ม็อบเสื้อแดงเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงสู่ทำเนียบ สะดวกโยธิน ตำรวจวางแนวสกัด 4 จุด พอเป็นพิธี แต่เมื่อขบวนคนเสื้อแดงเคลื่อนไปถึง ก็ยอมเปิดทางให้โดยดี แต่ไม่วายแสดงพฤติกรรมถ่อย ใช้ไม้ล่าหวดทหารที่รักษาการณ์อยู่หน้าทำเนียบ ก่อนพังรั้วกั้นหน้าประตู 1 เข้าไปอ่านแถลงการณ์เรียกร้องดำเนินคดีพันธมิตรฯ-ปลด “กษิต”-ยุบสภา ให้เวลา 15 วัน กลับมาป่วนใหม่
กลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งรวมตัวกันในนามแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้จัดชุมนุมปราศรัยโจมตีรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น.ของวันที่ 31 ม.ค.จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น.หลังจากแกนนำได้สับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยจนครบทุกคนแล้ว ได้มีการจัดขบวน เพื่อนำผู้ชุมนุมประมาณ 10,000 คนเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยได้จัดขบวนออกเป็น 6 ขบวน และมีแกนนำรับผิดชอบอยู่บนรถหกล้อนำหน้าขบวน เช่น ขบวนแรกนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่จะทำหน้าที่เจรจากับตำรวจหากถูกสกัด ถัดมาเป็นขบวนของ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นพ.เหวง โตจิราการ ขบวนของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจักรภพ เพ็ญแข ขบวนของ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และปิดท้ายด้วยขบวนของ นายวีระ มุสิกพงศ์ หลังจากจัดขบวนเสร็จเรียบร้อยได้ทยอยเคลื่อนออกจากสนามหลวงทันที
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงการปราศรัยของ นายจักรภพ เพ็ญแข ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนนั้น มีการเปิดตัว นายใจลล์ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต่อหน้าผู้ชุมนุมด้วยด้วย โดย นายใจลล์ ได้ขึ้นปราศรัยประกาศเป็นครั้งแรก ว่า ตนเองเป็นคนเสื้อแดง และเป็นผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แม้ว่าในช่วงหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เขาเคยออกมาประกาศต่อต้านรัฐประหารและต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนขบวนออกจากสนามหลวง เพื่อมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล โดยเดินเท้ามาตามถนนราชดำเนินกลาง เมื่อมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีเจ้าหน้าที่ตำรวพร้อมแผงเหล็กกั้น แต่เมื่อแกนนำลงไปเจรจาประมาณ 5 นาที ตำรวจก็เปิดทางให้ หลังจากนั้นขบวนคนเสื้อแดงได้เคลื่อนต่อไปถึงสะพานผ่านฟ้า และเจอกับแนวกั้นของตำรวจเช่นเคย แต่เมื่อ นายจตุพร ลงไปเจรจา ตำรวจก็ยอมเปิดทางให้ผ่านไปได้ภายใน 5 นาที
จนเมื่อเวลาประมาณ 23.20 น.กลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนตัวผ่านสะพานมัฆวานรังสรรค์ ด่านนี้ถือเป็นด่านสกัดที่ 4 ถัดจากด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้า และ แยก จปร.และเป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมถอยร่นปล่อยให้ผ่านไปโดยง่าย และเปิดเส้นทางให้กลุ่มผู้ชุมนุมด้วยการเคลื่อนรถผู้ต้องขัง ทำให้ผู้ชุมนุมสามารถเดินเท้ามาทางถนนพิษณุโลก เพื่อมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาลได้ โดยมีรถขยายเสียงของแกนนำ เคลื่อนตามมา
ทั้งนี้ สะพานมัฆวาน และถือเป็นจุดสกัดสุดท้ายของตำรวจ ก่อนที่จะถึงบริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งในขั้นต่อไปการรับมือกับม็อบเสื้อแดงจะตกอยู่ในหน้าที่ของกองทัพ โดยเป้าหมายของม็อบเสื้อแดงนั้นจะอยู่บริเวณ ถ.พิษณุโลก ด้านข้างทำเนียบรัฐบาล และบริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช.
จนเมื่อเวลา 23.40 น.แกนนำ นปช.ที่อยู่บนรถปราศรัยและเป็นหัวขบวนของม็อบเสื้อแดงได้เคลื่อนมาถึงบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ใกล้กับประตู 1 ของทำเนียบรัฐบาล โดยกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเคลื่อนไปประชิดรั้วทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม แกนนำ นปช.ได้ประกาศว่าจะไม่บุกเข้าไปในบริเวณทำเนียบ โดยบอกว่าจะมาเพื่อประกาศเจตนารมณ์ กดดันรัฐบาลเท่านั้น หลังจากนั้นจะสลายตัว ขณะที่หน่วยปราบจลาจลและทหารตรึงกำลังแน่นอยู่ด้านใน พร้อมจับกุมทันทีหากมีใครปีนรั้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่รักษาการอยู่ด้านในประกอบด้วย ตำรวจ กองกำลังปฏิบัติการร่วม 3 เหล่าทัพ บก เรือ อากาศ มีอุปกรณ์ป้องกัน คือ โล่ และลวดหนาม เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงมาถึง แกนนำ นปช.ประกอบด้วย นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้ประกาศชัยชนะ และกล่าวปราศรัยโจมตีรัฐบาลบนรถหกล้อ โดยมี นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เข้าไปร่วมด้วย หลังจากนั้น แกนนำคนเสื้อแดงได้ต่อรองตำรวจขอให้เปิดรั้วแผงเหล็กบริเวณประตู 1 ให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเคลื่อนเข้าไปชุมนุมบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อประกาศเจตนารมณ์ ขณะนั้นการจราจรบริเวณ ถ.ราชดำเนินนอกติดขัดหนัก เพราะ เสื้อแดงนำแท็กซี่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ มาปิดถนน ส่วน “เจ๊ดา-ดารณี กฤตบุญญาลัย” ได้นำรถตู้ส่วนตัวมาร่วมขบวนด้วย
มีรายงานว่า เมื่อกลุ่มเสื้อแดงสามารถเคลื่อนประชิดประตูทำเนียบรัฐบาลได้ ต้องเจอกับหน่วยทหารปราบจลาจลขวางอยู่ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ใช้ไม้ไล่ตี จนทหารวิ่งหนีและยอมถอยออกไป
จนเวลาประมาณเที่ยงคืน กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ทลายแผงกั้นของเจ้าหน้าที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ บุกเข้าไปในพื้นที่บริเวณถนนด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ส่งผลให้กลุ่มคนเสื้อแดงสามารถตีกรอบล้อมทำเนียบได้ทั้งฝั่งด้านหน้า ด้านข้างบริเวณ ถ.พิษณุโลก และด้านหลังคือ ถ.ราชดำเนินนอก
เมื่อเวลา 0.20 น.หลังแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนยึดบริเวณถนนหน้าทำเนียบรัฐบาลสำเร็จ คนเสื้อแดงได้เผลักดันจนทำให้รั้วที่เจ้าหน้าที่นำมากั้นไว้ชั้นแรกได้ บริเวณหน้าทำเนียบด้านประตู 1 จนพังเสียหาย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณ ถ.ราชดำเนินนอก ก็เริ่มทยอยเดินทางกลับ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณ ถ.พิษณุโลก ยังพอมีอยู่ ทำให้การจราจรบริเวณ ถ.ราชดำเนินนอกสามารถเคลื่อนตัวได้
จากนั้น เวลาประมาณ 00.30 น.นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.ได้อ่านแถลงการณ์เป็นข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 4 ข้อ คือ 1.ขอให้รัฐบาลดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยึดถนนราชดำเนิน ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ยึดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ภายใน 15 วัน 2.ให้ปลด นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และพันธมิตรฯที่เกี่ยวข้องตามข้อ 1 ออกจากตำแหน่งทางการเมืองของรัฐบาลนี้ทุกตำแหน่งภายใน 15 วัน
3.ให้รับร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (คปพร.) ที่มี นพ.เหวง เป็นประธานไปพิจารณาภายใน 15 วัน หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ทันที 4.เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่แล้วให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทันที โดยให้เวลารัฐบาลดำเนินการภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการ ก็จะกลับมาชุมนุมอีกและจะชุมนุมยืดเยื้อจนกว่าจะได้ตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ภายหลังอ่านแถลงการณ์เสร็จนายวีระได้ปิดแถลงการณ์ไว้บริเวณประตู 1 ก่อนสลายการชุมนุมกลับสู่สนามหลวง ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับ
“มาร์ค” เกาะติดข่าวเสื้อแดง-ยันไม่ใช้กำลังปราบ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 31 ม.ค.ตามเวลาในประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการร่วมประชุม World Economic forum 2009 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวไทยที่ติดตามไปทำข่าว ว่า ได้ประสานงานกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ตลอดเวลา โดยทราบว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนขบวนพลออกจากสนามหลวงไปยังทำเนียบรัฐบาลแล้ว แต่รัฐบาลจะพยายามไม่ให้เกิดความรุนแรง และต้องดูแลให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่เหมาะสมด้วย