นายกรัฐมนตรีเครื่องร้อนพร้อมรับมือเป็นเจ้าภาพอาเซียน ตั้งเป้าเป็นผู้นำกลุ่มประเทศอาเซียนฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจ โปรยยาหอมผู้มีรายได้น้อยเตรียมรับโบนัส 2,000 บาท ภายในวันที่ 8 เม.ย.นี้
วันนี้ (22 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวบันทึกเทปผ่านทางรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีแห่งประเทศไทย ระหว่างการเดินทางเยือนอินโดนีเซียในครั้งนี้ว่า เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ เนื่องจากในปี 2553 จะครบรอบ 60 ปีความสัมพันธทางการทูตระหว่างไทยและอินโดนีเซีย จึงใช้โอกาสนี้สานต่อมิตรสัมพันธที่ดีต่อกัน ส่วนประเด็นการหารือโดยส่วนรวมเน้นไปในเรื่องการเจรจาเรื่องการทำประมงและปัญหา 3 จังหวัดชายแดนทางภาคใต้ ซึ่งอินโดนีเซียเข้าใจดีว่าเป็นปัญหาภายในประเทศ โดยประธานาธิบดีอินโดนีเซียรับปากว่าจะนำปัญหาเหล่านี้ไปชี้แจงต่อที่ประชุมผู้นำมุสลิม หรือโอไอซีต่อไป
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปัญหาสำคัญยิ่งรัฐบาลยังคงให้น้ำหนักไปที่วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งภายในสิ้นปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะหลับมาอยู่ในแดนบวกได้ โดยสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนในเรื่องเงินช่วยเหลือผู้ประกันตนรายละ 2,000 บาท สำหรับผู้มีรายได้เข้าเงื่อนไข ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะกระจายรายได้ในลักษณะเช็คขีดคร่อม เนื่องจากมีภาคเอกชนบางรายเสนอตัวเข้ามาแสดงความช่วยเหลือเพิ่มเติม กรณีผู้ที่ถือเช็คนำไปจับจ่ายใช้สอยอาจมีส่วนลดให้อีก 50% เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังจับจ่ายใช้สอย ซึ่งถือเป็นการสนองนโยบายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและคาดว่างบประมาณตรงนี้จะกระจายสู่มีรายได้ตามเงื่อนไขภายในวันที่ 8 เม.ย.นี้ โดยงบประมาณก้อนนี้จะเริ่มกระจายไปในภาคส่วนเอกชนก่อน ส่วนภาครัฐจะจ่ายพร้อมเงินเดือนในภายหลัง
สำหรับประเด็นทางการเมือง มีความหน้าแล้วสำหรับการปฏิรูปทางการเมืองซึ่งถือเป็นนโยบายหลัก โดยได้ขอความร่วมสถาบันพระปกเกล้ารับเป็นเจ้าภาพ ซึ่งถือเป็นสถาบันวิชการที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อกำหนดกรอบและประเด็นการศึกษา ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรต่อไป และขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะยึดหลักความปรองดอง ยืนอยู่บนพื้นฐานกระบวนการยุติธรรมเดียวกัน
ในส่วนที่สอง นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาเป็นพิธีกรซักถามโดยมีนายสุรินทร์ พิศุสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ร่วมเป็นแขกรับเชิญพิเศษ เพื่อชี้แจงถึงความสำคัญของการประชุมผู้นำอาเซียนซัมมิต ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 14 ในสัปดาห์หน้าว่าประชาชนต้องเข้ามามีส่วนเพื่อประโยชน์ของประชาชนเอง แตกต่างจากอดีตที่ต้องขึ้นอยู่กับผู้นำหรือนักการฑูตของแต่ประเทศนั้นๆ แต่ภายใต้กฏบัตรใหม่ครั้งแรก ซึ่งมีกรอบขยายถึงสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน
นายสุริทร์ยังได้กล่าวย้ำถึง 3 เสาหลักในการประชุมผู้นำเซียนว่า จะเน้นไปที่เรื่องการเมือง ความมั่นคง ในอดีตกลุ่มประเทศอาเซียน เปรียบสามี-ภรรยาอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียน แต่ก็ราบรื่นดี แต่ในอนาคตต่อไปเมื่อจดทะเบียนกันแล้ว ความสัมพันธ์จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น ในด้านเศรษฐกิจหากประเทศกลุ่มอาเซียนสามารถจับกลุ่มด้านการลงทุนหรือส่งออกได้แล้ว เชื่อว่าจะไม่แพ้ชาติมหาอำนาจจากซีกโลกตะวันตก ในส่วนภาคสังคมและวัฒนธรรม การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้ตัวแทนจากองค์กรภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอ
ในตอนท้าย นายอภิสิทธิ์ยังได้กล่าวว่าในฐานะที่เราเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ จึงต้องทำให้ชาวโลกได้เห็นว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนได้พัฒนาก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง ต้องแสดงให้ชาติมหาอำนาจเห็นว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อาเซียนจะเป็นตัวอย่างในการร่วมมือกันฝ่าฟัน โดยจะไม่เบียดบังเพื่อนสมาชิกเพื่อเอาตัวรอดเพียงลำพัง
