ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “ใจ อึ๊งภากรณ์” ไม่กล้าสู้คดีหมิ่นฯ เดินตามรอย “ทักษิณ” หนีไปกบดานที่อังกฤษ อ้างกลัวถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม แถมให้ร้ายประเทศ-กระบวนการยุติธรรม-สถาบันเบื้องสูง ให้สัมภาษณ์สื่อเมืองผู้ดีหวังเพิ่มแรงกดดันล้ม ม.112
วานนี้ (9 ก.พ.) หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษ โดยผู้สื่อข่าวนาม ดันแคน แคมป์เบลล์ ได้รายงานข่าวระบุว่า นายใจลล์ ใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือพาสปอร์ตทั้งไทยและอังกฤษได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปถึงประเทศอังกฤษ เพื่อหลบเลี่ยงการถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งกฎหมายดังกล่าวระบุว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”
นายใจลล์ วัย 54 ปี ได้เดินทางถึงประเทศอังกฤษในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเมื่อวันที่ 20 ม.ค.เขาเพิ่งเดินทางไปที่ สน.ปทุมวัน เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน และ พ.ต.ท.อุดม เปี่ยมศักดิ์ รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน จากการถูกออกหมายเรียกในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 กรณีเขียนหนังสือเรื่อง A Coup for the Rich โดยเมื่อเดินทางถึงอังกฤษเขาได้ให้สัมภาษณ์โจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยว่า
“ผมไม่คิดว่าคดีของผมจะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม” นายใจลล์ ผู้ซึ่งมีมารดาเป็นชาวอังกฤษและถือสองสัญชาติ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเดอะการ์เดียน พร้อมระบุว่า ปมของการดำเนินคดีนั้นเกิดจากการตีความว่าเนื้อหาในย่อหน้าที่ 8 ในบทแรกของหนังสือของเขานั้นดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“ชัดเจนว่าการดำเนินคดีนี้มีเป้าประสงค์ที่จะไม่ให้เกิดการถกเถียงใดๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคณะทหารที่ทำการปฏิวัติ และราชวงศ์” บุตรชายคนเล็กของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ กล่าว พร้อมกับให้ร้ายทหารและสถาบันเบื้องสูงของไทย โดยระบุว่าสภาพการณ์ในเมืองไทยนั้นผู้คนกำลังตกอยู่ในสภาวะแห่งความหวาดกลัว (Climate of Fear)
ทั้งนี้ หลังจากเดินทางเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา นายใจลล์ก็ได้ร่วมสัมมนาและขึ้นไปปราศรัยกับบรรดาคนเสื้อแดง และแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลายครั้งโดยประกาศจุดยืนว่าการเลือกยืนข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คนเสื้อแดงนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง นอกจากนี้ นายใจลล์ยังถือเป็นแกนนำคนสำคัญในการรณรงค์ล่ารายชื่อชาวไทยและชาวต่างประเทศเพื่อให้มีการยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกด้วย
ในตอนท้ายของรายงานข่าวชิ้นดังกล่าวยังอ้างอิงด้วยว่า นายใจลล์ถือเป็นนักเขียนคนที่สองของนิตยสารนิว สเตทส์แมน (The New Statesman; นิตยสารการเมืองหัวเอียงซ้ายของอังกฤษ) ที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย ต่อจากนายแฮรี นิโคลายส์ นักเขียนชาวออสเตรเลีย ที่ถูกศาลไทยตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี จากกรณีเดียวกัน เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับ นายใจลล์ ใจ อึ๊งภากรณ์ เป็นบุตรชายคนเล็กของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มีพี่ชายสองคน คือ นายจอน อึ๊งภากรณ์ และนายไมตรี อึ๊งภากรณ์ ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ในแวดวงวิชาการเป็นที่ทราบกันว่านายใจเป็นผู้ที่นิยมชมชอบแนวคิดของลัทธิมาร์กซิสม์ ขณะที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เขียนบทความหลายชิ้นโจมตีการรัฐประหาร โดยเมื่อเดือน มิ.ย.2551 ก็เพิ่งเขียนบทความเรื่อง “เขาพระวิหารเป็นของเขมร” ลงในเว็บไซต์ประชาไท พร้อมกับลงชื่อในตอนท้ายของบทความชิ้นดังกล่าวด้วยว่า “ใจ อึ๊งภากรณ์ (ผมไม่ใช่ “คนไทย” ภูมิใจเป็นจีนปนอังกฤษ)”
อนึ่ง การกระทำของนายใจลล์ครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า คล้ายคลึงกับกรณีที่ช่วงเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร พร้อมครอบครัวหลบหนีคดีอาญาและคอร์รัปชันไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แทนที่จะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อมารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปประเทศอังกฤษของนายใจลล์ครั้งนี้อาจเป็นการเดินทางไปชั่วคราวก็ได้เพราะนายใจลล์นั้นเป็นบุคคลสองสัญชาติ