แฉ “ม็อบเสื้อแดง” ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ท้องสนามหลวงสุดโหรงเหรง แค่ “หลักพัน” ต้องถ่วงเวลารอคนมาร่วมสมทบ ก่อน “แกนนำ” ใช้รถติดเครื่องขยายเสียงเคลื่อนขบวนเข้าปิดล้อมทำเนียบฯ เพื่อข้อเรียกร้อง 4 ข้อ ล่าสุดผู้ชุมนุมได้เคลื่อนพลปิดล้อมทำเนียบฯ แล้ว โดย ตร.ไม่ได้ตั้งจุดสกัด เบื่้องต้นมีมติปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ1 คืน ก่อนจะประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ว่าจะชุมนุมต่อไปหรือไม่
จากกรณีที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงประกาศใช้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้าปิดล้อมทำเนียบฯ รัฐบาล เพื่อทวงข้อเรียกร้องที่เคยยื่นให้รัฐบาลปฏิบัติตาม 4 ข้อ คือ 1.ให้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ภายใน 15 วัน 2.ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งภายใน 15 วัน 3.กลับมาใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้แทนปี 2550 และ 4.ให้ยุบสภาฯ หลังใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ทันที ไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด วันนี้ (24 ก.พ.) รายงานข่าวจากท้องสนามหลวงแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากลุ่มเสื้อแดงกว่า 1,000 คน ซึ่งรวมตัวกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้รวมตัวกับประชาชนจากจังหวัดทางภาคอีสาน ซึ่งทยอยเดินเข้าร่วมชุมนุมตามเวลานัดหมาย คือ 09.00 น. จากนั้นในเวลา 10.00 น.แกนนำกลุ่มเสื้อแดงจะใช้รถติดเครื่องขยายเสียงควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปปิดล้อมทำเนียบฯ เพื่อทวงสัญญาดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนรักอุดร นำกลุ่มผู้ชุมนุมราว 300 คน เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา และได้พาประชาชนที่ร่วมเดินทางไปสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 จากนั้นจะเดินทางไปสังเกตการณ์ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อนจะไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาจากท้องสนามหลวงที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นายขวัญชัยยืนยันว่ากลุ่มของตนเองนั้นไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองใด หรือ ส.ส.คนไหน และหลังจากเสร็จสิ้นการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลแล้วจะเดินทางกลับไปที่ท้องสนามหลวงก่อนที่จะกลับ จ.อุดรธานี ในช่วงเย็นวันนี้เลย
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ประกาศบนเวทีปราศรัยว่าการเคลื่อนขบวนของกลุ่มเสื้อแดงต้องจะไม่ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากถูกขัดขวางจะย้ายไปชุมนุมที่ จ.เพชรบุรี แทน
นอกจากนี้ นายจตุพรยืนยันว่าจะปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลทั้ง 4 ด้าน แต่จะไม่มีการบุกเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาลอย่างแน่นอน
ส่วนบรรยากาศบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงจะเคลื่อนพลจากท้องสนามหลวงมาปิดล้อม เพื่อทวงถามข้อเรียกร้อง เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กมาปิดกั้นโดยรอบ และทุกประตูเข้า-ออก รวมถึงได้มีการนำรถดับเพลิง รถบดถนน รถขยะ และรถไฟส่องสว่างมาขวางทุกทางเข้า-ออก เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล
นอกจากนี้ มีการตรึงกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวนรวมทั้งสิ้น 23 กองร้อย ประจำการจุดสำคัญของทำเนียบรัฐบาล
ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาลเดินทางมาเซ็นชื่อและเดินทางกลับ เพื่อหลีกเลี่ยงหากเกิดอันตรายขึ้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้เคลื่อนขบวนจากสนามหลวง มายังทำเนียบรัฐบาลแล้วเมื่อเวลา 10.40 น.โดยมีผู้ร่วมชุมนุม ประมาณ 6 พันคน จากที่แกนนำเสื้อแดงเคยบอกว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมประมาณ 3 หมื่นคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงขณะนี้หัวขบวนอยู่ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทำเนียบรัฐบาล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำอยู่บนรถปราศรัยปลุกระดมผู้ชุมนุมให้เดินขบวนแบบสันติวิธีและใช้ความสงบให้มากที่สุด ไม่ให้ปะทะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ว่าจะบริเวณใดก็ตาม ขณะเดียวกันแกนนำยังชูป้ายมีข้อความว่า “เรารักใจ” ด้วย นอกจากนี้ยังมีความทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่าการเดินขบวนในครั้งนี้เพื่อต้องการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่แกนนำพยายามจะย้ำกับผู้ชุมนุม คือ ไม่ให้มีการบุกรุกหรือทำลายข้าวของเป็นอันขาด
ด้านการจราจรบนถนนราชดำเนิน ทั้งราชดำเนินใน และราชดำเนินนอก ติดขัด รวมทั้งเส้นทางจากฝั่งธนบุรีลงสะพานปิ่นเกล้า ยังคงมีการปิดการจราจร ทำให้การจราจรติดขัดหนัก
ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางไม่มีการสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเพียงการดูแลการจราจรให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ที่เป็นสี่แยก และสามแยกต่างๆ แต่ไม่มีการตั้งแถวเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนขบวนของกลุ่มคนเสื้อแดงแต่อย่างใด ทำให้การเคลื่อนขบวนใช้เวลาค่อนข้างเร็ว ออกจากท้องสนามหลวงมาถึงทำเนียบรัฐบาลโดยง่าย
ขณะเดียวกัน การปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ มีการยืนยันว่าจะเป็นการปิดล้อมทั้ง 4 ด้านของทำเนียบรัฐบาล แต่ข้าราชการสามารถเข้า-ออกได้ตามปกติ
เป็นที่น่าสังเกตว่า การชุมนุมครั้งนี้ กลุ่มของนายขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งเคยมีปัญหากับกลุ่มคนเสื้อแดง หรือกลุ่มความจริงวันนี้เดินทางมาสมทบด้วย
ส่วนการเรียนการสอนของโรงเรียนในบริเวณใกล้ที่ชุมนุมยังไม่ชัดเจนว่ามีการปิดการเรียนการสอนหรือไม่ ซึ่งการเคลื่อนขบวนในครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนมากนัก
ล่าสุด กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้เดินทางปิดล้อมพื้นที่ 4 ด้าน ของทำเนียบรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ชุมนุมยึดพื้นที่ตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ บริเวณถนนพิษณุโลก ที่อยู่ด้านหน้าสำนักงาน ก.พ. และ ป.ป.ช.ตลอดทั้งสาย
จากนั้น เมื่อเวลา 12.05 น. แกนนำคนเสื้อแดง นำโดยนายจตุพร นพ.เหวง นายการุณ โหสกุล ปีนข้ามรั้วทำเนียบเข้ามาเจรจากับพล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบ.ช.น. และพล.ต.ต.วิชัย สังฆ์ประไพ ผบ.กน.1 ภายในรั้วทำเนียบ โดยแกนนำขอเข้ามาตั้งเวทีด้านหน้ารั้วทำเนียบ แต่ทางตำรวจไม่ยอมและให้ชุมนุมด้านนอกเท่านั้น ปรากฏว่าใช้เวลาในการเจรจา15นาที แต่ไม่สามารถตกลงกันได้จึงทำให้แกนนำทั้งหมดต้องปีนกลับออกไปชุมนุมด้านนอกต่อไป
เวลา 12.10 น. หลังจากคนเสื้อแดงพากันหยุดนิ่งอยู่ทางเข้าทำเนียบบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ นายณัฐวุฒิ ก็ได้ปราศรัยรัฐบาล และสั่งให้ผู้ชุมนุมนำคีมมาตัดเหล็กมาตัดรั้วลวดหนามออก และให้ฝ่าเข้าในทำเนียบ โดยยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะเข้าในถึงหน้าทำเนียบฯ แต่ทว่าจากนั้นตำรวจได้ประกาศผ่านลำโพงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของตึกสันติไมตรีจนเสียงกลบเสียงของแกนนำ ว่าขอให้แกนนำควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบ ห้ามพกพาอาวุธ และการบุกรุกสถานที่เป็นการทำผิดกฎหมาย ซึ่งนายณัฐวุฒิได้ถามว่าใครเป็นคนพูด และจากนั้นก็มีการโต้เถียงกันโดยนายณัฐวุฒิกล่าวผ่านเครื่องเสียงที่เสียงดังน้อยกว่าว่า ขอให้ตำรวจที่พูดอยู่ฟังตนก่อน พวกเราไม่ได้มีอาวุธใดใดทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามทำไมพันธมิตรที่มีทั้งอาวุธและถ่มน้ำลายรดหัวตำรวจก็ยังบุกเข้าไปได้เหมือนเป็นสวนสนุก ทำไมตำรวจยังจับไม่ได้ จากนั้นสงครามเสียงก็เงียบไป
กระทั่งเวลา 12.23 น. ตำรวจได้ประกาศผ่านลำโพงขนาดยักษ์อีกว่า ขอให้แกนนำฯควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบ และขอให้เกียรติเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะตำรวจก็คือลูกหลานของท่าน จากนั้นตำรวจได้เปิดเพลงรูปที่อยู่กันทุกบ้านที่ร้องโดยเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตยกลบเสียงของแกนนำ ต่อด้วยเพลงรักกันไว้เถิด ที่มีเนื้อแพลงว่า “รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย จะเกิดชาติไหน ไหน ก็ไทยด้วยกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุด เมื่อเวลา 12.40 น. กลุ่มผุ้ชุมนุมเสื้อแดง ได้ฝ่าด่านตำรวจ ที่มีรถผู้ต้องขังกั้นไว้ และรั้ว เข้ามาบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าได้แล้ว แต่ยังไม่ได้เข้ามาภายในทำเนียบฯ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่วางใจกลุ่มผู้ชุมนุม ที่แม้จะระบุว่าจะไม่ปีนรั้วหรือบุกเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ยังคงเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ภายในตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล อย่างใกล้ชิด พร้อมกับได้เสริมกำลังเจ้าหน้าที่ที่บริเวณริมรั้ว
ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ขณะนี้พอใจสถานการณ์การชุมนุมที่ไม่มีเหตุรุนแรง ซึ่งยังคงอยู่ในขั้นตอนที่สามารถเจรจากันได้ โดยยังไม่มีการเตรียมการสลายการชุมนุม ส่วนที่มีการเตรียมรถดับเพลิง และแก๊สน้ำตาไว้นั้น เป็นการเตรียมการเพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม หากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นตามหลักสากล
ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่บุกเข้าภายในทำเนียบรัฐบาล แต่หากมีการบุกรุกเข้ามา จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการสั่งการใดๆ จากรัฐบาล และยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะสามารถเข้ามาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีมาตรการรองรับความปลอดภัย
ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมจะสลายการชุมนุมเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกลุ่มผู้ชุมนุมเอง อย่างไรก็ตามภายในทำเนียบรัฐบาล ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวภายหลังผู้ชุมนุมสามารถบุกยึดพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล ว่า แกนนำได้มีมติจะชุมนุมในเบื้องต้น 1 คืน และจะประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน ว่าจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อต่อไปหรือไม่ พร้อมสู้ทุกรูปแบบ ระหว่างการชุมนุมจะมีการส่งตัวแทนไปเคลื่อนไหวตามจุดต่างๆ โดยวันพรุ่งนี้จะไปที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นแห่งแรก โดยจะไปเรียกร้องให้ปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่จะไม่ไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียน เนื่องจากไม่ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งการต่อสู้ในครั้งนี้จะไม่จบแบบในคราวเดียว
สำหรับการเข้าทำงานของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ปิดกั้น และพร้อมอำนวยความสะดวกในเรื่องการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งจะไม่ปิดถนน เนื่องจากไม่ต้องการให้สถานที่ราชการ และโรงเรียนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายจตุพร ทราบข่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศจะเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้นั้น นายจตุพร กลับลำว่า ทางแกนนำจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งจะทราบว่าจะยินยอมให้นายกรัฐมนตรีได้เข้าทำงานหรือไม่
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงได้มีการกระจายพักผ่อนตามต้นไม้ และเต็นท์ที่อยู่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลเพื่อหลบลมร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่กระทรวงการต่างประเทศ มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร กองพลทหารที่ 2 รักษาพระองค์ เข้ารักษาความปลอดภัย โดยกระจายกำลังเต็มพื้นที่กระทรวงการต่างประเทศ ประมาณ 600 นาย หลังกลุ่ม นปช. ประกาศ อาจเคลื่อนการชุมนุมบางส่วนมาปิดล้อม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังอยู่ในความสงบ ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาแต่อย่างใด
ตั้งเวทีถาวรกลางสะพานชมัยฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังคนเสื้อแดงได้ปิดล้อมบริเวณรอบรั้วด้านหน้าทำเนียบสำเร็จแล้ว ก็ได้พากันนั่งพักผ่อนตามต้นไม้และริมกำแพง แต่ไม่มีใครเข้ามาภายในทำเนียบ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยจับตาอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นได้มีการสร้างเวทีถาวรขวางถนนบนสะพานชมัยมรุเชฐ โดยหันหลังให้แยกพาณิชยการและหันหน้าเวทีมาทางตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งลักษณะคล้ายกับช่วงที่พันธมิตรฯ ชุมนุมและตั้งเวทีในลักษณะเดียวกันจนถูกคณะครูโรงเรียนราชวินิตฟ้องศาลแพ่งให้ดำเนินการจนถูกตัดสินให้รื้อเวทีเพื่อเปิดช่องจราจรในที่สุด
เปิดรับบริจาคเงินเลียนแบบพันธมิตรฯ
นอกจากนี้บนถนนพิษณุโลกตลอดจนถนนเลาะรั้วทำเนียบผู้ชุมนุมมีการนำสินค้าของที่ระลึกของคนเสื้อแดงมาจำหน่ายและยังมีพ่อค้าแม่ค้านำรถเข็นมาจอดขายของกินจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีการรับบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนในการชุมนุมโดยมีผู้ชุมนุมทยอยบริจาคส่วนใหญ่บริจาคในหลักร้อยบาท และมีการขานชื่อบนเวทีเหมือนกับกลุ่มพันธมิตร
“ตู่”ยันไม่บุกเข้า โวพร้อมชุมนุม 1 ปี
เวลา 16.30 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช.และ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ที่เดินทางมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ถือว่าได้รับชัยชนะแต่อย่างใด เพราะกลุ่ม นปช. ไม่ได้บ้าชัยชนะเหมือนกลุ่มพันธมิตรฯ (แต่มีรายงานว่านายจักรภพ เพ็ญแข ประกาศชัยชนะทันทีที่มาถึงทำเนียบฯ) และไม่ได้บ้าประกาศว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย แต่เบื้องต้นตอนนี้จะมีการตั้งเวทีถาวรเวทีเดียวบนสะพานชมัยมรุเชฐ โดยหันหน้าเข้ามาที่ตึกไทยคู่ฟ้า ต่อจากนั้นก็จะไลน์ลำโพงรอบทำเนียบฯ 4 ด้าน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะไม่บุกเข้าไปในทำเนียบเด็ดขาด ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ ขอบอกว่า กลุ่มเสื้อแดงพร้อมที่จะชุมนุม 3 วัน 7 วัน 1เดือน หรือ 1 ปี ก็พร้อมที่จะชุมนุม
โมเม “มาร์ค”ป้อง “กษิต”ทำคดีพันธมิตรฯ เลื่อน
เมื่อถามว่าข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ คิดว่ารัฐบาลทำข้อไหนทำได้ง่ายที่สุด นายจตุพร กล่าวว่า คงเป็นการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ และปลดนายกษิต แต่ยังเห็นว่านายกฯ ยังปกป้องนายกษิตอยู่ เนื่องจากทางตำรวจได้ออกหมายจับ 21 แกนนำพันธมิตรฯ ไปแล้ว แต่มีการเลื่อนการออกหมายจับออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งที่หนึ่งในนั้นอาจมีนายกษิตอยู่ด้วยก็ได้ โดยพรุ่งนี้(25ก.พ.)จะใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายไปที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อขับไล่นายกษิต โดยจะมีการจัดระเบียบกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดความวุ่นวายอีก
ลั่นไม่ปิดสนามบินตามรอยเสื้อเหลือง
ทั้งนี้นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า ขอให้ชาวต่างชาติมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุเข้ายึดสถานที่สำคัญของประเทศอย่างเช่น สนามบินเหมือนพันธมิตรฯ ทำ (แต่ไม่บอกว่าพันธมิตรฯ ไปชุมนุมที่สนามบินหลังจากชุมนุมมา 180 กว่าวันและถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าตายไปเกือบ 10 คน) เพราะคนไทยที่เข้าชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงไม่เห็นด้วยกับการมาของรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งการไม่ไปชุมนุมที่หัวหินก็เป็นการบอกแล้วว่าเราไม่ต้องการทำลายชาติ
เมิน ผบ.ตร.ดำเนินคดี อ้าง“พัชรวาท”ไม่ยุติธรรม
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำฯ คนเสื้อแดงอีกคน กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจเตรียมดำเนินคดีกรณีที่คนเสื้อแดงทำลายทรัพย์สินของทางราชการเพื่อแหวกวงล้อมเข้ามาประชิดรั้วทำเนียบว่า ขอให้รีบดำเนินการไม่ว่าจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้ หรือรอข้ามปีเหมือนคนเสื้อเหลือง (ความจริงแล้วพันธมิตรฯ ถูกแจ้งข้อหาบุกรุกและข้อหากบฏตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปในทำเนียบฯ) ทั้งนี้พล.ต.อ. พัชรวาท น่าจะอับอายที่คนเสื้อเหลืองมายิงลูกน้องของตัวเองหรือขับรถทับ (ความจริงคือเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาฯ พันธมิตรฯ ถูกยิงด้วยระเบิดแก๊สน้ำตา ขาขาดแขนขาดตั้งแต่เช้าจนเย็นจึงมีการตอบโต้เจ้าหน้าที่) ย่ำยีศักดิ์ศรีของตำรวจ จึงขอถาม พล.ต.อ.พัชรวาทว่า ไม่อับอายบ้างหรือ
“พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่ดำเนินการใดๆ เลยกับพันธมิตรฯ ที่ยึดทำเนียบกับยึดสนามบินสุวรรณภูมิที่เสียหายไปกว่า 2-3 แสนล้านบาท (บิดเบือนตัวเลขเกินจริงเพราะถ้าปิดสนามบิน 7 วันเสียหาย 2-3 แสนล้าน แสดงว่าสนามบินสุวรรณภูมิทำรายได้ให้ประเทศถึงปีละ 15.6 ล้านล้านบาท มากกว่า GDP ของประเทศที่มีเพียง 8-9 ล้านล้านบาทเสียอีก) ถ้าหากผมจะแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.อ.พัชรวาท ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบจะได้หรือไม่ แต่ก็คงไม่มีปัญหา เพราะพล.อ.พัชราวาท ถือกฎหมายอยู่ จะใช้กฎหมายยังไงกับคนเสื้อดงก็ได้ ผมคิดว่าคนที่มือข้างหนึ่งถือกฎหมาย อีกข้างหนึ่งควรจะถือความยุติธรรมเอาไว้ด้วย หากพล.อ.พัชรวาท ถือกฎหมายอย่างเดียวไม่ถือความยุติธรรม ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่คอยรับใช้ฝ่ายอำนาจ มาคอยรังแกประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย”นายณัฐวุฒิ กล่าว
อ้างโดนรถบด-ลวดหนามขวาง ทบทวนปล่อย “มาร์ค-ครม.”เข้าทำเนียบ
เมื่อถามว่าจะเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาทำงานในทำเนียบฯ อย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องหารือกันก่อน โดยหลักการเดิมไม่มีความคิดที่จะขัดขวางการเข้ามาทำงานของนายกฯ แต่วันนี้เห็นเจตนาและการกระทำของนายอภิสิทธิ์ ที่มีความน่าเกลียด ในการปฏิบัติกับคนเสื้อแดง โดยการที่เอารั้วลวดหนามมาล้อมทำเนียบฯ
“อยากจะถามนายอภิสิทธิ์ว่า รั้วลวดหนามที่เอามาล้อมไว้นั้น ทำให้เห็นว่าเป็นทำเนียบฯหรือว่าเป็นบ้านเมตตากันแน่ ที่เอารถบดถนน หรือรถกีดขวางคนเสื้อแดงเอาไว้ นายกฯ มีเจตนาอะไร ซึ่งได้บอกไปแล้วว่าไม่ได้ต้องการบุกเข้ามาทำเนียบฯ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้บุกเข้าไป ทั้งๆ ที่เสื้อแดงก็ทำได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ช่วงเที่ยงจนถึงช่วงบ่ายที่ผ่านมา ดังนั้นการกระทำนายอภิสิทธิ์ วันนี้อาจจะทำให้การเดินทางเข้าทำเนียบของนายอภิสิทธิ์ ในวันพรุ่งนี้เปลี่ยนไป”นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่านายกฯ และ ครม.จะไม่สามารถเข้าไปทำงานในวันที่ 25 ก.พ.ได้ใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องหารือกันให้เป็นมติ แต่ในความเห็นส่วนตัว คิดว่าเมื่อนายอภิสิทธิ์ แสดงความไม่เป็นมิตรกับคนเสื้อแดง (แต่ไม่บอกว่าคนเสื้อแดงไม่เป็นมิตรกับนายอภิสิทธิ์) คนเสื้อแดงก็มีสิทธิที่จะทบทวนในการที่จะแสดงออกต่อนายอภิสิทธิ์ เหมือนกัน การที่คนเสื้อแดงมายืนมานั่งกันอย่างที่เห็น เราก็ทำของเราโดยรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
ถามว่า การชุมนุมจะยืดเยื้อนานแค่ไหน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องดูตามสถานการณ์ มีการหารือถึงข้อสรุปตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนจะให้นายกฯ เข้าทำเนียบได้หรือไม่ ก็จะมีมติในค่ำวันนี้