ถึงไม่ใช่ตำแหน่งการเมือง ไม่มีเงินเดือน เพียงตั้งมาช่วยงาน อย่างที่นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ให้เหตุผล แต่ตำแหน่งใหม่ของนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ใครก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
“ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางทางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาค”
ดูแลทั้งการบิน สนามบิน การขนส่งทางอากาศ ทั้งระบบ เรียกว่าเป็นการคัมแบ็กสวยหรูอลังการทีเดียวกลับมาใหญ่ไม่แพ้อดีต
แต่เป็นเรื่องไม่แปลกของคนเคยใหญ่ และสร้างวีรกรรมไว้เยอะ การกลับมาของ “ปลัดศรีสุข” เลยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่นเมือง โดนแกะรอยตั้งแต่ไก่โห่ พุ่งประเด็นไปที่ “กรรมเก่า”หรือการกระทำในอดีต
ไม่ทันไร มองกันไปไกลถึงขั้นกล้าฟันธง-คอนเฟิร์มว่า ชื่อๆนี้อาจเป็น “จุดสำคัญ”ที่มีอิทธิพลต่อชะตากรรมของ “รัฐบาลหลานยายเนียม”
ถูกประทับตรา “สายล่อฟ้า”แต่แรกเริ่ม
ส่อว่า การพยากรณ์มีแนวโน้มเป็นจริง เพียงขยับตัวประเดิมงานแรก “ปลัดศรีสุข”ก็สร้างความเกรียวกราววุ่นวายได้ทันทีเหมือนกัน จากแนวคิดปิดสนามบินดอนเมือง ย้ายสายการบินในประเทศกลับไปใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง พร้อมกับเสนอจะเอาสนามบินดอนเมืองไปใช้งานอื่น ทำให้คิดว่า มีวาระซ่อนเร้นอะไรอื่นอีกหรือไม่?
เรื่องที่สมควรทำเกี่ยวกับสนามบินมีปัญหาด่วนรอให้แก้ไขก็มีอยู่หลายเรื่อง เช่น แทนที่จะคิดย้ายบ้านประชาชนที่อยู่บริเวณรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเสียงเครื่องบินขึ้นลง จนตอนนี้ระทมทุกข์หนักกันทั้งย่านมานานปี บ้านก็จะพังนอนก็หลับไม่ได้ จนมีเจ้าของบ้านรายหนึ่งบุกเดี่ยวเข้าทำเนียบมาร้องทุกข์ แต่กลับไม่มีความคิดจะปลดทุกข์ในเรื่องนี้
ที่ควรย้ายไม่ยอมคิด แต่ที่ไม่ควรย้ายมันกลับจะไล่ สายการบินที่เจอแบบนี้ก็ต้องสะอื้น เพราะแต่ละรายเพิ่งลงทุนมาหมาดๆ ตั้งหลายสิบล้าน แถมอยู่ดีมีสุขกันอยู่แล้ว จะมารื้อบ้านต้อนให้ไปเป็นลูกค้าคิงเพาเวอร์ ใครจะยอม!
ดึ๋งดั๋งเด้งรับแบบนี้ ถูกใจคนตั้ง แต่ประชาชีชอกช้ำ
หลบเลียแผลใจห่างหายจากวงการไปเสียตั้งนาน นึกว่าจะแผ่วแต่ที่ไหนได้ลีลายังเชลียร์เฉียบเหมือนเดิม สมกับเป็นอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้โด่งดัง เลื่องลือในกิตติศัพท์ ที่มีชื่อติดปากมาพร้อมๆกับนานาบิ๊กโปรเจ็กต์ในกระทรวงคมนาคม
รวมทั้งสารพัดโครงการฉาวในสนามบินสุวรรณภูมิ สมัยที่ “ปลัดศรีศุข” นั่งเป็นประธานบอร์ด บทม. และประธานบอร์ด ทอท. เรียกว่าทำหน้าที่เป็นตัวจักรสำคัญอันหนึ่งในยุค “ระบอบทักษิณ”ครองเมือง ติดคดี ถูกตั้งข้อกล่าวหา ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม รวมทั้งการบริหารงานในการท่าอากาศยาน สนามบินสุวรรณภูมิ
โครงการซีทีเอ็กซ์ โครงการท่อร้อยสาย โครงการจัดสรรพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษี ที่หลายเรื่องยังค้างคาการตรวจสอบอยู่ในคณะกรรมการ ป.ป.ช.
จึงขอย้ำว่า ไม่แปลกกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ “ศรีสุข” อาจกลายเป็น “จุดตาย”รัฐบาล
แต่ก็อย่างว่า ถึงกรรมเก่าจะตามรังควาน แต่กรรมนั้นก็จะส่งผลเกื้อหนุนให้ “ศรีสุข”ได้คัมแบ็กอีกครั้ง โดยเฉพาะที่พูดกันว่า ที่ รมว.คมนาคม “แก๊งเนวิน” โปรโมตเต็มที ยี่ห้อ คิงเพาเวอร์ ที่คุ้นเคยกันดีกับศรีสุข สมัยใหญ่คับการท่าฯ เป็นสปอนเซอร์หนุนหลัง
คุณขอมา“ห้อย” ก็พร้อมจัดให้!
ฉะนั้นถึงตอนนี้ คงต้องจับตาดูกันต่อไป ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินฯ “ปลัดศรีสุข” จะทำงานสมกับที่ก๊กใหญ่ไว้วางใจ เจ้าสัวแบ็คอัพ ได้ดีแค่ไหน?
หากมองอีกด้านของเหรียญ เมื่อเขาคือผู้คร่ำหวอด มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นและรับทราบโปรเจ็กต์ต่างๆในสนามบินสุวรรณภูมิมาแต่แรกเริ่ม ถือเป็นการดีที่รัฐบาลได้คนรู้ลึก-รู้จริง เข้ามาทำงาน
หากต้องการจัดการปัดกวาดสิ่งปฏิกูลโสโครกทั้งหลาย ที่หลากหลายขบวนการงาบ สลับกันเข้ามา“อิ่ม”และ“ขี้”ทิ้งไว้ จนกลายตำนาน" “มหากาพย์แห่งการโกงกิน”
อาจต้องพึ่งบริการมืออาชีพอย่าง “ปลัดศรีสุข” ช่วยสะสาง โดยเฉพาะที่ต้องฝากฝังอย่างแรงกรณีทุจริต “ซีทีเอ็กซ์” โครงการฉาวครั้งรัฐบาลไทยรักไทย ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนให้ระบอบทักษิณ ในเรื่องความโปร่งใสจนสุดท้ายต้องพังครืน ผู้เกี่ยวข้องล้วนได้รับผลกระทบกับไปถ้วนหน้า ตั้งแต่ฝ่ายการเมือง นายกรัฐมนตรี รมว.คมนาคม บริษัทเอกชน ผู้บริหารทอท. รวมถึงนายศรีสุขเองที่ติดร่างแหไปด้วย กระทั่งบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้ง“นางนกต่อ”ที่อื้อฉาว!
เป็นเรื่องที่ฮือฮามาพร้อมกับการตรวจสอบโครงการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ เกี่ยวกับหน้าห้องหญิงของ “บิ๊ก บทม.” รายหนึ่ง ที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.สมัยเป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริต วุฒิสภา เคยออกมาเปิดเผยว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับปมการทุจริต
แฉ“ซีดีลับ” พฤติกรรมฉาว“นางนกต่อ”กับ“บิ๊ก บทม.”
“นางนกต่อ” ที่มีเส้นทางในการเข้ามาเกี่ยวข้องที่ไม่ธรรมดา เพราะจากตำแหน่งหน้าที่อยู่“หน้าห้อง”ของ “อดีตบิ๊ก บทม.”รายหนึ่ง แม้จะมีสามีในแวดวงสีกากีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่คนใน บทม.ก็รู้สึกแปร่งๆ ถึงสัมพันธภาพขั้นพิเศษระหว่าง ลูกน้องกับเจ้านาย คู่นี้
ไม่เท่านั้น นอกจากความคล่องในการงาน ระดับสุดยอดคอนเน็กชั่นในวงการธุรกิจก่อสร้าง บวกกับรูปโฉมสะสวยทรงเสน่ห์ เตะตาต้องใจ ตรงสเปก“อดีตบิ๊ก บทม.” อีกรายอย่างจัง
ไม่นาน ณ ท้องทุ่งหนองงูเห่าก็เกิดตำนานรักสามเส้า นายผู้มาใหม่ ใช้เวลาเลียบๆ เคียงๆ และหญิงที่หมายตาทอดสะพาน สัมพันธ์สวาทก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และแนบแน่นตามวันเวลา ถึงขั้นเกื้อหนุนจุนเจือทั้งในตำแหน่งหน้าที่การงาน
และเป็นที่มาของ “พิษรักแรงหึง” ของนายสองคน ทั้งที่ทั้งคู่ ไม่ได้เป็น“เจ้าของ”ที่แท้จริงของหญิงสาวแต่ประการใด
ยังไงก็ช่าง “นางนกต่อ” ก็ได้กลายเป็น “มาดามกากี” เป็นที่เรียบร้อย
ลูกผู้ชายเรื่องแบบนี้“ฆ่าได้หยามไม่ได้” เหตุชิงรักหักสวาทในบทม.ครั้งนั้น ได้กลายเป็นปมความขัดแย้งที่รุนแรง และลุกลามไปถึงขั้นเปิดทิ่มแทงกันของ สองบิ๊ก บทม.
โดยเฉพาะฝ่ายผู้ถูกแย่ง “ของรัก” ไปในขณะที่ “การยุทธ์ยังไม่สิ้นเสร็จ” มันเจ็บใจนัก ว่ากันว่าจัดทำ“ซีดีลับ”แฉชำระแค้น
รวมทั้งได้ลากโยง “มาดามกากี”เข้าไปเอี่ยวกับปมงาบซีทีเอ็กซ์ เพราะหลังตรวจสอบ ลากโยง สาวเส้นทางสัมพันธ์เชื่อมต่อ อนุกรรมการไต่สวน คตส. ก็เสนอเรื่องให้ปปง. ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชี“หน้าห้องสาว”
เพราะสงสัยว่า “มาดามกากี”อาจเป็นอีกจุดในการ “พักเงิน”คอร์รัปชั่น!
ด้วยเหตุที่เป็นมหากาพย์แห่งการโกงกิน ซีทีเอ็กซ์ ก็คือส่วนหนึ่งในตำนานฉาวในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เป็นหนังยาว ซีรี่อันซับซ้อนซ่อนเงื่อน และแสนยุ่งยากในการติดตาม ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ เพื่อลากไส้ กว่าจะถึงบทอวสานของแก๊งงาบ!
เช่นเดียวกันกับ “ศึกชิงรักหักสวาท” ของหนึ่งหญิง-สองชาย โดยเฉพาะเรื่องราวของฝ่ายหญิงผู้ได้ชื่อว่าเป็น“มาดามกากี”แห่งสุวรรณภูมิ คนวงนอก หาใครที่จะรู้จริงได้ยาก
รู้แค่ว่า หญิงสาวผู้เลอโฉมและมากชาย น่าจะตีตัวออกห่างจากความขัดแย้ง และหลีกหนีจาก “ผิดบาป”ในเกมแห่งคาวกาม-ละเมิดศีลข้อกาเมฯ
ขณะที่ฝ่าย“บิ๊ก บทม.”ทั้งสองกิ๊กก็ต้องใจร้าว เพราะ “รักคนมีเจ้าของ” ทำเอาอดีตบิ๊กบทม.รายหนึ่ง อาการน่าเป็นห่วง เพราะถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ อัมพฤกษ์อัมพาตถามหา นอกจากระทมทุกข์จากบ่วงกรรมเรื่องทุจริตที่คล้องคอแล้ว ว่ากันว่า อาจเป็นเพราะตรอมตรมใน“รัก” ชนิดที่ยากจะหักใจลืม“มาดามกากี”
เรื่องน้ำเน่าคาวโลกีย์ ลับสุดๆแบบนี้ คงต้องไหว้วานอดีตคนวงในอย่าง “ท่านศรีสุข” ที่ได้โอกาสหวนคืนถ้ำการท่าฯ อีกรอบ และใหญ่กว่าเดิม..ช่วยไปตามสืบเสาะ มาเล่าสู่กันฟัง!