“กมธ.ความมั่นคงสภา” อ้างปากคำ “โรฮิงยา” ชี้ชัดทหารไทยไม่ทำร้าย เชื่อ เกมการเมืองป่วนอยู่เบื้องหลังถล่มรัฐบาล เรียกร้อง “UNHCR-OIC” ผนึกกำลังช่วย ขณะที่เจ้าตัวมาเอง แฉแหลก “ทหารหม่อง” สุดโหด กดขี่ทุกทาง แถมจับขังคุก บังคับใช้แรงงานจนอดข้าว วอนหากไทยผลักดันออกประเทศ จะไปที่ไหนก็ได้ในโลกที่ไม่ใช่พม่า
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการความมั่นคง สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายเจะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้เชิญตัวแทน 4 หน่วยงานประกอบด้วย สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย ศูนย์รักษาความปลอดภัย(ศรภ.) แม่ทัพภาค 4 มาร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาชนกลุ่มน้อยโรฮิงยา ที่หลบหนีเข้ามายังบริเวณพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ กมธ.ยังได้เชิญตัวแทนชาวโรฮิงยามา 2 คน มาร่วมประชุม ประกอบด้วย นายนูร อิสลาม ประธานสมาคมสิทธิมนุษยชนโรฮิงยา และ นายมูฮัมเหม็ด นอร์ซิม เลขาธิการสมาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.และตัวแทนหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งชาวโรฮิงยา ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่า ควรจะให้องค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) และองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) เข้ามาแก้ปัญหาไม่ควรปล่อยให้ไทยรับมือเพียงลำพัง นอกจากนี้ ตัวแทนหน่วยราชการ ยังระบุว่า ปัญหาผู้ลี้ภัยที่ทะลักเข้ามาตามแนวชายแดนไทยนั้น ที่เรื้อรังมายาวนาน เพราะรัฐไทยไม่มีนโยบายในการจัดการที่ชัดเจน
พ.อ.มนัส คงแป้น ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ชี้แจงว่า ขณะนี้ชาวระนองได้ออกมาต่อต้านการตั้งศูนย์ผู้อพยพชาวโรฮิงยาของยูเอ็นเอสซีอาร์ (UNSCR) อย่างกว้างขวาง ซึ่งเรามองว่า หากมีการตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้น ก็จะได้ทั้งเงินและหน้าขององค์กรระหว่างประเทศ แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นกับไทยมากมาย ถ้าไทยเปิดศูนย์จะมีผู้อพยพเข้ามาเป็นแสน ทั้งที่การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ไม่ใช่ต้นตอที่แท้จริงของปัญหา
นายเจะอามิง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ จ.ระนอง และได้สอบถามชาวโรฮิงยาโดยตรง ทราบว่า บาดแผลตามร่างกายนั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำของทหารไทย แต่เป็นฝีมือของทหารพม่า แต่ภาพถ่ายที่สื่อต่างประเทศนำเสนอนั้น เป็นภาพเก่าเมื่อปีที่แล้ว รวมทั้งภาพข่าวที่ออกทางซีเอ็นเอ็นนั้น ไปออกที่ต่างประเทศทั้งๆ ที่ในประเทศไทยก็มีนักข่าวซีเอ็นเอ็น ตนจึงเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ กมธ.เรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีอาร์ เข้ามาดูแลปัญหานี้อย่างใกล้ชิด โดยทำการสำรวจในพม่า ว่า ชาวโรฮิงยามีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร และเรียกร้องให้โอไอซี เข้ามามีบทบาทในการแก้ปญหาด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน นายพีรยศ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ แย้งว่า องค์กรระหว่างประเทศนั้น ต้องมองทั้งในแง่ดีและไม่ดี ที่ผ่านมา ประเทศด้อยพัฒนามักตกเป็นเหยื่อ เพราะประเทศมหาอำนาจ เช่น อังกฤษ ซึ่งเป็นที่การละเมิดสิทธิมนุษยชน มีการค้ามนุษย์ เป็นประเทศแรกๆ ของโลก แล้วโยนเศษเงินให้องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อให้จัดการเรื่องสิทธิมนุษยชนกับประเทศด้อยพัฒนา ทำให้ประเทศเล็กๆ ต้องคอยแต่จะแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิฯในประเทศตัวเอง จนเสียโอกาสพัฒนาประเทศ
นายนูร กล่าวว่า จากข่าวที่ทหารไทยจับกุมชาวโรฮิงยา แม้จะเป็นเรื่องดีที่ทำให้โลกได้รู้จักชาวโรฮิงยา แต่พวกเราไม่ต้องการให้ไทยเป็นจำเลยของโลก เพราะเบื้องหลังที่เป็นสาเหตุของการหลบหนีมาเมืองไทย คือ ความเป็นเผด็จการทหารของพม่า ปัญหาทั้งหมดพม่าเป็นคนสร้างร่วมกับอังกฤษที่แบ่งเราให้อยู่ในพม่า ทำให้เราลำบากจนถึงทุกวันนี้ อยู่ในพม่าแม้แต่บัตรประชาชนก็ไม่มี เรียนหนังสือไม่ได้ ไม่สามารถรักษาพยาบาล ทหารพม่าทารุณกรรมกับพวกเราทำให้พี่น้องเราตายไปเยอะ แม้แต่จะสร้างหรือซ่อมแซมสุเหร่าก็ทำไม่ได้
“ขณะนี้มีชาวโรฮิงยาในพม่า 2 ล้านคน อยู่นอกพม่าอีกประมาณ 3-4 ล้านคน ส่วนที่อยู่ในเมืองไทยที่มีบัตรแรงงานต่างด้าวประมาณ 1 หมื่นคน พวกเราที่อยู่เมืองไทยจะตายก็ตาย จะจับก็จับ จะส่งก็ส่ง แต่ขอให้ส่งไปที่ไหนก็ได้ในโลกที่ไม่ใช่พม่า เพราะทหารพม่าเห็นเราเป็นพวกอินเดีย จับเราขังคุก หรือไม่ก็บังคับให้ใช้แรงงานโดยไม่ได้เงิน ให้อาหาร 3-4 วันต่อครั้ง หลายคนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต อยากให้ทางยูเอ็นเข้ามาดูแลพวกเราให้ทั่วถึง ที่ผ่านมา เคยทำหนังสือถึงโอไอซี แต่ก็ไม่มีคำตอบให้เรา” นายนูร กล่าวทั้งน้ำตา