การดิ้นไม่เลิกของกลุ่มเสื้อแดง-นปช. ด้วยการนัดชุมนุมใหญ่ในวันนี้ (31 ม.ค.) ทื่ท้องสนามหลวง ภายใต้ชื่อปฏิบัติการครั้งนี้ว่า“แดงทั้งแผ่นดิน”
และขู่ว่า เวลาสามทุ่มแกนนำนปช. จะนำคนเสื้อแดงที่คาดว่าจะระดมมาไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคนไปล้อมทำเนียบรัฐบาล ศูนย์กลางอำนาจรัฐ เพื่อเคลื่อนไหวกดดันให้เกิดผลสำเร็จใน 3 เรื่อง คือ
1.ให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ กรณีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ
2.ให้ปลด กษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่มีเงื่อนไข
3.ให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 นำมาใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
ผลลัพธ์จะออกมาเช่นใด สำหรับการศึกของเสื้อแดงครั้งนี้ ที่หมายมั่นจะทำการรบแตกหักกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นศึกยืดเยื้อ หรือจะเป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น?
หากดูจากวันที่กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนพลออกมาขัดขวางการแถลงนโยบายรัฐบาลอภิสิทธิ์ จนเป็นผลให้รัฐบาลต้องหนีไปใช้กระทรวงการต่างประเทศแทนรัฐสภา ก็จะประมาทกำลังของกลุ่มเสื้อแดงไม่ได้
จึงน่าติดตามว่า “แดงทั้งแผ่นดิน” จะมีสาวกมาร่วมครั้งนี้จำนวนมากน้อยแค่ไหน และจะมีพลังขับเคลื่อนไหวปักหลักชุมนุมได้ยืดเยื้อต่อเนื่องด้วยความอดทนเพียงใด
หรือแค่มารับเงินค่าจ้าง แล้วเลิกราแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันไปในวันเดียว?
ไฮไลต์ของการชุมนุมแดงทั้งแผ่นดิน ยังให้น้ำหนักไปที่การโฟนอินของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งคาดว่าการเคลื่อนทัพออกจากที่ตั้งคงทำกันหลังเสร็จทักษิณโฟนอิน ที่แกนนำหวังใช้ทักษิณ เป็นตัวปลุกอารมณ์ม็อบ
อย่างไรก็ตาม การโฟนอินของทักษิณในนาทีนี้ ถือว่าหมดราคาแล้ว เพราะ สังคมได้เห็นแล้วว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ไร้ซึ่งความรักความหวังดีต่อบ้านเกิดเมืองนอน
เพราะนอกจากให้ร้ายบุคคลและสถาบันต่างๆ ทั้งศาลยุติธรรม ผู้พิพากษา ทหาร องคมนตรีแล้ว บางครั้งก็มีการพูดจาที่หมิ่นเหม่ไปถึงบุคคลชั้นสูง โดยไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
จึงหนีไม่พ้นที่ทักษิณถูกมองว่า อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มักก่อเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการจ่ายท่อน้ำเลี้ยงกลุ่ม นปช ตลอดเวลา
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน เชื่อว่าทักษิณ ยังส่งน้ำเลี้ยงมาให้ แต่จะให้โดยผ่านมือใคร?
เรา-ทีมข่าวการเมือง ASTVผู้จัดการรายวัน ได้รู้ความลับมาว่า เขามอบหมายให้คนใกล้ชิด ภายใต้รหัส "3 ช.” เป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมค่าใช้จ่าย และบริหารกองกำลังคนเสื้อแดง
3 ช. ที่เราสืบรู้มาได้ ประกอบด้วย...
“ช.แรก” ขอบอกว่าเป็นนายตำรวจใหญ่ในปทุมวัน ที่ตอนนี้มีตำแหน่งใหญ่โตหลังจากรับใช้ระบอบทักษิณจนได้รับการตอบแทน คือเก้าอี้ใหญ่ในรั้วปทุมวัน
ช.คนนี้รับผิดชอบระดมคนในพื้นที่เขตปริมณฑล และจังหวัดภาคกลาง
“ช.สอง” ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอดีตนายตำรวจใหญ่เช่นกัน ก่อนหน้านี้มีชื่อติดโผจะเป็นรัฐมนตรีหลายครั้งในรัฐบาลพลังประชาชน แต่ก็ปิ๋วทุกที ได้แต่ตำแหน่งคุมงานการข่าวและความมั่นคงของรัฐบาล แต่ก็ทำงานข่าวผิดพลาดตลอด ขนาดพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวยังไง ยังรายงานทักษิณผิดๆถูกๆ
ช.คนที่สองนี้รับผิดชอบระดมคนในเขตกทม. โดยผ่ายเครือข่ายตำรวจเก่า และนักเลงอันธพาลใน กทม.และธนบุรี
“ช.สาม” เป็นอดีตนักการเมืองผู้ทำงานอยู่เบื้องหลังให้แก่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายดีเยี่ยม แนบแน่นกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รอง ผบ.ตร. และพจมาน ดามาพงษ์ จนเคยถูกส่งชื่อจากบ้านจันทร์ส่องหล้าให้ไปนั่งทำงานในกระทรวงใหญ่แห่งหนึ่งในฐานะเลขานุการรัฐมนตรี
ช.คนที่สาม รับผิดชอบระดมคนมาจากภาคเหนือ ทั้งตอนบน และล่าง เพราะมีพื้นเพและอิทธิพลในภาคเหนือ
เหตุที่ครั้งนี้ ทักษิณ ใช้บริการ 3 ช. ก็เพราะเพื่อไม่ให้อำนาจการบริหารการเงิน และกองกำลังเสื้อแดงอยู่ในมือของ 3 เกลอมากเกินไป หลังเริ่มได้ยินเรื่องราวความขัดแย้งในการบริหารผลประโยชน์ของการชุมนุมเสื้อแดงที่หนักหนาขึ้นทุกที
ทำให้ทักษิณ เริ่มไม่ไว้ใจ 3 เกลอหัวขวด ”วีระ มุกสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”
และที่ผ่านมาก็ผลาญไปเยอะ ทว่าผลงานยังไม่เข้าเป้า ออกหมัดไปแต่ละทียังไม่สามารถทำให้รัฐบาล-กองทัพ-ศาล-องค์กรอิสระ ที่ทักษิณ-นปช.ท้ารบ ถูกน็อกสักที
แถมนัดชุมนุมใหญ่วันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหน?
แน่นอนว่า หลังจากเสื้อแดงลากไส้ ประจานเรื่องเงินเรื่องทองกันเอง ก็ทำเอาขบวนการเสื้อแดงหมดราคาไปในทันที ทำให้จากเดิมที่ระดับชุมนุมใหญ่สนามหลวงต้องกะไว้ระดับสองแสนขึ้น ตอนนี้นปช. ลดระดับเป้าหมายเหลือแค่ 3 หมื่น!
ทำให้เห็นได้ชัดว่า แกนนำเสื้อแดง ที่รู้ตัวดีว่าไม่มีหมัดน็อกอะไร แค่นัดชุมนุมเรียกราคาไปวันๆ และสร้างกระแสจะดาวกระจายให้ฮือฮาเล่น เช่นล้อม-ยึดทำเนียบรัฐบาล หรือเคลื่อนพลไปยังสถานที่บางแห่ง ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้หรือไม่
เพราะตอนนี้ รัฐบาลได้เตรียมรับสถานการณ์ทุกด้านไว้แล้ว ตั้งแต่สกัดไม่ให้คนเข้าร่วม และพร้อมรับมือ หากมีการเคลื่อนพลของเสื้อแดง และไม่ใช้ความรุนแรง ที่คาดว่าคนเสื้อแดงจะต้องสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่ เพื่อจะได้ใช้ภาพส่งให้สื่อนอกประจานรัฐบาลไทยไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการเคลื่อนไหวของเสื้อแดง ก็คืออีกบริบทหนึ่งของการเคลื่อนไหวของประชาธิปไตย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่หากคนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวอย่างสันติ ไม่รบกวนคนอื่น ไม่ทำลายทรัพย์สินราชการ ก็ทำไปเถอะ
แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวแบบรู้ทันกันว่า พวกแกนนำต้องการอะไร ถึงได้นัดหมายชุมนุมมิเลิกรา แต่ขอให้มีความจริงใจในเจตนารมณ์การเคลื่อนไหว อย่าได้แอบอ้างข้อเรียกร้องทั้งสามข้อข้างต้นบังหน้า ทว่าทุกอย่างทำไปเพื่อทักษิณ นักโทษชายคนนั้น
การบังหน้าแบบนี้ มีหรือ สังคมจะรู้ไม่เท่าทัน
ขณะนี้ ทางด้านทักษิณ ออกอาการดิ้นทุรนทุกรายมากขึ้นตามลำดับ หลังเห็นกระแสนิยมรัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังดีวันดีคืน ทักษิณก็ยิ่งร้อนรนและต้องการให้ นปช.-เสื้อแดง เร่งปิดบัญชีรัฐบาลเร็วมากขึ้น
เพราะทักษิณหมดความอดทนกับการรอความหวังจากพรรคเพื่อไทยเสียแล้ว
หลังเห็นว่าเพื่อไทย ไม่ทรงพลังพอในการทำให้รัฐบาลล้มได้ แม้ตอนนี้รัฐบาลจะมีปัญหาเรื่องทุจริต หรือการสุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมายของรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลเข้าให้แล้ว เช่นกรณี วิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ กับ บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ก็ยากจะทำให้อภิสิทธิ์ เก้าอี้ร้อนได้ เพราะหากมีปัญหามาก ก็แค่ปรับครม. ตัดเนื้อร้ายทิ้ง
ดังนั้น คนเสื้อแดง เลยกลายเป็นที่พึ่งสุดท้ายของทักษิณ ที่หวังจะใช้เป็นกลไกบ่อนทำลายรัฐบาลให้ทรุดหนัก
โดยไม่ถึงกับต้องล้มรัฐบาลให้สำเร็จภายใน 3 เดือน 6 เดือน เพราะประเมินแล้วคงยากจะทำได้ แต่แค่ขอให้ทำให้รัฐบาลเป๋ไป เป๋มา เดินหน้าไม่ได้ก็เพียงพอแล้ว
ก็ให้จับตาดูกันต่อไป สำหรับการชุมนุมใหญ่ของเสื้อแดงในวันนี้ ว่าจะมีอะไรเหนือกว่าคาดได้อย่างที่แกนนำปั่นราคาไว้ล่วงหน้าหรือไม่ เช่นเดียวกับ การโฟนอินของทักษิณ ชินวัตร ที่หากยังเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ไม่สามารถหลุดพ้นจากเนื้อหาเดิมๆ คือ
โอดครวญว่าตัวเองถูกระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้ง ให้ต้องรับผิด โดยมีศาล ทหาร องคมนตรี เกี่ยวข้องและสนับสนุนอยู่เบื้องหลังในการทำให้คนเข้าใจไปว่า ไม่มีความจงรักภักดี รวมถึงการประกาศสู้ไม่ถอยอีกรอบ (ที่เท่าไหร่? )
ถ้าทักษิณยังทำได้แค่นี้ ก็ถือว่า กู่ไม่กลับ หมดมุก หากินกับความบิดเบือนและโกหกมดเท็จ แล้วสร้างสารโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองไปเรื่อย ๆ เพื่อหวัง
“เลี้ยงมวลชน”ให้พร่ำเพ้อ ถวิลหา
ด้วยความที่ทักษิณเข้าใจผิดว่าคนในประเทศไทยยังรัก และศรัทธาในตัวเขาอยู่เหมือนเดิม คิดไปว่าตัวเองยังเป็นขวัญใจมวลชนเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วอยู่ อาจจะเป็นเพราะหลงตัวเอง หรือได้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตรงกับความจริง จึงทำให้เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์โศกในเรื่องนี้ได้
อาจมองได้ว่า สุดท้ายชุมนุมใหญ่วันนี้ ดีไม่ดี มันจะกลายเป็น "หลุมฝังศพ” ทักษิณ และนปช.ไปเสียมากกว่า เพราะนอกจากขยายแนวร่วมคนเสื้อแดงไม่ขึ้น กลุ่มที่เคยหนุนหลังแบบรักประเทศไทย แต่ห่วงทักษิณ ที่มาร่วมชุมนุมเป็นครั้งราว ก็อาจเบือนหน้าหนี
แบบนี้ คนชีช้ำ รับตรุษจีน ที่นอกจากระเป๋าฉีกซ้ำแล้วซ้ำอีก แถมยังถูกหลอกซ้ำซาก
คงหนีไม่พ้น ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
“แดงทั้งแผ่นดิน” จะมีบทสรุปอย่างไร สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทุกฝ่ายตระหนักก็คือ ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะตำรวจ ที่ต้องพยายามควบคุมสถานการณ์ให้การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ
รวมถึงคนเสื้อแดงเอง ซึ่งที่ผ่านมามักปรากฏภาพการใช้ความรุนแรงในการเคลื่อนไหว อันเห็นได้จากล่าสุด กรณีที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่คนเสื้อแดงบุกเข้าไปในงานชุมนุมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนมีการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายสุภาพสตรี ผู้เป็น ผอ.สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เพียงเพราะต้องการจะเข้าไปฉีกหน้า สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มาร่วมงานดังกล่าวเมื่อ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา
มาครั้งนี้ ก็ต้องชุมนุมอย่างสงบ และอยู่ภายใต้หลักการเคลื่อนไหว ที่ไม่มีการปลุกระดมมวลชนให้ใช้ความรุนแรง เพื่อสร้างสถานการณ์ให้บานปลาย นำไปสู่วิกฤตความขัดแย้งรอบใหม่
ทีนี้คนไทยคงไม่ยอมแน่!