วันนี้ขอย้อนไปพูดถึงการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงของคนเสื้อแดง – ที่นายจักรภพ เพ็ญแขประกาศสถาปนาเป็น “สถาบันคนเสื้อแดง” – เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2552 เพราะหลายท่านอาจจะขาดตกบกพร่องในรายละเอียดไป มาช่วยกันเติมเต็ม เพราะปมประเด็นวิวาทะเรื่องใครอยากเป็นประธานาธิบดีหรือไม่นั้นจำเป็นต้องมีรายละเอียดเหล่านี้ประกอบวิจารณญาณ
นสพ.ไทยโพสต์ฉบับวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 รายงานข่าวไว้ละเอียดกว่าฉบับอื่นภายใต้คำพาดหัวตัวใหญ่ที่หน้า 1 ว่า...
“เปลี่ยนประเทศไทย”
“จักรภพเหิมป้อนข้อมูลเสื้อแดง / ดึงลูกป๋วยร่วมเขย่าศักดินาซอรัส”
นายจักรภพ เพ็ญแขขึ้นปราศรัยว่า ไม่มีการต่อสู้ครั้งไหนเหมือนครั้งนี้ เพราะครั้งนี้เป็นศึกชิงบ้านชิงเมืองคืน เราต้องแดงทั้งแผ่นดิน แดงแค่ กทม.ไม่พอ สงขลาหรือขอนแก่นก็ไม่พอ ต้องแดงทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย ขอบคุณรัฐบาลที่สั่งให้ตั้งด่าน เพราะยิ่งตั้งด่านกูยิ่งมา ใครยังหลงละเมอว่าคนไทยถูกครอบงำด้วยความกลัว คนนั้นยังตาบอดสนิท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเวลานั้น ผู้ร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งก็ตะโกนร้องออกมา ไอ้บอด ไอ้บอด อยู่เป็นระยะๆ
เขาย้ำถึงเรื่องการจัดตั้งสถาบันคนเสื้อแดง ที่มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยใหม่
จากนั้น ก็ได้แนะนำนายใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ต้องหาคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถือเป็นครั้งแรกที่ลูกดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์คนนี้ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นคนเสื้อแดง
นายใจ อึ๊งภากรณ์ปราศรัยสร้างความชัดเจนว่าเขาให้การสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเกียรติที่ได้มาร่วมขบวนกับคนเสื้อแดง โดยยกคำอมตะเรื่องประชาธิปไตยจากของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นว่าประชาธิปไตยต้องมาจากประชาชน เพื่อประชาชน แต่ประเทศไทยตอนนี้เป็นระบบอภิสิทธิ์ เพื่ออภิสิทธิชน เราต้องช่วยกันฟื้นการเมืองภาคประชาชน เราจะต้องชนะ เพื่อต่อยอดนโยบายพรรคไทยรักไทย สร้างรัฐสวัสดิการ เก็บภาษีคนรวย ให้คนไทยเป็นพลเมืองที่มีศักดิ์ศรี
ตอนท้าย นายจักรภพ เพ็ญแขอ่านบทกลอนมีบางท่อนระบุว่าประชาชนไม่ใช่ผู้อาศัย บางท่อนบอกว่า เอาอภิสิทธิ์อภิสัตย์รับใช้ใต้บาทา มันระบอบอะไร เอาไอ้บ้ามาขึ้นครองรับของโจร ปล้นประชาธิปไตยในแผ่นดิน แดงทั้งแผ่นดินจะบินยาว
จากนั้นโฆษกบนเวทีให้ผู้ชุมนุมร่วมโห่ร้องพร้อมกันก่อนจะบอกว่า แต่นี้ก็ได้ยินไปทั้งแผ่นดินแผ่นฟ้าแล้ว
ในบริเวณที่ชุมนุมมีเต็นท์จัดกิจกรรมปาไข่ ใส่รูปถ่ายใบหน้าบุคคล 7 คน คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายกษิต ภิรมย์, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส่วนอีก 2 ภาพเป็นภาพที่เขียนประกอบว่า แม่นาค และผัวแม่นาค
นอกจากนั้นยังมีเต็นท์ให้ลงชื่อถวายฎีกา ขอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของนายใจ อึ๊งภากรณ์ โดยในเต็นท์มีการ์ตูนล้อการเมืองเป็นรูปไดโนเสาร์ มีข้อความว่าศักดินาซอรัส
ฯลฯ
ลำพังมี 1 จ. - จักกรภพ เพ็ญแขคนเดียว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้วกับการแก้ข้อกล่าวหาสำคัญ
นี่มาเพิ่ม จ.ที่ 2 - ใจ อึ๊งภากรณ์เข้าไปอีกคน!
ผมเชื่อว่าที่จ.จักรภพฯ ดึงจ.ใจฯ มาขึ้นเวที ก็เป็นไปตามยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศของเขา เน้นการเปิดโปงสิ่งที่เขาเรียกว่าระบอบศักดินา-อมาตยาธิปไตย เผด็จการทหารจำแลงต่อสากลโลก โดยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นหัวหอก เขาและทีมงานเป็นตัวขับเคลื่อน
นายใจ อึ๊งภากรณ์เป็นคนมีต้นทุนทางสังคมสูง โดยเฉพาะในกรณีต้องข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 - ที่นายจักรภพ เพ็ญแขเองก็โดนอยู่ด้วย - ไม่ใช่เพราะความเป็นนักวิชาการ นักประชาธิปไตย หรือลูกดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ แต่เพราะอะไรรู้มั้ยครับ
เพราะนายใจ อึ๊งภากรณ์ถือพาสปอร์ตอังกฤษด้วย
อังกฤษจึงให้ความสำคัญ สอบถามเรื่องนี้มายังรัฐบาลไทยอย่างขึงขังจริงจังเพื่อขอความเป็นธรรมตามมาตรฐานสากล
การพ่วงประเด็นรณรงค์ให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้ามาเป็นครั้งแรกในม็อบคนเสื้อแดงวันนั้น นายจักรภพ เพ็ญแข และแกนนำคนเสื้อแดงอีก 5 คนที่ต้องคดีนี้เหมือนกัน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายสุชาติ นาคบางไทร, นายชูชีพ ชีวสุทธิ์, นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง และน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล (ดา ตอร์ปิโด) น่ะได้ประโยชน์กันไปเต็มๆ เพราะเท่ากับได้แนวร่วมคนสำคัญเพิ่มเข้ามา แนวร่วมคนนี้ยังมีตัวพ่วงเป็นขบวนรณรงค์จากนักวิชาการซ้ายเก่าซ้ายใหม่อีกกว่า 100 คนที่เซ็นชื่อรณรงค์เรื่องนี้ด้วย
แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้อะไรบ้าง?
ก่อนหน้านี้ อุตส่าห์เอานักการเมืองอนุรักษนิยมขวาจัดอย่างนายสมัคร สุนทรเวชมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และเป็นนายกรัฐมนตรี - แทนที่จะเป็นพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธที่อาสารับทำให้ - ก็เพื่อลดจุดอ่อนใหญ่ที่ถูกตั้งข้อสงสัยตั้งแต่วันออกมาพูดจากำกวมเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนมิถุนายน 2549
แต่วันนี้กลับปล่อยให้คนทัศนคติอันตรายดึงคนทัศนคติโตตรอันตรายเข้ามาร่วมขบวนยกหางตนเอง
ก็ต้องดูกันต่อไปว่า 2 จ. จะพาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไปสู่ชัยชนะในเร็ววัน หรือจะพาไปต่อสู้ต่อในนรกหรือบนสวรรค์
ในหลายปัจจัยที่จะเป็นคำตอบ ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยต้องถามนายตำรวจ 2 คนที่เพิ่งจะได้ย้ายไปคุมพื้นที่ใหม่ที่ภาคเหนือ
ส. 1 – พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ว่าที่ ผบช.ภ. 5
ส. 2 – พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ว่าที่ ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่
การโยกย้ายตำรวจครั้งนี้ไม่ใช่โยกย้ายใหญ่ แต่มีตำแหน่งที่มีนัยสำคัญพอสมควร ขอยกมาเฉพาะ “2 ส.” หรือ “2 สม” คู่นี้ที่คนในยุทธจักรได้ยินชื่อแล้วหนาว เพราะเป็นคนจริง ตำรวจจริง มีฝีมือพิสูจน์ให้เห็นในทุกรูปแบบมาแล้ว
จับตาดูข่าว 2 จ. และ 2 ส. และปริมณฑลโดยรอบให้ดีเถอะครับ!
นสพ.ไทยโพสต์ฉบับวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 รายงานข่าวไว้ละเอียดกว่าฉบับอื่นภายใต้คำพาดหัวตัวใหญ่ที่หน้า 1 ว่า...
“เปลี่ยนประเทศไทย”
“จักรภพเหิมป้อนข้อมูลเสื้อแดง / ดึงลูกป๋วยร่วมเขย่าศักดินาซอรัส”
นายจักรภพ เพ็ญแขขึ้นปราศรัยว่า ไม่มีการต่อสู้ครั้งไหนเหมือนครั้งนี้ เพราะครั้งนี้เป็นศึกชิงบ้านชิงเมืองคืน เราต้องแดงทั้งแผ่นดิน แดงแค่ กทม.ไม่พอ สงขลาหรือขอนแก่นก็ไม่พอ ต้องแดงทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย ขอบคุณรัฐบาลที่สั่งให้ตั้งด่าน เพราะยิ่งตั้งด่านกูยิ่งมา ใครยังหลงละเมอว่าคนไทยถูกครอบงำด้วยความกลัว คนนั้นยังตาบอดสนิท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเวลานั้น ผู้ร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งก็ตะโกนร้องออกมา ไอ้บอด ไอ้บอด อยู่เป็นระยะๆ
เขาย้ำถึงเรื่องการจัดตั้งสถาบันคนเสื้อแดง ที่มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยใหม่
จากนั้น ก็ได้แนะนำนายใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ต้องหาคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถือเป็นครั้งแรกที่ลูกดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์คนนี้ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นคนเสื้อแดง
นายใจ อึ๊งภากรณ์ปราศรัยสร้างความชัดเจนว่าเขาให้การสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเกียรติที่ได้มาร่วมขบวนกับคนเสื้อแดง โดยยกคำอมตะเรื่องประชาธิปไตยจากของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นว่าประชาธิปไตยต้องมาจากประชาชน เพื่อประชาชน แต่ประเทศไทยตอนนี้เป็นระบบอภิสิทธิ์ เพื่ออภิสิทธิชน เราต้องช่วยกันฟื้นการเมืองภาคประชาชน เราจะต้องชนะ เพื่อต่อยอดนโยบายพรรคไทยรักไทย สร้างรัฐสวัสดิการ เก็บภาษีคนรวย ให้คนไทยเป็นพลเมืองที่มีศักดิ์ศรี
ตอนท้าย นายจักรภพ เพ็ญแขอ่านบทกลอนมีบางท่อนระบุว่าประชาชนไม่ใช่ผู้อาศัย บางท่อนบอกว่า เอาอภิสิทธิ์อภิสัตย์รับใช้ใต้บาทา มันระบอบอะไร เอาไอ้บ้ามาขึ้นครองรับของโจร ปล้นประชาธิปไตยในแผ่นดิน แดงทั้งแผ่นดินจะบินยาว
จากนั้นโฆษกบนเวทีให้ผู้ชุมนุมร่วมโห่ร้องพร้อมกันก่อนจะบอกว่า แต่นี้ก็ได้ยินไปทั้งแผ่นดินแผ่นฟ้าแล้ว
ในบริเวณที่ชุมนุมมีเต็นท์จัดกิจกรรมปาไข่ ใส่รูปถ่ายใบหน้าบุคคล 7 คน คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายกษิต ภิรมย์, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส่วนอีก 2 ภาพเป็นภาพที่เขียนประกอบว่า แม่นาค และผัวแม่นาค
นอกจากนั้นยังมีเต็นท์ให้ลงชื่อถวายฎีกา ขอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของนายใจ อึ๊งภากรณ์ โดยในเต็นท์มีการ์ตูนล้อการเมืองเป็นรูปไดโนเสาร์ มีข้อความว่าศักดินาซอรัส
ฯลฯ
ลำพังมี 1 จ. - จักกรภพ เพ็ญแขคนเดียว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้วกับการแก้ข้อกล่าวหาสำคัญ
นี่มาเพิ่ม จ.ที่ 2 - ใจ อึ๊งภากรณ์เข้าไปอีกคน!
ผมเชื่อว่าที่จ.จักรภพฯ ดึงจ.ใจฯ มาขึ้นเวที ก็เป็นไปตามยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศของเขา เน้นการเปิดโปงสิ่งที่เขาเรียกว่าระบอบศักดินา-อมาตยาธิปไตย เผด็จการทหารจำแลงต่อสากลโลก โดยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นหัวหอก เขาและทีมงานเป็นตัวขับเคลื่อน
นายใจ อึ๊งภากรณ์เป็นคนมีต้นทุนทางสังคมสูง โดยเฉพาะในกรณีต้องข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 - ที่นายจักรภพ เพ็ญแขเองก็โดนอยู่ด้วย - ไม่ใช่เพราะความเป็นนักวิชาการ นักประชาธิปไตย หรือลูกดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ แต่เพราะอะไรรู้มั้ยครับ
เพราะนายใจ อึ๊งภากรณ์ถือพาสปอร์ตอังกฤษด้วย
อังกฤษจึงให้ความสำคัญ สอบถามเรื่องนี้มายังรัฐบาลไทยอย่างขึงขังจริงจังเพื่อขอความเป็นธรรมตามมาตรฐานสากล
การพ่วงประเด็นรณรงค์ให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้ามาเป็นครั้งแรกในม็อบคนเสื้อแดงวันนั้น นายจักรภพ เพ็ญแข และแกนนำคนเสื้อแดงอีก 5 คนที่ต้องคดีนี้เหมือนกัน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายสุชาติ นาคบางไทร, นายชูชีพ ชีวสุทธิ์, นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง และน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล (ดา ตอร์ปิโด) น่ะได้ประโยชน์กันไปเต็มๆ เพราะเท่ากับได้แนวร่วมคนสำคัญเพิ่มเข้ามา แนวร่วมคนนี้ยังมีตัวพ่วงเป็นขบวนรณรงค์จากนักวิชาการซ้ายเก่าซ้ายใหม่อีกกว่า 100 คนที่เซ็นชื่อรณรงค์เรื่องนี้ด้วย
แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้อะไรบ้าง?
ก่อนหน้านี้ อุตส่าห์เอานักการเมืองอนุรักษนิยมขวาจัดอย่างนายสมัคร สุนทรเวชมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และเป็นนายกรัฐมนตรี - แทนที่จะเป็นพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธที่อาสารับทำให้ - ก็เพื่อลดจุดอ่อนใหญ่ที่ถูกตั้งข้อสงสัยตั้งแต่วันออกมาพูดจากำกวมเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนมิถุนายน 2549
แต่วันนี้กลับปล่อยให้คนทัศนคติอันตรายดึงคนทัศนคติโตตรอันตรายเข้ามาร่วมขบวนยกหางตนเอง
ก็ต้องดูกันต่อไปว่า 2 จ. จะพาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไปสู่ชัยชนะในเร็ววัน หรือจะพาไปต่อสู้ต่อในนรกหรือบนสวรรค์
ในหลายปัจจัยที่จะเป็นคำตอบ ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยต้องถามนายตำรวจ 2 คนที่เพิ่งจะได้ย้ายไปคุมพื้นที่ใหม่ที่ภาคเหนือ
ส. 1 – พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ว่าที่ ผบช.ภ. 5
ส. 2 – พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ว่าที่ ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่
การโยกย้ายตำรวจครั้งนี้ไม่ใช่โยกย้ายใหญ่ แต่มีตำแหน่งที่มีนัยสำคัญพอสมควร ขอยกมาเฉพาะ “2 ส.” หรือ “2 สม” คู่นี้ที่คนในยุทธจักรได้ยินชื่อแล้วหนาว เพราะเป็นคนจริง ตำรวจจริง มีฝีมือพิสูจน์ให้เห็นในทุกรูปแบบมาแล้ว
จับตาดูข่าว 2 จ. และ 2 ส. และปริมณฑลโดยรอบให้ดีเถอะครับ!