“สุเทพ” มั่นใจบริสุทธิ์ แต่น้อมรับหากศาลชี้ผิด ย้ำไม่ปรับ “กษิต” ไม่ยุบสภา”

“เทพเทือก” ยันปัญหา “วิฑูรย์-บุญจง” ไม่ได้สร้างปัญหาให้ รบ. เชื่อฝ่ายค้านจองกฐินเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่ส่งให้มีการปรับ ครม. ชี้รอประชุมพรรคพรุ่งนี้ก่อนจะรู้ปรับ ครม.หรือไม่ ย้ำ รบ.ไม่ยุบสภาแน่นอน ขณะเดียวกันยันไม่ได้ทุจริต ทำผิด กม.เลือกตั้ง แค่ไปร่วมงานสงกรานต์ ลั่นพร้อมพิสูจน์ในชั้นศาล หากศาลชี้ผิดผิดก็พร้อมรับ

วันนี้ (2 ก.พ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า คงไม่ส่งผลให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังต้องรอการประชุมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรคในวันพรุ่งนี้ พร้อมยืนยันว่า ปัญหาปลากระป๋องเน่าของนายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ ไม่สร้างปัญหาให้รัฐบาล รวมถึงการที่พรรคภูมิใจไทยกดดันไม่ให้ปรับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยด้วย

นายสุเทพ ยังย้ำอีกครั้งว่า ไม่จำเป็นต้องปรับนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามข้อเรียกร้องของ นปช. เพราะไม่มีประวัติทางราชการมัวหมอง และไม่นำการขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาเป็นตัวแปรในการตัดสินใจ ทั้งนี้ การที่ นปช.ขีดเส้นตายให้รัฐบาลภายใน 15 วัน ยังไม่มีการหยิบยกขึ้นหารือ พร้อมย้ำชัดไม่ยุบสภา

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.ฟ้องดำเนินคดีอาญา กรณีทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง อบจ.ว่า ตนยืนยันไม่ได้ไปช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่เป็นการไปร่วมงานสงกรานต์ตามประเพณีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จะเป็นเรื่องถูกหรือผิด เข้าข่ายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือไม่คงต้องพิสูจน์ในชั้นศาล แต่เชื่อว่าตนเองไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือทำทุจริต แต่หากศาลมีมติว่าผิดพร้อมรับ ทั้งนี้ เชื่อว่ากรณีดังกล่าวจะไม่เชื่อมโยงถึงการยุบพรรคเพราะไม่ใช่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีผลกับชีวิตของตนเองเพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้ นายสุเทพไม่ขอตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องของตนเองที่ถูกเปิดเผยจาก กกต.บางคนบ่อยครั้ง และคงไม่จำเป็นต้องสอบถาม เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ทำไป หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม

ส่วนกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ตรวจสอบรัฐมนตรี 3 คนในรัฐบาล ซึ่งลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 เพราะเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 177 ว่า เป็นการทำหน้าที่ของนายเรืองไกร ส่วนผู้ที่มีหน้าที่ตีความ ตรวจสอบ วินิจฉัย ก็จะดำเนินการไปเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน ทั้งนี้คิดว่าในส่วนของรัฐบาลมีข้อเท็จจริงที่จะชี้แจง โดยเฉพาะบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญซึ่งห้ามบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีและ ส.ส. ในขณะเดียวกันจะยกมือให้เรื่องที่เกี่ยวกับตนเองไม่ได้ แต่การที่รัฐมนตรี 3 คนลงมติเป็นเรื่องของงบประมาณแผ่นดิน และงบส่วนนั้นไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีที่ลงคะแนนด้วย จึงคิดว่าไม่เป็นปัญหา