ศรีสะเกษ – แก๊ง ส.ส.ทาสพลังแม้วศรีสะเกษ ดิ้นหนีตายเรียกประชุมหัวคะแนนทุกอำเภอ เพื่อชี้แจงแผนชั่วขู่ระดมคนต่อต้านรัฐประหาร “ร.ท.กุเทพ” โอ่ต้อนชาวบ้าน 2 หมื่นต่อ 1 ส.ส.“ทาสแม้ว” เคลื่อนไหวต้านปฏิวัติ แต่ยังปากเก่งไม่กลัวยุบพรรค พร้อมจี้ “ผบ.ทบ.” แสดงจุดยืนชัดเจนไม่เข้าข้างพันธมิตรฯ ทำให้รัฐบาล “ชาย ทรราชฆาตกร” ไร้น้ำยาแก้ปัญหา อ้างพันธมิตรฯทำผิด กม.ยึดสนามบินเศรษฐกิจเสียหาย แต่ไม่พูดถึง “พ่อแม้ว” นักโทษหลบหนีอาญาแผ่นดิน โกงกินชาติบ้านเมืองหลายแสนล้านอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ห้องประชุมศรีพฤทเธศวร โรงแรมเกษสิริ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ หัวหน้ากลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชาชน (พปช.) จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน และ ส.ส.พรรคพลังประชาชนศรีสะเกษ ประกอบด้วย นายปวีณ แซ่จึง, นายธีระ ไตรสรณกุล, นายวิวัฒชัย โหรตะไวศยะ, นายธเนศ เครือรัตน์, นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ และ นายกล่ำคาน ปาทาน ได้เรียกประชุมด่วนแกนนำ หรือหัวคะแนนสมาชิกพรรคพลังประชาชนทุกอำเภอของ จ.ศรีสะเกษ เรื่อง “เราจะสู้อย่างไรเมื่อประชาธิปไตยถูกคุกคาม (ต่อต้านการรัฐประหาร)” เพื่อซักซ้อมความเข้าใจแนวทาง ในการขับเคลื่อนต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในขณะนี้
ทั้งนี้ มีตัวแทนสมาชิกพรรคพลังประชาชนจากทั้ง 22 อำเภอของ จ.ศรีสะเกษ ประมาณ 200 คน มาร่วมประชุมกันอย่างคึกคัก ซึ่งบรรดา ส.ส.พรรค พปช.ทุกคนได้ชี้แจงให้แกนนำสมาชิกพรรคได้ทราบถึงสถานการณ์ กรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ปักหลักชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง โดยอ้างว่าการกระทำของฝ่ายพันธมิตรฯ ผิดกฎหมาย แม้ว่า พรรค พปช.ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้พยายามแก้ไขโดยสันติวิธีแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากขาดความร่วมมือในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจากหลายส่วนราชการ ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ได้ผลเท่าที่ควร
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในวันนี้ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรค พปช.ทุกคน ได้เชิญแกนนำสมาชิกพรรคพลังประชาชนจากทุกเขตเลือกตั้งทุกอำเภอของ จ.ศรีสะเกษ มาประชุมกัน เพื่อทำความเข้าใจตรงกันในการต่อต้านรัฐประหารที่ได้กำหนดไว้ว่า จะต้องมีการระดมประชาชนจากทั่วทั้ง จ.ศรีสะเกษ คือ ส.ส.พรรคพลังประชาชน 1 คนต่อประชาชน 20,000 คน เป็นอย่างน้อย จะมีการดำเนินการอย่างไร
ทั้งนี้ ได้มีการทำความเข้าใจตรงกันแล้วว่า เมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมา พรรคพลังประชาชนก็จะระดมประชาชนออกมาต่อต้านรัฐประหารได้อย่างทันที ขอยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เป็นคำขู่ แต่เป็นแผนปฏิบัติการที่ได้เลือกเอาไว้แล้ว และจะเป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เนื่องจากหากไม่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจะเสียประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะการรัฐประหารทำให้คนกลุ่มหนึ่งตั้งผู้นำได้ตามใจชอบ ใช้งบประมาณตามใจชอบ ประชาชนจะไม่ได้ใช้งบประมาณแต่อย่างใด ขณะนี้แกนนำประชาชนชาวศรีสะเกษทุกคนได้เข้าใจแล้ว
ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เคลื่อนไหวผิดกฎหมาย พวกตนจะให้มีการดำเนินการตามกรอบประชาธิปไตย ซึ่งมั่นใจว่า เมื่อมีการเลือกตั้งเมื่อไร หรือว่าพวกตน ส.ส.พรรคพลังประชาชนไปอยู่พรรคใดก็มั่นใจว่า จะได้รับการสนับสนุนจากพลังประชาชนทั่วประเทศให้ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกเช่นเดิม
“ดังนั้น ไม่ว่าศาลจะพิพากษากรณียุบพรรคการเมืองออกมาเช่นใด พวกตนก็พร้อมหากมีประชาธิปไตย พวกเราจะต่อต้านรัฐประหาร ซึ่งการจะทำให้ประชาธิปไตยหมดไปจากประเทศนี้ ซึ่งพวกเรายอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด” ร.ท.กุเทพ กล่าว
ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า ขอฝากไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ว่า การรัฐประหารไม่ควรที่จะคิดอย่างเด็ดขาด ไม่ควรที่จะทำให้ประชาธิปไตยถอยหลังกลับไปอีก และไม่ควรทำให้ประเทศไทยถอยหลัง เราควรที่แก้ไขปัญหาตามระบอบประชาธิปไตยจึงจะถูกต้องที่สุด หากมีการรัฐประหารขึ้นมารับรองว่ายุ่งอย่างแน่นอน เพราะจะเกิดการต่อต้านอารยะขัดขืนทั่วประเทศ ซึ่งในการเรียกประชุมแกนนำสมาชิกพรรคพลังประชาชนศรีสะเกษในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตยทุกอย่าง รวมทั้งเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้
กรณีที่มีเสียงเรียกร้องให้ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกตนกลัวแต่อย่างใด เนื่องจากหากยุบสภาฯ แล้วทำให้บ้านเมืองนี้ดีขึ้น มีระบอบประชาธิปไตย พรรคพลังประชาชนหรือพรรคการเมืองใด ที่มีแนวทางเหมือนพรรคพลังประชาชนก็จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเหมือนเช่นเดิม แต่ว่าการเลือกตั้งในช่วงนี้ยังไม่เหมาะ ควรดำเนินการกับกลุ่มที่ทำผิดกฎหมายก่อน
ร.ท.กุเทพ กล่าวอีกว่า อยากถามว่า ทำไม ผบ.เหล่าทัพ จึงไม่ออกมาป้องกันและจัดการกับกลุ่มคนที่ยึดสนามบิน เพราะ ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตำรวจ เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย นักการเมืองเป็นผู้กำกับนโยบาย เมื่อมีคนไปยึดสนามบิน ทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติวันละ 100,000 -200,000 ล้านบาท ถ้าบุคคลเหล่านี้ไม่ป้องกัน ไม่มีการหาข่าวลับ ข่าวกรองที่จะป้องกันสนามบินทั้งหมดได้ กลุ่มบุคคลเหล่านี้สมควรที่จะกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนอยู่ต่อไปหรือไม่
ดังนั้น พวกตนจึงไม่กลัวกับการถูกยุบสภา แต่ว่าควรที่จะจัดการกับกลุ่มบุคคลที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเสียก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากการไปบุกยึดสภาผู้แทนราษฎรแล้วไปบุกยึดสนามบิน เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผล สภาไม่ได้ไปทำอะไรผิด การยุบสภา มีเหตุผลอยู่ในตัวของมัน จะมีการยุบสภาเมื่อไหร่และพร้อมเมื่อไหร่จะได้เมื่อนั้น พรรคประชาธิปัตย์มาสู้กับเราได้ เราไม่กลัว พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถชนะเราได้อย่างแน่นอน
ร.ท.กุเทพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้มีความเกรงกลัวกฎหมาย เพราะมีคนให้ท้าย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็น เพราะรัฐบาลอ่อนแอที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทำได้เพียงเท่านี้ เนื่องจากคนที่ปฏิบัติตามกฎหมายไม่ทำตามนโยบายของรัฐบาล ก็ต้องใช้วิธีการเช่นนี้คือ การฟ้องประชาชน รัฐบาลทำได้ในวงจำกัด เพราะรัฐบาลไม่มีอำนาจจะไปดำเนินการเอง แต่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ซึ่งปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ผู้ใช้อำนาจใช้วิธีการเฉื่อย ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย และการที่ ผบ.ทบ.(พ0ล.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก) ไม่ได้ออกมาช่วยในการแก้ไขปัญหาที่กำลังวุ่นวายอยู่ในขณะนี้อย่างเต็มที่
“เป็นเรื่องที่น่าสงสัย ผบ.ทบ.กำลังเล่นเกมกับพันธมิตรฯ หรือเปล่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาประกาศวจะมีทหารออกมาวันนั้นวันนี้ หรือว่าเรื่องจะเรียบร้อยในวันนั้นวันนี้ ถ้า ผบ.ทบ.ยังนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้ ไม่ดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรฯ อาจเป็นไปได้ว่า ผบ.ทบ.อาจจะไปให้ท้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ เหิมเกริมไม่เกรงกลัว” ร.ท.กุเทพ กล่าว
ขอเรียกร้องให้ ผบ.ทบ.แสดงท่าทีที่ชัดเจน กล้าที่จะประณามพันธมิตรฯ ว่า ทำผิดกฎหมาย และการที่ยืนยันว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารนั้นดีแล้ว แต่ต้องทำอะไรมากกว่านั้น เพราะ ผบ.ทบ.มีอำนาจสูงสุดในการบังคับใช้กฎหมายของประเทศ ตรงนี้จึงขอเรียกร้องผ่านไปยัง ผบ.ทบ.ด้วย
ส่วนการที่ ผบ.ทบ.ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภาฯนั้น เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม การยุบสภาไม่สามารถแก้ปัญหากลุ่มพันธมิตรฯ ได้ เพราะพันธมิตรฯ ได้ประกาศแล้วว่าต้องมีการรัฐประหารเพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่ ซึ่งไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องไม่ให้การสนับสนุน หากยุบสภานั้น เป็นการสนองตอบต่อกลุ่มที่กระทำผิดต่อกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง