xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” ชำแหละ “ใจ” ผนึกแน่นระบอบทักษิณ-แพร่แถลงการณ์สุดอันตราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สมเกียรติ” ชำแหละตัวตน “ใจ อึ๊งภากรณ์” ไม่ต้องสงสัยมีจุดหมายอะไร ร่วมมือกับใคร ระบุแถลงการณ์ “แดงสยาม” สุดอันตรายต่อสถาบันฯ ชี้หนีคดีหมิ่นฯ ไปอังกฤษ ช่วยฟื้นเครือข่าย “ทักษิณ” ในต่างประเทศ หลังพื้นที่เคลื่อนไหวเริ่มจำกัด หลังมหาอำนาจยกเลิกวีซ่า “บูรณัชย์” เชื่อมั่นต่างชาติเข้าใจความเป็นไทย ยังคงกฎหมายหมิ่นฯ



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ 

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ในรายการ “คนในข่าว” ทางเอเอสทีวี ช่วงเวลา 20.30-22.00 น.วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ถึงยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศว่า พื้นที่การต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศลดน้อยลงมากแล้ว หลังจากประเทศมหาอำนาจหลายประเทศงดออกวีซ่าและเริ่มเข้าใจการเคลื่อนไหวของประชาชนที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณมากขึ้น ทำให้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศเริ่มใช้ไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณยังเหลือพื้นที่การเคลื่อนไหวภายในประเทศ โดยใช้มวลชนคนเสื้อแดงสร้างความวุ่นวายและใช้ ส.ส.ในสภาสร้างความปั่นป่วน ขัดขวางการบริหารประเทศของรัฐบาล

“เขาเหลือกองกำลังที่สวามิภักดิ์กองกำลังเดียว คือ กองกำลังจัดตั้งในประเทศทั้งภาคส่วนในชนบท และในสภา ที่ป่วนให้รัฐบาลทำงานใหญ่ๆ ไม่สำเร็จ มีการนับองค์ประชุมตลอดเวลา เป็นกลยุทธ์ให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ทำงานได้ยาก หลังจากนี้ยุทธวิธีปั่นป่วนภายในจะมีสูง”

นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์นี้ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ใช้คำว่า “เกมตะลุมบอน” โดยใช้ทฤษฎี “5 มี” คือ 1.มีทุน หลังจากประกาศว่าเงินจากการขายทีมฟุตบอลยังเหลืออยู่ 2.มีพรรคในสภา สร้างเกมปั่นป่วนได้ 3.มีเครือข่ายนอกสภา เป็นจุดแข็งที่สำแดงกำลังมาแล้วหลายครั้ง 4.มีกระบอกเสียง ดีทีวี เป็นตัวสร้างประเด็นข่าว และ 5.มีแนวร่วมสื่อมวลชนเอาประเด็นไปขยายความต่อ ทฤษฎี 5 มีนี้ ทำให้พลังหนุนของระบอบทักษิณในประเทศขยายวงไปจากเครือข่ายในชนบท ขยายจากสภาไปสู่นักวิชาการ เสริมสร้างจุดแข็งในต่างประเทศ จากการเคลื่อนไหวของนายใจล์ ใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่หนีคดีหมิ่นพระประมาทพระมหากษัตริย์ไปยังประเทศอังกฤษเรียบร้อยแล้ว

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า แถลงการณ์ “แดงสยาม” ที่นายใจประกาศเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นทัศนะอันตรายอย่างยิ่งต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 เป็นต้นมา แถลงการณ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 5 หน้า มีการยกเอาคำขวัญของการปฏิวัติฝรั่งเศส ปี 1789 ที่ล้มล้างระบอบราชาธิปไตยของพระเจ้าหลุยส์ มาไว้ในแถลงการณ์ อ้างว่าเป็นการต่อสู้เพื่อปลดแอกสังคมไทยแล้วจัดระเบียบใหม่ภายในประเทศ
แล้วยังยกตัวอย่างเชิงเหตุผลไว้ 9 ข้อ ซึ่งไม่สามารถอ่านออกอากาศได้ แต่มีการอ้างว่าเป็นแถลงการณ์ที่จะเป็นจุดร่วมในหมู่คนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตย และสรุปว่าศัตรูของประชาชนมีอะไรบ้าง แต่อ่านได้เพียงว่า 1.คุก 2.ศาล 3.ทหาร ส่วนอีกอันตนไม่กล้าอ่าน เพราะเป็นประโยคที่อันตรายต่อสถาบันหลักของชาติอย่างที่สุด ไม่มีอะไรที่เปิดเผยและอันตรายเท่านี้

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ระบอบทักษิณจะเดินเกมที่เรียกว่า 3 ทำลาย คือ 1.ป่วนภายในประเทศ ซึ่งสร้างได้ง่าย 2.ป่วนในสภา 3.สร้างความไม่มั่นใจ ป่วนในภาคประชาชนว่ารัฐบาลนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ทฤษฎียุ่งเหยิงนี้ ถูกกำหนดเป็นเป้าหมาย ส่วนกระบอกเสียงเรื่องสถาบันหลัก ถูกมอบให้นายใจ ขณะที่กระบอกเสียงที่จะทำลายภายในประเทศ จะผลัดเปลี่ยนกัน แต่ตัวยืนคือนายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ออกมาโวยวายเรื่องชิปปิ้งหมู

นายสมเกียรติกล่าวว่า นายใจจะอ้างว่าไม่ได้ศรัทธาระบอบทักษิณแค่ศรัทธาแนวคิดสังคมนิยมคงไม่ได้แล้ว เมื่อก่อนนี้อาจจะอ้างได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว เพราะนายใจไปขึ้นเวทีคนเสื้อแดงแล้ว ไปผูกโยงเวทีอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะการที่เขาแถลงการณ์แดงสยาม เมื่อวันที่ 9 ก.พ.สะท้อน 3 อย่าง คือ 1.นายใจ คือใคร เราไม่ต้องสงสัยแล้ว ไม่ใช่มาร์กซิสต์ที่เสนอทฤษฎีมาตลอด ไม่ใช่พรรคแนวร่วมประชาชน ไม่ใช่กลุ่มจุฬาสร้างสรรค์แล้ว 2.จุดหมายของนายใจคืออะไร ชัดเจนแล้ว 3.ร่วมมือกับใครก็ชัดเจน แล้วเราบอกได้ทันที 3 คำอธิบายนี้ ไม่มีใครปฏิเสธแล้ว และการที่นายใจหนีไปประเทศอังกฤษก็จะใช้จุดแข็งความเป็นนักวิชาการและการที่มีสัญชาติอังกฤษด้วย สร้างฐานให้กับระบอบทักษิณที่อังกฤษ หลังจากที่เสียพื้นที่จากการที่รัฐบาลอังกฤษระงับวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณไปก่อนหน้านี้

นายสมเกียรติระบุอีกว่า ในแถลงการณ์แดงสยาม มีการใช้คำว่า อภิสิทธิชน เช่นเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ตอนแถลงการณ์การตอบโต้ศาลที่ตัดสินคดีที่รัชดาฯ เมื่อเดือน ต.ค.51 และคำๆ นี้ก็ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงใช้มาตลอด ดังนั้นจึงไม่สงสัยเลยว่านายใจคือใคร กำลังร่วมมือกับใคร มีจุดหมายเดียวกันหรือไม่

ทั้งนี้ นับแต่มี “ปรากฏการณ์สนธิ” ออกมาขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณตั้งแต่ปี 2548 ฝ่ายระบอบทักษิณมีเป้าโจมตี 4 จุด คือ 1.สถาบันองคมนตี แล้วพูดเป็นนัยถึงสถาบันสูวาสุด ซึ่งเป็นจุดที่ 2 จุดที่ 3.โจมตีสถาบันตุลาการ 4.โจมตีกองทัพ สี่เสาหลักนี้ ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือสถาบันสูงสุด การทอนกำลังที่ดีที่สุดคือต้องการเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้น พอมีการเสนอให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นี้ พรรคประชาธิปัตย์จึงเสนอกฎหมายสวนไป 2-3 ฉบับ เพราะเรามองเห็นกระแสที่จะทำลาย 4 สถาบันหลัก เราจึงพยายามทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการจะให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่น ซึ่งเราต้องประกาศจุดยืน

นายสมเกียรติ กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการบางส่วนอ้างว่าหากปิดกั้นยิ่งจะทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันสูงสุดและทำให้ขบวนการเหล่านี้ลงสู่ใต้ดินว่า สังคมไทยมีการวิจารณ์ในเชิงทำลายมันสูงมาก หากเปิดให้วิจารณ์แล้วมีการซ่อนกระบวนการที่จะทำลายเข้าไป จะเป็นอันตรายมาก และต้องพิจารณาข้อเสนอของนักวิชาการเหล่านี้ พวกเขาจัดสถาบันเป็นปฏิปักษ์ เพราะฉะนั้นถ้าเปิดให้วิจารณ์จะไม่เกิดประโยชน์เลย เพราะเขาจะมุ่งที่จะลบออก หรือทำลายให้สิ้นซาก ตนจึงไม่เห็นประโยชน์ในการวิจารณ์เชิงทำลาย

นอกจากนี้ สมมติว่าเปิดให้วิจารณ์ได้ ขบวนการใต้ดินก็ไม่ได้หมดไป แต่ยังคงอยู่ แล้วถ้าเกิดมีการขึ้นคัตเอาต์เรื่องสถาบันเต็มไปหมด โดยอ้างว่านี่เป็นการวิจารณ์ เราจะทำอย่างไร มันเป็นไปได้หรือกับสังคมไทยที่มีประวัติศาสตร์อันยามนานสืบทอดกันมาในเรื่องพระราชสำนักกับพสกนิกรของพระองค์ ไม่ใช่ “ประชาชนของผม” แต่เป็นพสกนิกรของพระองค์ เพราะฉะนั้นตนไม่สงสัยเลยว่าทำไมศาลรัฐธรรมนูญจึงมีพิพากษายุบพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 50 โดยชี้เลยว่า 1. เป็นพรรคที่อันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 2.ทำลายความมั่นคงแห่งรัฐ และ 3.ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน คำตัดสินของศาลนี้มันชัดเจนแล้ว ไม่ต้องขยายความแล้ว

ด้าน นพ.บูรณัชย์ สมุทธรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นการหงายไพ่ให้เห็นชัดเจนว่า กลุ่มคนเสื้อแดง นปช. พรรคเพื่อไทย พวกบ้านเลขที่ 111 ดา ตอร์ปิโด จักรภพ เพ็ญแข ตลอดจนเครือข่ายนักวิชาการบางส่วนเป็นพวกเดียวกัน เป็นการสื่อไปถึงแนวร่วมว่า ยุทธวิธีเปิดเผยตัวตนแล้ว

ส่วนนายใจนั้นเมื่อใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับหกลุ่มที่สูญเสียอำนาจไป ความเป็นนักวิชาการก็จบลงแค่นั้น การเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองก็เริ่มขึ้น และขบวนการที่อยู่ใต้ดินกำลังดำเนินยุทธวิธีที่จะขึ้นมาอยู่บนดินมากขึ้น

นอกจากนี้ การที่คนสนใจในตัว พ.ต.ท.ทักษิณน้อยลง จึงต้องสร้างเรื่องราวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นข่าวการลอบสังหาร เรื่องบลับ 2 พันล้าน ซึ่งเป็นการเป็นการดึงสถาบันมาสู่ความขัดแย้ง เพราะงบดังกล่าวใช้ดำเนินการเพื่อปกป้องสถาบัน แต่พวกเขากลับอ้างว่าเพื่อทำลายคนเสื้อแดง

นพ.บูรณัชย์ กล่าวต่อว่า กรณีการปกป้องสถาบันนั้น มิตรประเทศมีความเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถาบัน เข้าใจเรื่องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เข้าใจในเรื่องประเพณีการโปรดเกล้าฯ และเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ เขาจะไม่ใช้บรรทัดฐานเดียวกันมาตัดสิน และไม่ปฏิเสธว่าเป็นสถาบันที่ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุนองเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า ช่วยให้ประเทศชาติไม่เกิดภาวะแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้สังคมไทยมีจุดยืดมั่นในเรื่องคุณธรรมมโนธรรมในตัวบุคคล ที่ไม่มีใครปฏิเสธ

นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานในประเทศเรา หรือให้มีเสรีภาพในการวิจารณ์แล้วทำให้เกิดความแตกแยกอย่างขนานใหญ่ ในสังคมมีการเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างรุนแรง มิตรประเทศต่างๆ ก็คงไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาระบอบทักษิณมีการอ้างถึงสถาบันอีก 3 สถาบันอย่างต่อเนื่อง คือ องคมนตรี ทหาร และตุลาการ โดยผ่านการนำเสนอบทความ การให้สัมภาษณ์ การโฟนอิน แถลงการณ์ การขึ้นปราศรัย รวมถึงใบปลิว เพราะสถาบันเหล่านี้ไม่เป็นเครื่องมือให้กับระบอบทักษิณ สิ่งที่ทำตอนนี้ คือการพยายามแทรกแซง พยายามทำให้รัฐบาลทำงานไมได้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของการทำให้รัฐสภาถึงทางตัน และมีการยุบสภา

นพ.บูรณัชย์ กล่าวต่อว่า คนพวกนี้ตั้งคำถามกับระบบนิติรัฐของประเทศเราขณะนี้มาตลอด ทั้งที่คนตั้งคำถามก็เคยอยู่ในช่วงที่นิติรัฐไม่มี คือใช้อำนาจโดยปราศจากความเป็นธรรมและเลือกปฏิบัติ แต่ก็เดินหน้ากระทำ เพื่อเดินหน้าไปสู่การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ถ้าใครจับตามอง หรือได้ศึกษา ก็คงพอเห็นแนวโน้ม เห็นวิธีการของคนพวกนี้






กำลังโหลดความคิดเห็น