xs
xsm
sm
md
lg

“สำราญ” ลากไส้ “เสื้อแดง” ชุมนุมใหญ่ หวังฉีกหน้า “มาร์ค” ประจานต่างชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สำราญ” ลากไส้ “กลุ่มเสื้อแดง” เดินเกมชุมนุมใหญ่ 31 ม.ค.นี้ คาด “ม็อบ” เคลื่อนพลยึดทำเนียบฯ หวังฉีกหน้า-ดิสเครดิต “อภิสิทธิ์” ที่กำลังโชว์กึ๋นนำประเทศไทยออกจากวิกฤต-สร้างความมั่นใจต่อ “ต่างชาติ” ที่ปะเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมเตือน “ตำรวจ” ต้องอดทน อย่าหลงกลใช้กำลังหากถูกยั่วยุจนสติแตก

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" 

วานนี้ (29 ม.ค.) นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 กล่าวถึงการร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมรายปี 2552 จำนวน 116,000 ล้านบาท เข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอภิปรายกันเรียบร้อยไปแล้ว ผ่านรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เมื่อวานตอนตีหนึ่ง คนที่รับชมการถ่ายทอดสดก็คงจะได้เห็นว่า นี่คือประเทศไทย และนี่คือการเมืองไทย โดยบางคนบอกว่าเป็นการเมืองเก่า บางคนบอกว่าเป็นชีวิตจริง และถ้าพูดอย่างเป็นธรรม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทำการบ้านมาใช้ได้ แต่คนที่ทำการบ้านมากกว่า แล้วพูดตรงกว่า ก็คือนายคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

“การประชุมสภาเมื่อวานนี้ มีสิ่งเน่าๆ เยอะมาก โดยเฉพาะการประท้วงครั้งแล้วครั้งเล่า และการนับองค์ประชุมกันพร่ำเพรื่อแบบไร้เหตุผล คงต้องบอกว่านี่คือการเมืองเก่า ส่วนจะมีการเมืองใหม่หรือไม่นั้น คงตอบยากเหมือนกันในนาทีนี้ แต่รู้แต่ว่าทุกคนโดยเฉพาะ 5 แกนนำพันธมิตรฯ โดยเฉพาะพี่น้องแกนนำพันธมิตรฯ ในแต่ละจังหวัดก็ยังถวิลโหยหา อยากได้การเมืองใหม่ ซึ่งแน่นอนเวลาชั่วข้ามคืนคงทำไม่ได้ ผมเคยพูดที่ชลบุรีแล้วว่า บางทีเราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ต้องกินข้าวทีละคำ มันต้องเติมเต็มพื้นที่การเมืองใหม่ๆ และที่สำคัญที่ จ.ชลบุรี สามารถยึดพื้นที่กลับคืนมาได้จากการเมืองเก่า หรืออิทธิพลเก่า ขณะเดียวกันก็ยังสร้างการเมืองใหม่ไม่ได้”นายสำราญ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวอีกว่า มีบางคนอยากได้การเมืองใหม่แบบซาดิตส์ โดยระบุว่า จะต้องมีการฆ่ากันให้ตายสัก 1,000 ศพ ถึงจะสามารถสร้างระบบขึ้นมาใหม่ได้ แต่ตนรับไม่ได้ถ้าเป็นแบบนั้น เพราะถ้าคนไทยต้องฆ่ากันอีกครั้งเพื่อล้างระบอบ แล้วสร้างระบบใหม่ เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร สู้ให้สุกงอมโดยธรรมชาติจะดีที่สุด แต่เราคงรอไม่ได้ เพราะเราต้องต่อสู้เอง จะเห็นได้จากกรณีที่เราชุมนุมกันถึง 193 วัน แต่การเมืองเปลี่ยนขั้วเพียงนิดเดียวเท่านั้น คือ จากรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นหรือไม่ว่าต้องทุนขนาดไหน และนี่คือประเทศไทย

“เราโชคร้ายมากที่พี่น้องล้มตาย และบาดเจ็บจำนวนมาก แต่สุดท้ายการไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ หวังเอาไว้ว่า 3 วันก็คงจบ ที่ไหนได้นายสมชาย แถมให้อีก 5 วัน จนบัดนี้เรื่องของการชุมนุมที่สนามบินก็ยังกลายเป็นโจทก์ของสังคม พี่น้องที่ฟังการถ่ายทอดการประชุมสภา จะเห็นว่ามีการพูดถึงพันธมิตรฯ 2 คำก็พันธมิตรฯ และก็ปิดสนามบิน ทำให้เราตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะโดนข้อกล่าวหาจากฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งตรงนี้เขาพยายามตอกย้ำในสิ่งเหล่านี้ ทั้งๆ ที่เราชี้แจงกันมายาวอย่างนานแล้ว”แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าว

นายสำราญ กล่าวต่อว่า นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ ได้ลุกขึ้นชี้แจงเรื่องการชุมนุมที่สนามบิน เนื่องจากมีความพยายามที่จะใส่ร้ายนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โดยเขาจะใช้เงื่อนไขเรียกนายกษิต ว่า เป็นแกนนำที่ปราศรัยในสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้อับอายไปทั่วโลก จนไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับโลกได้ แต่สุดท้ายนายกษิต รวมทั้งคนอื่นๆ ที่ลุกขึ้นชี้แจงสอบผ่านหมด แต่จะทำให้เขาเชื่อ หรือให้เลิกพูดก็คงไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องทำใจ และอย่าไปรำคาญ ที่สำคัญ เราต้องอดทน

“เราต้องยอมรับว่าการชุมนุมโดยการยึดสนามบินนั้น มันมีผลกระทบบ้าง แต่เพื่อยุติการชุมนุม แต่เพื่อยุติความสูญเสียของประเทศ และยุติความคาราคาซัง เราประเมินกันในขณะนั้นว่าคงใช้เวลาชุมนุม 3 วัน หรือ 4 วัน แต่สุดท้ายก็ยาวไปถึง 6 วัน แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น การเมืองไทยก็จะเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น หรืออนาธิปไตยอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ หรือพี่น้องที่ทำเนียบอาจจะลุกฮือขึ้นมาก็ได้ เพราะ พล.ต.จำลอง เริ่มจะคุมไม่อยู่แล้ว วันนั้นพี่น้องหลายคนคงทราบว่า การ์ดพันธมิตรฯ ทนไม่ได้แล้ว ที่จะให้พี่น้องของเราล้มตายวันละศพ 2 ศพที่ทำเนียบฯ เพราะเขาเตรียมที่จะจับอาวุธเพื่อลุกขึ้นสู้กันแล้ว”นายสำราญ ระบุ

นายสำราญ ยังให้เหตุผลถึงการใช้มาตรการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อชุมนุมว่า มาตรการดังกล่าว ถือว่าจำเป็นจริงๆ และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเสียหาย แต่เราก็ต้องยอมรับผลกระทบตรงนี้ เป็นเหตุผลให้เมื่อวานี้ รัฐบาลจึงออก พ.ร.บ.ป้องกันการยึดสนามบิน หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ......ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่า ตอนนี้นายอภิสิทธิ์ ถือร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งจะถูก หรือผิด ก็ถือว่าสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี และไม่เสียหายอะไร เพราะถ้าโลกถามว่า สนามบินของคุณยังปลอดภัยหรือไม่ หรือมีมาตรการป้องกันอย่างไร นายอภิสิทธิ์ ก็จะสามารถอธิบายให้กับชาวโลกได้รับรู้

“การที่นายอภิสิทธิ์ ไปประชุมที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือว่าสำคัญมาก เพราะการประชุมดังกล่าวจะต้องแสดงกึ๋นทางเศรษฐกิจ และแสดงความเข้าใจในพลวัตรของโลกว่าจะกอบบ้านกู้เมืองได้อย่างไร ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ไม่เพียงพกตำแหน่งนายกฯ คนที่ 27 ของประเทศไทย เท่านั้น แต่ยังพกตำแหน่งประธานกลุ่มอาเซียนอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องมีวิสัยทัศน์ คือ แสดงกึ๋นให้ชาวโลกได้เห็น เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศไทย แต่สิ่งที่น่าขมขื่น และน่าจับตามองในมุมมองของผม คือ ทำไมกลุ่มเสื้อแดงต้องชุมนุมกันในวันที่ 31 ม.ค.ที่สนามหลวง และมีเค้าลางว่าอาจจะเคลื่อนไหวไปที่ทำเนียบฯ หรือที่ไหนสักแห่งซึ่งสายข่าวบอกมาว่า มีคนเข้าร่วมชุมนุมนับหมื่นคน”นายสำราญ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวต่อว่า ตอนนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากภาคเหนือ และภาคอีสาน ซึ่งหากรวมกันแล้วน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 - 4,000 คน ไม่เกินนี้ แต่กำลังหลักสุดท้ายจะมาจากกรุงเทพฯ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี ซึ่งเขาเกณฑ์กันมาเพื่อสำแดงพลัง ขณะเดียวกันในวันดังกล่าว พันธมิตรฯ จัดงานใหญ่ที่ จ.สระบุรี โดยจัดในรูปแบบของคอนเสิร์ตพันธมิตรฯ ซึ่งตนคาดว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนพลไปที่ทำเนียบฯ หรือกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในค่ำคืนวันที่ 31 ม.ค.นี้ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ อยู่ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ กำลังแสดงกึ๋นให้ชาวโลกเห็นว่าประเทศไทยกำลังจะออกจากวิกฤตแล้วอย่างไร และข้อเท็จจริงของการเมืองไทยเป็นอย่างไร แล้วกำลังเข้าที่เข้าทางอย่างไร

“ผิดถูกผมรับผิดชอบ แต่นี่คือขบวนการที่พยายามดิสเครดิต ฉีกหน้า และพยายามยับยั้งความสำเร็จของนายอภิสิทธิ์ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กำลังพูดให้ชาวต่างชาติฟังว่า ประเทศไทยจะออกจากวิกฤตอย่างไร และกำลังดีวันดีคืน แต่กลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่ที่สนามหลวง อาจจะบุกไปที่ทำเนียบฯ หรืออาจจะมาบ้านพระอาทิตย์ นั่นพอเพียงที่จะทำให้ CNN หรือ BBC ซึ่งเป็นสำนักข่าวต่างประเทศ ต้องตีข่าวที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไปทั่วโลก ทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์ กำลังบอกกับต่างชาติว่า ประเทศไทยมีความน่าเชื่อมั่นอยู่ ที่สำคัญ ตอนนี้ปัญหาความเชื่อมั่นเป็นปัญหาหลักของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำมาค้าขายระหว่างประเทศ ฉะนั้นประเทศเรายังคงต้องเหนื่อยกันอีกมาก”แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าว

ส่วนสิ่งที่ต้องเตือนนายอภิสิทธิ์ นั้น แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวว่า หากนายอภิสิทธ์ ไม่รักษากฎเหล็ก 9 ข้อ เราก็ต้องกระตุกสติว่าเคยประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อเอาไว้ เราต้องท้วงติง ฉะนั้นภารกิจของพันธมิตรฯ จึงยังไม่จบ เพราะกลุ่มเสื้อแดงยังคงเคลื่อนพล แต่เขาจะสัมฤทธิ์ผลมากน้อยขนาดไหนนั้น ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าโดยกระแสอารมณ์ และ ความรู้สึกของสังคมในขณะนี้นั้น เขาเบื่อกันมาก ที่สำคัญอย่างคือ กลุ่มเสื้อแดงมีความชอบธรรมหรือไม่ เพราะตอนที่พวกเราเคลื่อนไหวนั้น ไม่ได้ทำเพื่อให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ แต่เราอยากสร้างการเมืองใหม่ และหยุดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเราต้องการหยุดการหมิ่นสถาบัน

“วันนี้ รมว.ยุติธรรม แถลงข่าวว่า ได้ปิดเวปไซต์หมิ่นสถาบันไปแล้ว 2,000 เว็บไซต์ ซึ่งเหลืออีก 4,000 เว็บไซต์ เราเคลื่อนไหวไม่ใช่เพื่อให้ พล.ต.จำลอง หรือนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นนายกฯ แต่เราเคลื่อนไหวเพื่อการเมืองใหม่ ในขณะที่กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวเพื่อให้ระบอบทักษิณยังคงอยู่ และเพื่อให้ระบอบทักษิณได้มีรัฐบาลที่เป็นตัวของตัวเอง โดยไม่สนใจว่านายกฯ จะชื่ออะไร แต่เขาคนนั้นต้องเป็นรัฐบาลนอมินี หรือรัฐบาลหุ่นเชิดเท่านั้น กรณีดังกล่าวจึงถือเป็นความแตกต่าง ดังนั้นจุดชี้ขาดก็คือ ความชอบธรรม เพราะถ้าพวกเขาไม่มีความชอบธรรม สังคมก็ไม่ต้อนรับ”นายสำราญ ระบุ

นายสำราญ ยังวิเคราะห์ถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวในวันที่ 31 ม.ค.นี้ว่า ตนเชื่อว่าอาจจะมีการยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอะไรที่รุนแรง เพราะพวกเขาจะได้เอาไปเป็นข้ออ้าง ซึ่งตรงนี้เราต้องเห็นใจเจ้าหน้าตำรวจ เพราะถ้าหากเผลอไปทุบหัว หรือทำให้เลือดตกยางออกเพียงหยดเดียว เขาก็จะเอาไปขยายผลอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องระมัดระวัง ขณะเดียวกันจะอ่อนปวกเปียกก็คงไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ตนคิดว่าคงมีวางแผนรับมือกันแล้ว เพราะฟังจากการให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ซึ่งต้องใช้ไม้นุ่มแต่หนักแน่น ประกอบกับคงต้องมีเส้นตายอะไรบางอย่าง นี่คือสภาพการของการเมืองไทยที่กำลังเกิดขึ้น

ส่วนจุดยืนของพันธมิตรฯ ในขณะนี้นั้น แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวว่า ขณะนี้พันธมิตรฯ ยังให้โอกาสนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาล แต่ในจุดไหนที่เป็นแผล หรือมันเน่า เราก็ต้องเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แสดงกฎเหล็ก 9 ข้อ ว่าเป็นอย่างไร โดยจะต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งถือเป็นแรงกดดันต่อรัฐบาล และเราก็จะได้แสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้ละเลยต่อความถูกต้อง

“มีพี่น้องพันธมิตรฯ หลายคนโทรศัพท์มาถามถึงความคืบหน้าของการเมืองใหม่ เราก็สะดุ้งทุกที เพราะแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน กำลังคิดหาวิธีอย่างเคร่งเครียด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พี่น้องพันธมิตรฯ พร้อมที่จะเดินหน้ากันหรือไม่ โดยขณะนี้มีหลายจังหวัดได้ก่อความเคลื่อนไหวแล้ว ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าบางทีเราไม่ต้องฟัง 5 แกนนำฯ อะไรมาก เพราะในพื้นที่ทั่วประเทศมีแกนนำอยู่แล้ว อย่างที่ สงขลา หรือที่หาดใหญ่ เขาเคลื่อนไหวเรื่องน้ำประปา รวมถึงการแปรรูปต่างๆ ซึ่งสิ่งไหนถ้าถูกต้องก็ลุยไปเลย หรือเช่นเดียวกับที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พันธมิตรฯ ก็เคลื่อนไหวเรื่องบ่อกำจัดขยะ ซึ่งบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน”แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ระบุ

นายสำราญ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้พี่น้องพันธมิตรฯ รวมตัวประคับประคองรักษาความรักเพื่อก่อรูปให้เป็นพลัง อย่าให้เลือนหายไป เพื่อรับมือหากเกิดสถานการณ์จำเป็น แต่ตนเชื่อว่า บ้านเมืองก็เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ ถ้าใครที่คิดไม่ดีต่อบ้านต่อเมือง โดยเอาบ้านเมืองไปยกให้คนเพียงคนเดียว อย่างนี้ถือว่าไม่มีความชอบธรรม รวมทั้งกรณีที่มีการเรียกร้องให้นายกษิต ลาออก หรือเรียกร้องให้มีการยุบสภา ถามว่าทำไมรัฐบาลที่ผ่านมาถึงไม่ยุบสภาบ้าง แต่พอนายอภิสิทธิ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ แล้วจะให้ยุบสภาได้อย่างไร ฉะนั้นข้อเรียกร้องจึงฟังไม่ขึ้น ดังนั้นขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันต่อไป








กำลังโหลดความคิดเห็น