xs
xsm
sm
md
lg

ปัดข้อเรียกร้องเสื้อแดงไม่ปลดกษิต-ยุบสภาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวหลังจากเดินทางกลับจาก การประชุม เวิลด์อิโคโนมิก ฟอร์รัม เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ วานนี้ (1 ก.พ.) ว่า 36 ชั่วโมง ที่ใช้อยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ไม่รวมเวลาเดินทางบนเครื่องบินก็ถือว่าคุ้มค่า ที่ได้ไปดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจเพื่อนำไปสู่โอกาสของเรา
ส่วนสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หนทอคนเสื้อแดงเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 31 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงที่อยู่ที่นั่นก็ได้ติดตามสถานการณ์ในประเทศไทย พร้อมๆ กันไป ซึ่งเหตุการณ์เมี่อคืนวันเสาร์ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอบคุณ ผู้ชุมนุมที่ชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ได้ใช้ความอดทนอดกลั้น ทำให้ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไร
สำหรับข้อเสนอ 3 ข้อของ นปช.ที่ให้รัฐบาลดำเนินการภายใน 15 วันนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอไม่พูดอะไรเพิ่มเติมเพราะว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องบางอย่างก็ทำอยู่ เช่น การดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การปฏิรูปการเมือง ซึ่งคงไม่สามารถระบุได้ว่า เมื่อปฏิรูปการเมืองแล้วก็จะต้องเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ใน15วัน แต่เรื่องที่เป็นการตัดสินใจทางการเมืองก็ถือว่าเป็นความเห็นที่แตกต่าง
สำหรับการเสนอให้ปรับ รมว.การต่างประเทศออก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องทางการเมืองที่สามารถมีความเห็นแตกต่างกันได้ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

ชี้ข้อเรียกร้องเสื้อแดงเพื่อมาชุมนุมอีก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการชุมนุม ของม็อบเสื้อแดงว่า ตนรายงานนายกรัฐมนตรีไปเมื่อคืนวันที่ 31 ม.ค.ว่าถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลต้องรับการชุมนุมครั้งใหญ่ และตนได้ดูแลอย่างเคร่งครัดไม่ให้มี เหตุการณ์ร นแรง ไม่ให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ และแม้ว่าจะเป็นห่วงเรื่องทำเนียบรัฐบาล แต่เมื่อเราเห็นว่ามีปัญหาก็ให้เจ้าหน้าที่ถอยร่นตามลำดับ จนไปยึดที่มั่นสุดท้าย ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุกยึดทำเนียบฯ และตนขอขอบคุณข้าราชการ และตำรวจ ทหารที่ทำหน้าที่ด้วยความอดทน ทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง แต่ก็ขอบคุณผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่เคารพกติกาบ้านเมือง ไม่ทำผิดกฎหมาย
ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงขีดเส้นให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเรียกร้องใน 15 วันไม่เช่นนั้นจะกลับมาชุมนุมยืดเยื้อนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไรหากมาด้วยสันติวิธีเราก็ต้อนรับด้วยสันติวิธี แต่อย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกันเพราะจะต้องถูกดำเนินการแน่นอน
ข้อเรียกร้องที่เขาเสนอมาบางอย่างรัฐบาลก็ทำได้ บางอย่างก็ทำไม่ได้ โดยสิ่งที่ทำได้คือเรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ รัฐบาลได้ขอให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงใจใคร แต่ที่ทำไม่ได้ เช่น บอกให้รัฐบาลยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 ไปใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เพราะการยกเลิกหรือประกาศใช้รัฐธรรมนูญไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล แต่มีกระบวนการ ที่ต้องทำในการขอความเห็นชอบของคนทั้งประเทศ ดังนั้น 15 วันทำไม่ได้ และผมเชื่อว่านายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ที่มาอ่านข้อเรียกร้องดังกล่าว ก็เข้าใจดีว่าทำไม่ได้ใน 15 วัน แต่เรียกร้องมาเพื่อเป็นเหตุผลว่าจะได้ยกพวกมาอีก ภายใน 15 วันเท่านั้น
ส่วนข้อเรียกร้องให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจา กรมว.ต่างประเทศนั้น ก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะนายกษิตทำงานได้ดีทุกอย่าง ให้ไปเจรจากับเขมร ก็รายงานว่า ได้ผลดี ไปประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์กับนายกรัฐมนตรีก็ได้ผลดี เขายังไม่ได้ทำอะไรเสียหายในตำแหน่งรัฐมนตรีเลย ดังนั้นจะไปปลดเขาทำไม ส่วนข้อเรียกร้อง ให้ยุบสภานั้น ยังไม่ใช่เวลาของการยุบสภา เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลเดินไปข้างหน้าเพื่อร่วมแรงกันแก้ปัญหาประเทศ ดังนั้นตนจะพยายามดูแลประคับประคองรัฐบาลให้ดี เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ ยังบริหารประเทศได้โดยพวกเราต้องช่วยกันเป็นกำลัง

ท้าถ้ากษิตทำผิดให้ยื่นถอดถอน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่ม นปช.เข้าใจว่าเป็นข้อเรียกร้องซึ่งต้องการให้มีคำตอบจากรัฐบาล แต่ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นข้อเรียกร้องที่เรียกร้องเพื่อให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหว ทางการเมืองของกลุ่ม นปช.
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้อง ข้อแรกที่ต้องการให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ นั้น จริงๆ แล้วนายกษิตเป็นบุคคลที่เหมาะสมในตำแหน่ง แต่ถ้าเห็นว่านายกษิตปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม หรือ ทำสิ่งผิดกฎหมาย หรือ ผิดไปจากสิ่งที่บุคคลผู้ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศก็มีกระบวนการที่สามารถดำเนินการได้ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำของ นปช. อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งอยู่ในพรรคเพื่อไทย หรือ ประชาชนในกลุ่ม นปช. เห็นว่า นายกษิต ทำผิดก็สามารถยื่นเรื่องถอดถอนได้ตามรัฐธรรมนูญ แม้แต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ นปช.เรียกร้องก็มีกระบวนการนั้นอยู่ เรื่องนี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่ดำเนินการอะไรไม่ได้เลยแล้วต้องรอรัฐบาลเท่านั้น
นายสาทิตย์ กล่าวถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า มีการดำเนินคดี อยู่แล้ว เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์บอกไปแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ หรือ กลุ่ม นปช. ถ้าทำผิดกฎหมายแล้วเป็นคดีอยู่รัฐบาลมีหน้าที่เร่งรัดคดีให้เป็นไปตามขั้นตอน ของกฎหมาย โดยที่ไม่ต้องเข้าไปแทรกแซง ถ้าหากกลุ่ม นปช.กังวลว่ารัฐบาลช่วยเหลือ ฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ ขอตอบว่าไม่มี ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ ได้ตั้งกลไกพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะติดตามคดีทุกคดี ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับคนสีไหน หรือกลุ่มใด โดยรัฐบาลยื่นยันว่า มีนโยบายชัดเจนในเรื่องการดำเนินคดี ไม่มีการแบ่งเป็นสองมาตรฐานอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ นปช.สบายใจได้
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯ ประกาศเป็น นโยบายชัดเจนในรัฐสภาว่า รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง ซึ่งก็ได้มีการ พูดคุยกับทางฝ่ายค้านไปด้วยแล้ว เพื่อต้องการสร้างความมีส่วนร่วมทุกฝ่าย ให้มาอยู่ในคณะกรรมการชุดนี้โดยคณะกรรมการชุดนี้ จะทำมากกว่าแก้รัฐธรรมนูญ นั่นคือ การปฏิรูปการเมืองในระยะยาว
ส่วนที่ นปช. ยื่นเงื่อนไขให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเสนอภายใน 15 วันนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วบางเรื่อง ไม่ต้องยื่นเงื่อนไขก็ดำเนินการอยู่แล้ว และดำเนินการก่อนจะมีการเรียกร้อง เช่น กรณีกรรมการการปฏิรูปการเมือง และการเร่งรัดคดี

ลิ้วล้อแม้วโวยมาร์คอคติลูกพี่
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้เวทีประชุมนานาชาติโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อไม่ให้มีการประชุมอาเซียน ซัมมิตว่า ประเด็นดังกล่าวต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวข้องด้วยจริงหรือไม่ และที่สำคัญ นายอภิสิทธิ์ เองไม่ควรใช่ความรู้สึกเพียงด้านเดียวในการตัดสินเพราะ ไม่ใช่แค่ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ที่มองความเคลื่อนไหวทางการเมืองไทย แต่ต่างชาติก็มองเช่นกัน และการประชุมอาเซียนแต่ละประเทศก็พิจารณาเอง ไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ทั้งนี้ยืนยันว่าการแสดงออกของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการแสงดออกในฐานะประชาชนของคนไทยคนหนึ่ง จึงไม่อยากให้นายกฯกังวลในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า การที่นายกฯออกมาพูดเรื่องดังกล่าวอาจทำให้ความขัดแย้งในสังคมมีมากขึ้น ดังนั้นจึงควรที่จะรับฟังเงื่อนไขของกลุ่มเสื้อแดงที่ที่ได้ไปยื่นข้อเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาล
นายวิทยา กล่าวว่า ความขัดแย้งในประเทศถือเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรี ต้องยอมรับ และต้องแก้ไข และต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ไม่มีคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง หมดไป รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 2 เรื่อง ของคนส่วนใหญ่ไม่ได้ ก็ควรตัดสินใจตามความเหมาะสม โดยเฉพาะการยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน เพราะเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นข้อเรียกร้องเกินขอบเขตเพราะนายกรัฐมนตรีเองก็เคยเปิดประเด็นไว้

อ้างส.ส.เพื่อไทยร่วมม๊อบในฐานะปชช.
ส่วนที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายสุนัย จุลพงษธร ส.ส.สัดส่วน นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา ไปเคลื่อนไหวกับกลุ่มเสื้อแดงนั้น นายวิทยากล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิในการแสดงออก ในฐานะประชาชนที่จะมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย ที่สะท้อนถึงปัญหาที่มาจากรัฐบาลและต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงก็เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลยังไม่มีท่าทีจะปรับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ รมช.มหาดไทย และรมว.การพัฒนาสังคมฯ นายวิทยา กล่าวว่า ถือเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนคงบอกไม่ได้ แต่ทั้งนี้ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อเรียกร้องของคนส่วนใหญ่ และยืนยันว่าข้อเรียกร้องของ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช่เพียงข้อเรียกร้องของคนเพียงกลุ่มเดียว แต่เชื่อว่ายังมีพลังเงียบที่ยังไม่ได้แสดงออก รวมถึงกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่วันนี้อาจจะมาสวมเสื้อแดงก็ได้

ผบช.น.พอใจตร.คุมม็อบเสื้อแดง
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสถานการณ์การชุมนุม กลุ่มคนเสื้อแดง เคลื่อนขบวนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยให้เวลาดำเนินการใน 15 วัน โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ผลการดำเนินการของตำรวจ เบื้องต้นนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแผนกรกฎ48 ซึ่งเป็นแผนที่ใช้ในการ ดูแลควบคุมความสงบเรียบร้อยของ บช.น.ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ มีเพียงการผลักดันกันเท่านั้น นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ไปตรวจสอบ กล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณ เพื่อตรวจสอบว่ามีการกระทำผิดบ้างหรือไม่
ส่วนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะมีการสรุปเพื่อนำมาปรับยุทธวิธี ในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม และคงไม่สามารถบอกได้ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เนื่องจากในการชุมนุมแต่ละครั้ง กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะมีการปรับยุทธวิธีด้วย แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเหตุการณ์ก็เป็นไปด้วยความสงบไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ส่วนมูลความผิดนั้นต้องตรวจสอบว่า มีผู้ใดได้รับความเดือดร้อนและจะมีการแจ้งความและต้องดูมูลความผิด หากพบว่าผู้ใดเข้าข่ายความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน
กำลังโหลดความคิดเห็น