“อภิสิทธิ์” ย้ำชัดสถานะ “โรฮิงยา” แค่พวกหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่ผู้อพยพ ชี้อย่ากดดันให้เปลี่ยนสถานะ หวั่นเกิดปัญหามวลชนในพื้นที่ขัดแย้งจนกลายเป็นเรื่องอันตราย รับภาพไทยยังติดลบจากนานาชาติ เหตุสื่อมัวแต่ซักโรฮิงยาที่อินโดฯ ไม่ได้มาดูในไทย ขู่ต้องเร่งจัดการขบวนการค้ามนุษย์ภายในก่อน
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการหารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาชาวโรฮิงยา ระหว่างนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กับทางยูเอ็นเอชซีอาร์ว่า เรื่องนี้ทำงานกันอยู่ ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติก็ได้มีการหารือกันเรื่องนี้เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา และในแง่ของความพยายามชี้แจงกับฝ่ายต่างๆ ก็ยังทำกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนขององค์กรเอกชน รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และสื่อมวลชนต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่เวลานี้ก็ยังมีภาพหลุดออกมาตลอดเวลาในทางลบเรื่องของโรฮิงยาที่เข้าในประเทศไทยจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนของรายงานทางลบก็มาจากการไปสัมภาษณ์กลุ่มคนเหล่านี้ที่อาจจะไปอยู่ที่อินโดนีเซีย อินเดีย หรือที่อื่นๆ อันนี้เราก็คงทำอะไรได้ยาก แต่เราก็ต้องให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจว่าข้อเท็จจริงก็ต้องฟังความหลายๆ ด้าน และให้มองเห็นท่าที และนโยบายของรัฐบาลในขณะนี้ ซึ่งพร้อมจะให้หน่วยงานอื่นๆ มาช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งถ้าเรามีเจตนาที่จะปฏิบัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนอะไร เราคงไม่มีท่าทีอย่างนี้ ซึ่งทางยูเอ็นเอชซีอาร์เข้ามาได้มีการพบปะกับกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศก็เดินหน้าแก้ไขปัญหา รมว.ต่างประเทศ ตอนที่ไปสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้อยู่ต่อเพื่อที่จะไปเจนีวา เพื่อจะทำเรื่องนี้ด้วย
ต่อข้อถามว่า นายกฯ เห็นด้วยหรือไม่ที่จะมีการตั้งค่ายผู้อพยพโรฮิงยาที่จังหวัดระนอง นายกฯ กล่าวว่า เขาไม่ใช่ผู้อพยพ แต่เป็นคนหลบหนีเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย เราก็ควรปฏิบัติเหมือนกับคนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายทั่วไป คือการผลักดันออกนอกประเทศ ตนยืนยันตรงนี้ว่า จะไม่มีการเปลี่ยนสถานะคนเหล่านี้แน่นอน คนเหล่านี้คือคนที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และเราก็จะแก้ปัญหา ในส่วนของเราอย่างที่ตอนนี้ก็คือ ต้องเร่งปราบปรามคนของเราที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องขบวนการนี้ และในส่วนของต่างประเทศก็ใช้ให้เป็นความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อแก้ปัญหาให้เห็นชัดเจนว่า ไม่ใช่ปัญหาที่เริ่มต้นจากเรา และไม่ควรจะเป็นปัญหาของเรา
เมื่อถามว่า ในส่วนของยูเอ็นเอชซีอาร์จะร่วมมือในระดับใด เพราะส่วนใหญ่เขาก็จะมาชี้นิ้วสั่งเรา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างการพบกันครั้งสุดท้าย พอมาพบกับกระทรวงการต่างประเทศ เราก็พูดถึงกรอบการทำงานชัดเจน โดยเฉพาะนโยบายของเราที่จะไม่มีการที่จะเปลี่ยนสถานะคนเหล่านี้แน่นอน ถ้าเขายอมรับได้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย อยากจะมาช่วยบริหารจัดการไม่ให้เกิดปัญหาความตรึงเครียด ทำให้นำไปสู่การละเมิดสิทธิก็เข้ามาช่วยกันทำงาน
เมื่อถามว่าจะมีการทำความเข้าใจประชาชนในพื้นที่หรือไม่ เพราะเขากังวลว่าจะมีการตั้งศูนย์อพยพ จนเกิดการต่อต้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้ยืนยันแล้ว และได้เตือนกลุ่มคนที่พยามยามมากดดันให้ไทยเปลี่ยนนโยบายเป็นอย่างอื่นว่า ที่สุดจะยิ่งทำให้เกิดปัญหา เพราะจะทำให้เกิดเป็นความขัดแย้งของประชาชน กับคนที่เข้ามา ซึ่งจะอันตรายที่สุดถึงตอนนั้นจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามไป และยิ่งไปควบคุมปัญหาการละเมิดสิทธิ หรือการทำอะไรที่ไม่เหมาะสมได้ยาก เพราะฉะนั้นต้องยืนยันว่า ขณะนี้เราต้องมีขบวนการส่งคนเหล่านี้กลับออกไป เพียงแต่ว่าการรับเข้ามา การดำเนินการและการส่งกลับออกไปก็ทำบนมาตรฐานที่สากลยอมรับ