โฆษก ปชป.เตรียมยื่นศาล รธน.แสดงจุดยืนกรณีเขาพระวิหารต่อ คกก.มรดกโลกพรุ่งนี้ โฆษกพรรคเผยพอใจผลการซักฟอกสามารถเบรกรัฐบาล 6 เรื่อง ชี้ “หมัก” ไม่ยอมปรับ ครม.เพราะกลัวเสียหน้า
วันนี้ (29 มิ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในเรื่องประสาทพระวิหารว่า ในวันที่ 30 มิ.ย.จะทำหนังสือถึงคณะกรรมการมรดกโลกทั้ง 21 คน โดยจะไปมอบให้ที่องค์การยูเนสโกประจำประเทศไทย เพื่อแสดงจุดยืนและความเห็นที่เกี่ยวข้องของประชาชนที่มีต่อเขาพระวิหาร นอกจากนี้จะมีการส่งอีเมล์โดยตรงไปยังคณะกรรมการทั้ง 21 คน เพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมการอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและได้รับข้อมูลรอบด้าน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์อยากเรียนให้ประชาชนทราบว่าพรรคดำเนินการบนพื้นฐานประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักไม่ได้ทำเพื่อมุ่งหวังทางการเมืองหรือเพื่อผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง
นายองอาจ กล่าวอีกว่า พรรคเราคำนึงถึงจุดยืน 5 ข้อคือ 1.การอภิปรายไว้ไว้วางใจที่ผ่านมาไม่ได้เป็นการปลุกระดมเพื่อให้เกิดคลั่งชาติแต่เป็นการเสนอข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้รัฐบาลถลำลึกจนทำให้ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน 2.ไม่มีความประสงค์ที่จะให้การอภิปรายส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเป็นการพูดคุยกันของคนในประเทศ 3.ไม่อยากให้รัฐบาลดำเนินการหมิ่นเหม่ต่ออธิปไตยของประเทศ 4.อยากให้รัฐบาลคำนึงถึงเสียงติติงทั้งของพรรคประชาธิปัตย์และนักวิชาการที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และอยากให้รัฐบาลลดทิฐิคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศ และ 5.อยากให้รัฐบาลแสดงความจริงใจไม่เอาเรื่องผลประโยชน์ทับซื้อหรือผลประโยชน์ส่วนตัวของใครมาเป็นตัวตั้งและควรพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความจริงใจในการดำเนินการ
นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนสบประมาทว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูลจะมาอภิปรายฯ ว่า ขณะนี้คำสบประมาทเป็นหมันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์พิสูจน์แล้วว่าการอภิปรายมีประโยชน์และสาระเพียงพอที่จะส่งผลสะเทือนต่อรัฐบาลในหลายแง่หลายมุมคือ 1.มีการชะลอและทบทวนโครงการที่อาจก่อให้เกิดการแสวงหาโดยมิชอบ เช่น โครงการรถเมล์ 6,000 คัน ที่มีการดึงเรื่องออกจาก ครม.ไปแล้ว 2.การระงับการโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรมในหลายกระทรวงโดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม เพราะกลัวถูกฝ่ายค้านนำมาอภิปราย 3.มีส่วนระงับยับยั้งกรณีเขาพระวิหารไม่ให้บานปลาย หมื่นเหม่ต่ออธิปไตยของชาติ 4.พบว่า ครม.ชุดนี้มีรัฐมนตรีที่ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเพื่อบริหารงานต่อไป เช่น นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ที่จ้างคนไปสอบจนถูกลบชื่อออกจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง หากรัฐบาลหยิบยกข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ก็จะเป็นประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
ส่วนเรื่องการปรับ ครม. นายกรัฐมนตรีพูดชัดเจนว่าจะไม่มีการปรับและวิจารณ์สื่อมวลชนว่าเป็นคนยุให้รำตำให้รั่วนั้น เป็นการเยาะเย้ยสื่อและสังคม ซึ่งการจะปรับไม่ปรับเป็นสิทธิ์ของนายกฯเพราะนายกฯ เป็นผู้นำในการบริหารประเทศ แต่การอภิปรายที่ผ่านมาถึงแม้ว่าผู้ถูกอภิปรายเสียงจะผ่านแต่รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงเสียงอันแท้จริงว่าประชาชนให้ผ่านหรือไม่ ถึงนายกฯจะยังเสียงแข็งไม่ปรับ ครม.ตอนนี้เพราะกลัวเสียหน้า แต่ไม่นานคงจะมีการปรับแน่นอนเพราะสังคมจะไม่ยอมรับให้รัฐมนตรีที่พิกลพิการอยู่ในตำแหน่ง และนายกฯจะต้องรู้ว่าใครบ้างที่ควรจะถูกปรับ ใครที่ไม่สมควรที่จะร่วมทำงานต่อไป เพราะสังคมเขารับรู้กันหมด นายกฯ จะไม่รู้ได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าเหตุใดนายสมัครจึงยังไม่ปรับ ครม.ในขณะนี้ นายองอาจ กล่าวว่า นายกฯ อาจจะกังวล หรือลังเล เพราะกลัวว่าจะเสียหน้า จึงจะเป็นที่จะต้องยืดเวลาออกไปอีก แต่คิดว่าคงไม่เกินหนึ่งเดือน เพราะหากนานกว่านี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นภาระของรัฐบาล และจะทำให้ความเชื่อมั่นของรัฐบาลลดลง เพราะรัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะเอาสายล้อฟ้ามาเก็บเอาไว้ หรือว่านายสมัครไม่กล้าที่จะเอาคนของนายใหญ่ออก เพราะเกรงใจเจ้าของพรรคตัวจริง