กมธ.ความมั่นคงสภาฯ เรียกร้องรัฐบาลเชิญ “ยูเอ็นเอชซีอาร์” เข้ามาดูแลปัญหาโรฮิงยาอพยพที่ประเทศต้นทาง จี้นำปัญหาถกประชุมร่วมอาเซียน เผยพบเบอร์โทรศัพท์เครือข่ายโรฮิงยาในตัวผู้อพยพโยงขบวนการค้ามนุษย์ ปัดถูกทหารไทยทำร้าย
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายเจะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคง สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า หลังที่คณะกรรมาธิการฯได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบกรณีกลุ่มผู้อพยพโรฮิงยาที่ จ.ระนอง เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจะสรุปปัญหาเพื่อเสนอต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้รัฐบาลนำปัญหาเข้าสู่การหารือร่วมกับการประชุมอาเซียน เพราะเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยเฉพาะจะต้องมีความร่วมมือกับรัฐบาลและเพื่อนบ้านทั้งประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถสกัดกั้นปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองได้
นายเจะอามิง กล่าวว่า รัฐบาลควรเรียกร้องให้ยูเอ็นเอชซีอาร์เข้ามาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้อพยพที่ต้นทาง คือ ประเทศพม่า โดยเฉพาเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมตามหลักสากล และกำหนดยุทธศาสตร์แผนปฏิบัติการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติอย่างชัดเจน รวมถึงให้รัฐบาลดำเนินการกับขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ซึ่งกรรมาธิการฯพบข้อมูลว่ามีเครือข่ายจริง มีความพยายามที่จะนำกลุ่มโรฮิงยาไปยังประเทศที่ 3 และบางกลุ่มอยู่ในประเทศไทยด้วย ซึ่งจากการลงพื้นที่ได้พบว่าในการตรวจค้นตัวผู้อพยพชาวโรฮิงยามีเบอร์โทรศัพท์ติดตามตัวและเสื้อผ้าหลายสิบคน จากการสืบค้นพบว่า เบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวเป็นชาวโรฮิงยาที่อพยพมาอยู่ในประเทศไทยก่อนหน้านี้แล้ว โดยอยู่ที่ จ.นครราชสีมา และจ.ระนอง แสดงให้เห็นว่าชาวโรฮิงยาที่หลบหนีมาประเทศไทยมีขบวนการค้ามนุษย์มาเกี่ยวข้องด้วย
นายเจะอามิง กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าทหารไทยทำร้ายผู้อพยพชาวโรฮิงยานั้น จากการสอบถามจากล่ามพบว่าไม่ได้ถูกทหารไทยทำร้าย แต่ถูกทำร้ายมาจากทหารที่ประเทศต้นทาง และชาวบ้าน หน่วยราชการในพื้นที่ได้ยืนยันว่าให้ความร่วมมือและดูแลเป็นอย่างดี โดยหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าหากผู้อพยพต้องการไปยังโลกที่ 3 ก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยซ่อมแซมเรือให้
