xs
xsm
sm
md
lg

“นายกฯ” ฮึกเหิม ลั่นสร้างตำนาน จ้องออก กม.คุ้มครองสื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“อภิสิทธิ์” เลิกให้ความสำคัญท่าที “แม้ว” ตั้งเป้าสร้างผลงานให้เป็นตำนาน ให้คำมั่นจะออกกฏหมายคุ้มครองสื่อที่มีจริยธรรมหลังถูกยุค “แม้ว” คุกคามอย่างหนัก ไม่หวั่นเสื้อแดงป่วนเยือนถิ่นลพบุรี เห็นด้วยโยกย้ายผู้ว่าฯ หากไม่สนองนโยบาย ลั่นไม่เกี่ยวล้างขั้วอำนาจเก่า

วันนี้(6 มี.ค.) ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเพนนิซูล่า เมื่อเวลา 08.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อ “Asia Media : What’s Next” ในโอกาสที่เครือข่ายข่าว ASIA NEWS NETWORK ได้ดำเนินการครบรอบ 10 ปี

นายอภิสิทธิ์ กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มากล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพของวงการสื่อสารมวลชนชั้นนำในเอเชีย ซึ่งการรับรู้และมุมมองของทุกท่านนั้น ได้ส่งผลต่อมุมมองของภูมิภาคนี้และโลกนี้ ไม่จำกัดเพียงแค่ผู้อ่านที่ติดตามของผลงานของท่านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐบาลทุกประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย และเมื่อท่านเขียนบทบรรณาธิการและบทความภายใต้ความสมดุลด้วยความถูกต้องแม่นยำแล้วนั้น ผู้อ่านและผู้บริโภคข่าวย่อมจะมีความเข้าใจต่อสิ่งที่กระทบในชีวิตของพวกเขาได้ดีมากขึ้น

แนะสื่อแม่นยำ-สมดุล ก้าวทันเทคโนโลยี

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในขณะที่พวกท่านกำลังทำให้โลกได้รับรู้ข่าวที่ทันต่อเหตุการณ์อยู่นั้น พวกท่านมีส่วนในการปลุกปั้นแนวความนึกคิด ปลูกผังค่านิยมและให้ความหวังเกี่ยวกับอนาคตที่ดีขึ้นแก่ผู้อ่านอีกด้วย และในฐานะที่ทุกท่านเป็นบรรณาธิการข่าวและนักหนังสือพิมพ์ พวกท่านจึงจำเป็นต้องเร่งให้ทันกับความจริงที่ท้าทายว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคข่าวได้เปลี่ยนไป มีการเรียกร้องต่อข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำและมีความสมดุลในการรายงานข่าว ประกอบกับเทคโนโลยีใช้ก็มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นักข่าวผู้มีความเป็นมืออาชีพมีภารกิจหนักที่จะต้องให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคข่าว พร้อมกับรักษามาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า พวกท่านในที่นี้ ในฐานะนักวิชาชีพสื่อสารมวลชน คงมีความสุขที่ได้เดินทางมาทำงานในประเทศไทย รวมถึงการได้มาจัดทำรายงานข่าวของตนในวันนี้ด้วย ซึ่งหากเป็นในปีที่แล้วนั้นตนมั่นใจว่าทุกท่านคงมีเรื่องราวเป็นจำนวนมากให้รายงานข่าว อาทิ การปฏิรูปการเมือง การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สถานการณ์ในภาคใต้ รวมทั้ง ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นจำนวนมาก

ชี้บางสื่อถูกนักการเมืองบิดเบือน-แทรกแซง

“ผมมีความตระหนักดีว่าวงการสื่อสารมวลชนมีภาระหน้าที่อันสำคัญในการรายงานข้อมูลที่เป็นจริงให้แก่ผู้บริโภค แต่หากเราได้พิจารณาประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย จะพบว่ามีหลายกรณีที่สื่อมวลชนไทยได้ละเลยการใช้สิทธิในการรายงานข่าว อิสระเสรีของสื่อมวลชนได้ถูกบิดเบือนไป ในขณะที่ในรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติถึงเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งมีความสมดุลกับการใช้กฏหมายของรัฐบาลในบังคับใช้เพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของชาติ อย่างไรก็ดีในส่วนนี้กลับทำให้รัฐบาลที่ผ่านมา เข้ามาแทรกแซงสื่อ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์บางฉบับ ในขณะที่บางฉบับกลับได้รับการสนันสนุน นอกจากนี้ ข้อหาหมิ่นประมาทได้ถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองโดยนักการเมือง มีสมาชิกสื่อมวลชนที่ถูกดำเนินคดีเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ย้ำนโยบายรัฐปฏิรูปสื่อ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของตนเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมานั้น ตนได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้จะออกกฏหมายเพื่อคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพสื่อเพื่อให้แน่ใจได้ว่าการทำงานของสื่อมีอิสระ ปราศจากการแทรกแซงและเกิดความรับผิดชอบต่อสังคม และมีการผ่านพระราชบัญญัติสื่อสิ่งพิมพ์ พ.ศ. 2550 ที่ได้กำหนดบทบัญญัติเพื่อลดการสิ่งที่ขัดขวางการนำเสนอข่าวสารของสื่อสารมวลชน จากที่เคยระบุไว้ในพระราชบัญญัติสื่อสิ่งพิมพ์ พ.ศ. 2484 ทั้งนี้ รัฐบาลชุดนี้พร้อมที่จะแก้ไขกฏหมายใดๆก็ตาม ที่ก่อให้เกิดการแทรกแซงสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชนและประชาชน โดยรัฐบาลมุ่งที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเป็นอย่างแรกในกระบวนการปฏิรูปสื่อไทย รวมถึง การใช้กฏหมายหมิ่นประมาทโดยผิดหลักการแห่งกฏหมาย ซึ่งควรจะต้องเพิ่มภาระการพิสูจน์ เพื่อให้การดำเนินคดีที่ไม่มีสาระแห่งคดีจะมิได้มีการกระทำอย่างแพร่หลายต่อไป อย่างไรก็ดี นอกเหนือจาการแก้ไขกฏหมายแล้ว ตนเชื่อว่าประเด็นปัญหาในเชิงโครงสร้างและเชิงระบบ รวมทั้งบทบาทของรัฐและสื่อในเชิงธุรกิจมีความจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่ ซึ่งตนจะให้การดูแลเป็นพิเศษ โดยในขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อยุติการแทรกแซงสื่อไปด้วยนั้น ในระยะยาว รัฐบาลก็จะมุ่งปฏิรูปสื่อทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง เท่าเทียมและโปร่งใส และมุ่งดำเนินการปรับปรุงบทบาทหน่วยงานของสื่อภาครัฐให้สามารถสนองต่อสาธารณประโยชน์ได้อย่างดีขึ้น

ย้ำกำลังสร้างความสมานฉันท์ ทำชาติให้ปกติ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกเหนือไปจากนี้สิ่งที่ทุกท่านจะต้องติดตามต่อไป ก็คือ การดำเนินการและมาตรการต่างๆของรัฐบาลเพื่อรองรับต่อความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจ นี่ยังไม่นับความท้าทายจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดีรัฐบาลชุดนี้กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจได้ว่าประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีความสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพและยังคงเป็นประเทศที่น่าอยู่น่าอาศัย ด้วยการลงทุน ธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามาเป็นปกติเหมือนเดิม

“ทุกวันนี้ รัฐบาลสร้างเสริมความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ และความสมัครสมานสามัคคีในสังคม เห็นได้จากการที่ภายในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ได้ทำให้ประเทศไทยกลับมาสู่ภาวะปกติ และรัฐบาลยังคงเดินหน้าผลักดันให้ประเทศไทยไปสู่แนวหน้า โดยบริหารประเทศภายใต้หลักการธรรมาภิบาล ความโปร่งใส สิทธิพลเมือง หลักนิติธรรม ด้วยหลักคิดที่มองไปข้างหน้า ทั้งในทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ชี้ ส.พระปกเกล้าทำงานหนักเรื่องปฏิรูปการเมือง

ส่วนเรื่องการปฏิรูปการเมือง นายกฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้มีความมุ่งมั่นต่อการปฏิรูปทางการเมือง ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาที่ประเทศเรากำลังต้องการ และเพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิรูปทางการเมืองที่ชาญฉลาดและสามารถเป็นจริงได้ รัฐบาลได้มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำที่เป็นอิสระทางวิชาการซึ่งมุ่งเน้นการทำวิจัยและฝึกอบรมการพัฒนการทางประชาธิปไตย การเมืองและธรรมาภิบาล เป็นผู้ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิรูปทางการเมือง ซึ่งในขณะที่ตนกำลังพูดกันอยู่นี้ พวกเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาแนวทางปฏิรูปทางการเมือง

“ปัจจัยที่เราควรจะต้องให้น้ำหนัก คือ การหันหน้าเข้าหากันของคนในชาติ โดยใช้หลักนิติธรรม ความยุติธรรม กระบวนการประชาธิปไตย และด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมและศีลธรรมที่สูงขึ้น โดยเฉพาบทบาทของนักการเมือง โดยให้มีการส่วนร่วมของภาคประชาสังคม เพื่อจัดตั้งระบบการบริหารประเทศที่มีเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ภายหลัง บรรยายพิเศษ นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงพื้นที่พบปะประชาชนในวันเสาร์ที่ 7 มี.ค.นี้ ว่า ไม่มีความกังวลอะไร ไปทำหน้าที่ของตน ทำงานตามปกติใครจะไปทำกิจกรรมเคลื่อนไหวอะไรก็ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดูเอิกเกริกหรือไม่ที่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหารถึง 1,500 นาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจริงๆแล้วจะเป็นอย่างไร ทราบเพียงจะมีกิจกรรมของกลุ่มที่คัดค้านการทำงานของรัฐบาลอยู่ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงคงดูแลไม่ให้เกิดปัญหาการปะทะกันเท่านั้นเอง ส่วนจำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ถึง 1,500นายหรือไม่นั้น ต้องให้ผู้ปฏิบัติเป็นผู้ดำเนินการว่าอะไรคือความเหมาะสมขอให้งานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ พบปะประชาชนตามปกติไม่ให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย

เมื่อถามว่า ทางผู้ว่าจ.ลพบุรีได้ตั้งจุดสกัดเพื่อไม่ให้คนนอกพื้นที่เข้ามาสมทบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ดูแลคงไม่ปฏิบัติให้เกิดความเรียบร้อย ไม่ให้มีการกระทบกระทั่งเท่านั้นเอง ส่วนที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและกระทรวงมหาดไทยได้กำชับผู้ปฏิบัติหากเกิดเหตุต้องรับผิดชอบคงเป็นเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน เมื่อถามอีกว่า ด้านนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ได้ออกมาระบุว่า หากทำงานไม่ดีต้องย้ายออกเพื่อเอาคนที่ทำงานดีเข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดางานของหน่วยงานไหนองค์กรไหนก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพ อย่าเพิ่งไปสรุปว่าเป็นคำขู่ โดยหลักแล้วการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ในองค์กรไหนก็ตาม รวมถึงรัฐบาลก็ต้องดูผลงานให้การบริหารจัดการเป็นไปตามวัตถุประสงค์

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าการเดินทางลงพื้นที่จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มั่นใจ ส่วนที่ถูกมองว่า การลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อปูพรมหาข้าราชการคนไหนเข้าข้างกลุ่มอำนาจเก่านั้น คงไม่ เพราะแนวทางของรัฐบาล ทั้งตนและรัฐมนตรีอีก 35 คน จะต้องไปให้ครบทุกจังหวัด เพราะฉะนั้นทั่วถึงอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยโจมตีรัฐบาลว่าเป็นการหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นการทำงานเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ต้องยอมรับว่า 2 เดือนรัฐบาลมีมาตรการและนโยบายใหม่ๆมาก ฟังเสียงมาจากส.ส. และประชาชนยังมีความสับสนและความไม่เข้าใจ บางครั้งนโยบายที่รับฟังผ่านโทรทัศน์อย่างหนึ่ง เมื่อพบเจ้าหน้าที่ราชการก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้นรัฐบาลต้องการเข้าไปสัมผัสข้อเท็จจริง และเสียงสะท้อน และแก้ไขปรับปรุง

เมื่อถามว่า กรณีเงิน2,000บาททางธนาคารยังไม่มีความชัดเจน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวเช็คต้องออกไปตามกรอบเวลาเป้าหมาย ปลายเดือน มี.ค.-8 เม.ย. นี้ ทางกระทรวงแรงงานยืนยันว่าไม่มีปัญหาในส่วนนี้ ส่วนใครจะทำอะไรอย่างไรทางหน่วยงานจะต้องเร่งบริหารจัดการให้เรียบร้อย ยืนยันว่าไปถึงมือประชาชนตามกรอบเวลาที่กำหนด ค่าใช้จ่ายตามกรอบวงเงินที่รัฐบาลอนุมัติ
กำลังโหลดความคิดเห็น