกเป็นตำรวจของพระราชามากกว่าเพราะในห้องทำงานมีเสื้อสีเหลือง “เราจะสู้เพื่อพระเจ้าอยู่หัว” ติดไว้ด้านหน้าข้างพระบรมฉายาลักษณ์มองเห็นจากโต๊ะทำงานได้ตลอดเวลาและก็ติดสัญลักษณ์มานานกว่า 3 ปีแล้วตั้งแต่ก่อนจะได้เลื่อนตำแหน่งอยู่ที่ภาคอีสาน
มีคนแนะนำว่ามาเชียงใหม่น่าจะไปทำความรู้จักคนมีเงินและมีอำนาจบางคนที่ควรคบไว้ แต่ผู้การสมหมายปฏิเสธบอกว่าไม่เคยที่จู่ ๆ เดินเข้าไปหาคนมีตังค์ก่อน ถ้าเขาไม่เอ่ยปากเชิญทำความรู้จักมาจะไม่ไปรบกวนใครทั้งสิ้น เวลากลางคืนไม่ออกไปกินข้าวที่ไหนกลับไปเฝ้าบ้านพักเป็นส่วนใหญ่
เรื่องที่น่าสนใจที่สุดคือบรรดาคดีความต่าง ๆ ที่เคยประจานเมืองเชียงใหม่ทั้งการยกพวกไปล้อมกรอบ ทำร้ายประชาชนอีกฝ่าย คดีที่เสื้อแดงยกพวกถืออาวุธกลางวันแสก ๆ พร้อมกับตำรวจไปฆ่าคนแก่กลางเมือง หรือเรื่องที่ยกพวกไปทุบท่อน้ำ-เผากระท่อมของเครือข่ายสันติอโศกที่แม่แตง รวมถึงคดีเสื้อแดงเชียงใหม่ไล่กระทืบชาวพิษณุโลกก็เริ่มชัดเจนมาโดยลำดับ
ที่พูดนี่ไม่ใช่เพราะอยู่ฝ่ายเสื้อเหลืองหรอกนะเพราะหากเกิดคดีแบบนี้ขึ้นในประเทศแล้วตำรวจไม่ทำอะไรเลยมันก็ผิดปกติอยู่แล้ว นี่แสดงว่าตำรวจเชียงใหม่ยุคก่อนหน้าน่ะมันโคตรผิดปกติเลย
ร่วม 6-7 ปีแล้วที่ตำรวจเชียงใหม่ไม่ปกติ
จู่ ๆ ตำรวจดันมาทำงานตามปกติมันก็น่าตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย !!
พล.ต.ต.สมหมาย เติบโตมาจากอีสานไม่คุ้นกับภาคเหนือ อาจจะรู้สึกว่าเวลาสองสัปดาห์ค่อนข้างสงบเรียบร้อยตามที่คาดหวังไว้ อยากจะเร่งรัดเรื่องใดก็ได้หมดจึงอยากจะบอกผู้การเชียงใหม่ผ่านคอลัมน์ไปว่าอย่าวางใจผิวน้ำที่เรียบสงบมากนัก
ยิ่งเงียบยิ่งน่ากลัว !
ปีนี้เป็นปีแรกกระมังที่ตำรวจเชียงใหม่ไม่ได้เตะฟุตบอลกับผู้สื่อข่าวในวันนักข่าว 5 มีนาคม - - มีคำพูดติดตลกในวงเหล้าบอกว่า “ตำรวจที่รู้จักกันถูกย้ายไปเกือบหมด ส่วนที่มาใหม่ก็ไม่รู้จัก”
กระแสข่าวคนเสื้อแดงเงื้อง่ารอระดมพลไปประท้วงขับไล่ก็ยังมีน้ำหนักอยู่แถมอย่างน้อยที่สุดเจ้าแม่วังบัวบานยังคงเดินหน้าสู้ล่าสุดก็ส่งสามีอดีตนายกฯ ไปเคลื่อนไหวร่วมกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงในหลายจังหวัด
ในเมื่อเจ๊แดงยังสู้อยู่ .. ไม่ว่าอะไรก็ยังไม่น่าไว้วางใจทั้งสิ้นสำหรับเมืองที่เป็นฐานบัญชาการของตระกูลชินวัตร ซ้ำนี่เพิ่งเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ตำรวจเพิ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงเท่านั้น !
อ่านข่าว
ผู้การเชียงใหม่เข้มอาชญากรรม ตัดท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มผลประโยชน์