xs
xsm
sm
md
lg

คตส.ถูก ป.ป.ช.-อัยการ หยาม มั่วคดี “ซีทีเอ็กซ์” ตอกกลับ อสส.ต้นเหตุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สัมมนา กมธ.วุฒิฯ ฉะกันแหลก “ป.ป.ช.- อัยการ” หยาม “คตส.” มั่วคดี “ซีทีเอ็กซ์” “บรรเจิด” ฉุน ตอกกลับไม่ได้ทำคดีตามกระแส แต่ทำตามข้อเท็จจริง โวย อสส.เข้าไปเกี่ยวข้อง นั่งเป็นบอร์ด ทำให้คดีทับซ้อนเชิงระบบ พร้อมถามหาความเหมาะสม ที่ อสส.เข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เหน็บไม่รู้ว่าแบ่งเค้กกันไปแล้วหรือไม่ ฝาก รบ.ดูด้วย ขณะที่ ป.ป.ช.รับหน้าตาเฉยคดีอืด เหตุขาดข้อมูลเสาเรือน อ้างหลักฐานไม่ได้หาซื้อตามท้องตลาด ด้าน “ถาวร” ยัน รบ.ไม่เอาคนที่โดนกล่าวหามาเป็น บอร์ด ทอท.แน่

วันนี้ (2 ก.พ.) ที่อาคารรัฐสภา 2 คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง “อุปสรรคของ ป.ป.ช. : ศึกษากรณีซีทีเอ็กซ์ เดินหน้าหรือว่าละลายหาย” ซึ่งมี น.ส.รสนา โตสิตระกูล เป็นประธาน โดยการสัมมนาได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมสัมมนา โดยมี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช.นายบรรเจิด สิงคะเนติ อดีตกรรมการ คตส.และ นายคำนูณ สิทธิสมาน เป็นวิทยากรในการสัมมนา

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ซีทีเอ็กซ์เกิดจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯตรวจสอบคนของตัวเอง โดยเรื่องนี้ซับซ้อน หาใบเสร็จยาก แต่รัฐบาลสหรัฐฯก็พบว่า บริษัทของสหรัฐฯมีการบวกราคาเพิ่ม อย่างไรก็ดี สหรัฐฯก็เข้าใจดีเรื่องการทุจริต ว่า หาใบเสร็จยาก จึงมีการเจรจานอกรอบ ซึ่งบริษัทนั้นก็ยอมจ่ายค่าปรับ คนทั่วไปก็รู้ว่าโกง แต่ไม่มีหลักฐาน แต่ในคำฟ้องของทางการสหรัฐฯก็เขียนไว้ชัดว่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทย สำหรับในส่วนฝ่ายไทย เรื่องนี้อาจเรียกว่า เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ลักษณะทำเป็นนโยบายเร่งด่วน ทั้งนี้ การมีนโยบายเร่งด่วนไม่ใช่สิ่งผิด เพราะกรณีนี้ยิ่งทำสนามบินสุวรรณภูมิเสร็จเร็ว รายได้ก็จะเข้ามา แต่ที่มีปัญหา เพราะไปทำลัดขั้นตอน อ้างเร่งด่วนเพื่อเปิดให้มีการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ ไม่ได้เร่งด่วนให้สนามบินเสร็จเร็ว

นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีการอ้างเทคนิค ก็ทำให้เกิดการล็อกสเปก ซึ่งกรณีซีทีเอ็กซ์ ยังมีการซื้อมาเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ไม่จำเป็น เพราะโดยทั่วไป การตรวจระเบิด ใช้การตรวจเบื้องต้นด้วยเครื่องแบบอื่นได้ หากมีปัญหาจึงค่อยนำมาเข้าซีทีเอ็กซ์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีมากถึง 26 เครื่อง ส่วนการตรวจสอบในขณะนี้ คงต้องให้องค์กรอิสระที่ตรวจสอบอยู่ดำเนินการต่อไป รัฐบาลไปยุ่งไม่ได้ แต่สนามบินสุวรรณภูมิก็ต้องเดินหน้าต่อ ต้องมีการขยายต่อ แต่ก็จะไม่เร่งรัดเกินความจำเป็น และจะป้องกันไม่ให้มีการทุจริต ซึ่งจากปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น 2-3 ปี ตั้งแต่นี้ คงไม่ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจึงมีเวลาดำเนินการอย่างรัดกุม ส่วนดอนเมือง ยังจะต้องเป็นโลว์คอสต์แอร์พอร์ต โดยความปลอดภัยต้องเป็นอันดับหนึ่ง ความสะดวกเป็นอันดับสอง

นายถาวร กล่าวพร้อมกับนำเสนอรายงานชุด “กลยุทธ์การทุจริตซีทีเอ็กซ์ : บทเรียนและบทสรุป” โดยชี้ให้เห็นว่า กลิ่นของการทุจริตการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มต้นจากโครงการถมทรายสมัยรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อปี 2538 และจนวันถึงวันนี้ก็มีการทุจริตอยู่ทุกวัน ตนตรวจสอบอย่างไม่ไว้หน้า แม้แต่เพื่อนฝูงที่เป็นอัยการด้วยกัน เพราะหลักของตนคือแม้แต่พ่อกับแม่ก็ไม่เว้น ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้นำเอาบุคคลที่มีข้อกล่าวหาติดตัวมาเป็นบอร์ดการท่าฯนั้นยืนยันว่าไม่มีการทำเช่นนั้น และจะนำเรื่องนี้ให้ ครม.พิจารณา

ด้าน นายบรรเจิด สิงคเนติ อดีตกรรมการ คตส.กล่าวว่า คตส.มีมติกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกับพวก ในกรณีนี้ ซึ่งอัยการแจ้งข้อไม่สมบูรณ์มา 20 ประเด็น ทำให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันของทั้งสองฝ่าย แต่ด้วยความที่ คตส.หมดอายุ จึงโอนเรื่องให้ ป.ป.ช. ป.ป.ช.ก็ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการ ซึ่งอุปสรรคในการตรวจสอบ ในส่วนข้อกฎหมาย อาทิ 1.หนึ่งในข้อไม่สมบูรณ์ที่อัยการแจ้งมานั้น คือ เรื่อง อัยการไม่สามารถแยกฟ้องอัยการสูงสุดได้ เพราะอัยการสูงสุด เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องนี้ เมื่อครั้งเป็นรองอัยการสูงสุด โดยไปนั่งเป็นบอร์ด ทอท.

ถามว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบหรือไม่ 2.คณะทำงานร่วมดังกล่าว ดำเนินการไม่เสร็จภายใน 30 วัน โดยอ้างถึงการที่อัยการแจ้งข้อไม่สมบูรณ์มา 20 ประเด็น ถามว่า ใครจะรับผิดชอบความเสียหายที่ตามมา 3.กรณีอัยการสูงสุดที่ไปเกี่ยวข้อง คณะทำงานร่วมมีความเห็นอย่างไร เพราะรัฐต้องดำเนินการผ่านอัยการสูงสุด แต่อัยการสูงสุดไปเกี่ยวข้องด้วย จึงทับซ้อน ฐานของปัญหาส่วนหนึ่งคือการที่อัยการไปเป็นบอร์ดด้วย เป็นปัญหาความทับซ้อนเชิงระบบ เพราะองค์กลุ่มชี้มูล แต่ข้อต่อก่อนไปศาลกลับเป็นคนๆ เดียว คือ อัยการสูงสุด ฉะนั้น ต้องดูความเหมาะสมในการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจที่มีอัยการไปนั่งเป็นบอร์ดด้วย ไม่รู้ว่า แบ่งเค้กกันไปแล้วหรือไม่ ตรงนี้ขอฝากรัฐบาลด้วย รวมถึงคณะทำงานร่วมต้องชี้ออกมาเรื่องการแยกฟ้อง รวมถึง ขอบเขตของเรื่องที่จะสอบเพิ่มเติม มีเงื่อนเวลาอย่างไร

นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า อยากบอกว่า สาเหตุที่คดียังไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากคดีซีทีเอ็กซ์เป็นคดีของกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เป็นคดีสาธารณะ ซึ่งบทบาทของคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ในการวินิจฉัยหรือไต่สวนคดีเด็ดขาด และการรวบรวมหลักฐานนั้นไม่ได้ทำคดีใดเป็นพิเศษ อัยการสูงสูดจะสั่งหรือฟ้องคดีเดียวกันไม่ได้ คณะทำงานร่วมก็ไม่มีสิทธิไปวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ การฟ้องในคดีนี้เป็นการโยงไปยังนักการเมือง แต่ขณะนี้ประเด็นการพิจารณาในส่วนนักการเมืองยังไม่จบ จึงไม่สามารถวินิจฉัยได้

ดังนั้น ตนก็ไม่สนใจ เพราะหลักการเขาไม่ได้ให้เราวินิจฉัย ตนไม่สนใจไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ตราบใดที่ข้อเท็จจริงไม่สมบูรณ์ก็ยังไม่สามารถพิจารณาอะไรได้ ซึ่งวันนี้เป็นประเด็นข้อเท็จจริง 13 เรื่อง และเป็นข้อกฎหมายอีก 4 เรื่อง วันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะตัดสินใจ ตนจะไม่ยอมติดคุกแทนคนอื่น และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้ ข้อยืนยันว่า ตั้งแต่ตนเป็นอัยการมา 40 ปี ทำงานด้วยความารอบคอบ และคดีนี้ก็ทำด้วยความรอบคอบความรวดเร็วต้องคู่คุณธรรม ซึ่งหลักฐานไม่ได้หาได้ตามท้องตลาดแต่ตนจะรีบทำคดีนี้อย่างช้าๆ

“การจะสรุปเรื่องให้ได้เราต้องฟันธงว่าจะฟ้องใคร จะกล่าวหาใครต้องชัดเจนว่าเขาทำอะไรผิด ถ้าเราไม่สอบให้ตรงประเด็นเราจะวนไปวนมา ดังนั้น การวางรูปคดีเป็นเรื่องสำคัญ หลักการคือเขาทำอะไรผิดต้องชัดเจน โดยเฉพาะคดีนโยบายมันมองไม่ออก ต่างกับคดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น แต่กระบวนการเป็นกระสวยต่อเนื่อง เราต้องตัดต่อให้เห็นโครงสร้างว่าใครทำอะไรเพื่ออะไร ปัญหาของเรา คือ พยานที่รวบรวมมาได้เพียงพอจะพิสูจน์ความผิดหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายการสัมมนาบรรยากาศเป็นไปอย่างดุเดือดขึ้น เมื่อ น.ส.รสนา ลุกขึ้นถาม นายใจเด็ด ว่า สิ่งที่หายไปที่ทำให้คดีไม่คืบหน้านั้น อยู่ในระดับไหน เป็นสีทาบ้าน หลังคา หรือเสาเรือน นายใจเด็ด ตอบทันทีว่า “เสาเรือน” ทำให้ นายคำนูณ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า หากสิ่งที่หายไปเป็นถึง “เสาเรือน” เท่ากับว่า หยามการทำงานของ คตส.ขอให้ นายบรรเจิด ชี้แจง แต่ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด ซึ่งเข้าร่วมการสัมมนาด้วย ได้ขออภิปรายโดยกล่าวว่า ไม่ได้บอกว่า คตส.ทำบกพร่อง แต่ผลส้มมีหลายด้าน ต้องหมุนให้ครบทุกด้านต้องฟังครบทุกคน ต้องให้มีความชัดเจนว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาทำผิดหรือไม่ เสาหลักของเรื่องนี้ อีกประการ คือ หนังสือสัญญาซื้อขายของสหรัฐฯถามว่าทำไม คตส.ไม่เชื่อ หรือจะบอกว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯทุจริตด้วยก็สุดแล้วแต่ หรือกรณีวางถุงขนมใส่เงินไว้ที่ศาลเฉยๆ แล้วต้องเป็นความผิดทันทีได้หรือไม่ อัยการจะลงโทษตามกระแสไม่ได้ ถ้าความยุติธรรมเป็นไปตามกระแสเราไม่สามารถอยู่เป็นประเทศชาติได้

จากนั้น นายบรรเจิด ชี้แจงว่า ตนไม่สนใจว่าใครจะหยาม คตส.เพราะไม่เคยคิดทำตามกระแส ทำตามพื้นฐานข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ ที่ผ่านมา อัยการหลายคน กล่าวว่า คปค.30 ขัดรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อศาลวินิจฉัยออกมาไม่มีอัยการออกมาพูด การที่เรากล่าวหาหลายคน เพราะเชื่อมโยงมติ เมื่อเราเห็นว่ามติผิด แต่คนที่ออกมติไม่ผิดได้อย่างไร คตส.ไม่อาจจะที่กล่าวหาใครโดยปราศจากหลักฐานพฤติการณ์ เพราะเรายืนบนผลประโยชน์ของบ้นเมือง

ทางด้าน นายใจเด็ด กล่าวออกตัวว่า ต้องขออภัยด้วยหาก นายบรรเจิด คิดว่า การพูดของตนเป็นการหยาม เพราะในฐานะที่เป็นนักกฎหมายนั้น ข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายสามารถเห็นต่างกันได้ ตนไม่ได้หยาม คตส.ถือว่าท่านทำสุดฝีมือ ถ้าคิดว่าไม่ดีก็ต้องขออภัย
กำลังโหลดความคิดเห็น