เอเจนซี-จีนทวีความเข้มงวดในการอนุมัติวีซ่าเข้าประเทศประเภทธุรกิจ ซึ่งได้วางมาตรการคุมเข้มมาหนหนึ่งแล้ว เพื่อเป็นมาตรการระวังความปลอดภัยระหว่างช่วงโอลิมปิก เกมส์
จากการเปิดเผยของนายเฉิน อี่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานพาณิชย์สังกัดเทศบาลนครปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสฯ(24 ก.ค.) ระบุว่าทางการจะพักการออกจดหมายเชิญ ซึ่งเป็นเอกสารจำเป็นสำหรับการอนุมัติวีซ่านักธุรกิจไปจนถึงเดือนกันยายน หากวีซ่าที่ยื่นขอนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานหรือสัญญาธุรกิจใดๆ
“เราจะไม่รับเอกสารยื่นขอวีซ่าที่ระบุเป้าหมายเดินทางมาทำธุรกิจทั่วไปใดๆทั้งสิ้น อาทิ การเข้าร่วมประชุม การเยี่ยมตรวจโรงงาน และการเจรจาธุรกิจ เราจะเปิดรับเอกสารเหล่านี้อีกครั้ง หลังวันที่ 20 กันยายน” เฉินกล่าว พร้อมบอกว่าการปรับมาตรการเข้มงวดครั้งนี้ เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม
การเพิ่มข้อจำกัดอนุมัติวีซ่าครั้งนี้ พุ่งเป้ากีดกั้นกลุ่มเคลื่อนไหวต่างชาติ และชาวต่างชาติที่ไม่มีสัญญาว่าจ้างที่เหมาะสม แต่ก็ทำให้นักธุรกิจอื่นๆต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย
ปักกิ่งขยายการคุมเข้มครั้งนี้ ด้วยความกลัวประวัติศาสตร์คลื่นประท้วงซ้ำรอย เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการวิ่งคบเพลิงผ่านลอนดอน ปารีส และซานฟรานซิสโกเมื่อต้นปี และเป็นส่วนหนึ่งของการระดมปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยอย่างมโหฬาร เพื่อประกันโอลิมปิก เกมส์ที่ปลอดจากความวุ่นวาย
ขณะนี้ ตำรวจได้ติดตามกลุ่มที่มีแนวคิดแตกแยกจากรัฐบาล ล่าสุดได้ขยายเวลาการคุมขังนายตู้ เต้าปินในบ้านพัก ไปถึงวันที่ 4 สิงหาคม ด้วยโทษฐานวิพากษ์วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์ โดยการเขียนบทความเผยแพร่ในเว็บต่างชาติ และยังได้รับแขกระหว่างถูกคุมขังในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ กลุ่มแรงงานอพยพทั้งหมดที่เข้ามาทำงาน อาทิตามเขตก่อสร้างต่างๆก็ต้องกลับบ้านหมด
ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะเป็นสนามแข่งขันฟุตบอลในช่วงโอลิมปิกด้วยนั้น ก็มีการออกประกาศบนเว็บไซต์ของคณะกรรมการการค้าและความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ระบุว่าจะไม่สนับสนุนการออกวีซ่าให้แก่กลุ่มธุรกิจทั่วไป กลุ่มที่จะเข้ามาสำรวจการตลาด หรือการฝึกฝนใดๆไปจนกระทั่งกลางเดือนกันยายน สำหรับการเดินทางมาทำธุรกิจสำคัญๆก็จะยังได้รับการพิจารณาอยู่ แต่อาจตัดลดระยะเวลาที่สามารถอยู่ในประเทศ
แอนดริว เวิร์ค กรรมการผู้จัดการใหญ่แห่งหอการค้าแคนาดาในฮ่องกง บ่นว่าการเพิ่มข้อจำกัดวีซ่าธุรกิจครั้งล่าสุดนี้ จะกระทบต่อธุรกิจ “โอลิมปิกก็สำคัญ แต่ธุรกิจก็หยุดไม่ได้”
Juergen Weckhererlin นักธุรกิจชาวเยอรมนีในฮ่องกงชี้ว่า มาตรการเข้มงวดนี้ สร้างความเสียหายทางธุรกิจให้แก่หลายคน เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเดินทางไปเจรจาธุรกิจแบบตัวต่อตัวได้ ซึ่งเขาเอง ปกติต้องเดินทางไปดูงานที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าฝั่งแผ่นดินใหญ่ 4 ถึง 5 ครั้งต่อเดือน
“ผมเข้าใจพวกเขากลัวมาก แต่ผมมีบันทึกการอนุมัติวีซ่าที่ดีตลอดมา และไม่เคยทำผิด” Weckhererlin กล่าว
นอกจากนี้ เบรนดา ฟอสเตอร์ประธานหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ ครวญผ่านอีเมล์ การจำกัดการออกจดหมายเชิญมีผลกระทบต่อชุมชนธุรกิจอเมริกันเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าเท่าไหร่
กลุ่มบริษัททัวร์ในฮ่องกง ซึ่งเป็นประตูใหญ่เข้าสู่จีน ก็ได้เผยมาตั้งแต่ในเดือนเมษายนแล้วว่า แผนกอนุมัติวีซ่าได้ประกาศงดออกวีซ่าธุรกิจแบบเข้าออกหลายครั้ง ตั้งแต่กลางเดือนเมษายนไปถึงกลางเดือนตุลาคม
ขณะเดียวกันทั้งกลุ่มหอการค้าอเมริกันและยุโรปในฮ่องกง ก็ได้ส่งจดหมายด่วนร้องเรียนไปยังรัฐบาลจีน แสดงความวิตกผลกระทบต่อธุรกิจ.