“นพ.เกรียงศักดิ์” เตือนอย่าประมาท “นช.แม้ว” ชี้ไม่หมดพิษสง-ยังหาช่องป่วนประเทศตลอดเวลา ชี้ “พันธมิตรฯ” กำชัยเหนือ “ทรราช” แค่เพียงบางส่วน ฝันเห็น “นายกฯ” มาจาก ปชช.เลือกโดยตรง เชื่อมีความสง่างาม เชื่อสามารถเลือก ครม.ที่เป็นคนดี-คนเก่ง เข้าบริหารประเทศ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"
ในช่วงสนทนารายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันที่ 29 ม.ค. นพ.เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงกรณีการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเขียนใบรับรองแพทย์ให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ว่า การที่ตนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จะดีกว่า เพราะจะทำคนที่ได้รับบาดเจ็บประหยัดเงิน และสะดวกรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ตนได้ปรึกษากับนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งก็ตกลง และได้มีการนัดแนะกันว่าเราจะเขียนใบรับรองแพทย์ให้ทั้งวัน และถ้าหากเขียนไม่หมด เราก็ยินดีที่จะเขียนให้ในอีกครึ่งวัน ฉะนั้นพ่อแม่พี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บโดยมีบาดแผลชัดเจน ในวันที่ 30 ม.ค.นี้ ตนจะอยู่ที่เอเอสทีวีอีกครึ่งวัน โดยจะเริ่มเขียนใบรับรองแพทย์ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
“ขณะที่ผมขึ้นมาที่กรุงเทพฯ มีผู้ใหญ่ และแพทย์รุ่นพี่ได้ให้ข้อคิดและเตือนว่าใบรับรองที่ผมเขียนนั้นอาจจะโดนเล่นงานโดยการฟ้องใบรับรองแพทย์เป็นเท็จ หรืออาจจะโดนเรื่องจริยธรรม ซึ่งหมดสิทธิ์ที่จะประกอบวิชาชีพได้ รวมทั้งผมอาจจะโดนเล่นงานทางอาญา เพราะเงินที่ผู้บาดเจ็บไปเบิกนั้น เป็นเงินจากงบประมาณ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เขียนไปสัก 100 คน หากมีคนไม่ดีสัก 4-5 คน ไปทำลักษณะอย่างนั้น ก็คงต้องกล้าทำ เพื่อให้คนอีกกว่า 90 คน ได้รับผลดี ส่วนความเสี่ยงตรงนี้นั้น เทียบไม่ได้เลยกับ 5 แกนนำพันธมิตรฯ โดยเฉพาะนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ประกาศตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ฉะนั้นผมจึงต้องทำ เพื่อให้ชาวพันธมิตรฯ ทุกคน จะได้มีกำลังใจในการร่วมกันต่อสู้เพื่อประเทศชาติต่อไป” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนเป็นแค่แพทย์ซึ่งเข้าไปดูแลรักษาพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ได้รับบาดเจ็บ โชคอาจจะดี พระอาจจะคุ้มครอง ระเบิดจึงไม่ได้ลงตรงที่ตนอยู่ ทำให้ตนได้ทำหน้าที่จะช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ เพราะ 193 วันที่เราได้ร่วมกันต่อสู้กันมา 10 ชีวิต ที่ต้องจากเราไป และอีกกว่า 20 ชีวิต ที่ต้องพิการ รวมทั้งอีกกว่า 700 ชีวิตที่ต้องได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ นอกจากนี้พี่น้องพันธมิตรฯ ยังต้องเสียสละทิ้งสวน ทิ้งไร่ ทิ้งสวนยาง หรือบางคนเป็นอาจารย์ บางคนก็เป็นพนักงานบริษัท บางคนเป็นหมอ เป็นพยาบาล และเป็นเภสัช ซึ่งได้เสียสละร่วมกันต่อสู้
“คำถาม คือ เราชนะแล้วหรือยัง คำตอบ คือ เราชนะเพียงบางส่วน แต่ส่วนสำคัญยังไม่ชนะ เพราะวัตถุประสงค์ของการที่เรามาชุมนุมนั้น 1.เพื่อขับไล่รัฐบาลทรราช ซึ่งเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2.โค่นล้มระบอบทักษิณ และข้อที่ 3.สร้างการเมืองใหม่ โดยขณะนี้เราสามารถขับไล่หุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แล้ว ส่วนการโค่นล้มระบอบทักษิณนั้น เราทำได้แค่ 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะทุกวันนี้นักโทษชายทักษิณ ยังคงระเหเร่ร่อน และสามารถที่จะเข้ามาป่วนประเทศไทยได้ทุกเวลา รวมทั้งทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอยู่กว่า 300,000 ล้านบาท ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะยึดคืนมาได้สักกี่บาท” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
ส่วนเงินจำนวน 76,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกอายัดไว้นั้น นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวตอนนี้ก็ยังคาราคาซังอยู่ รวมทั้งที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีข่าวการแช่เเข็งเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอาไว้อีกกว่าแสนล้านบาท ก็ยังคงคาราคาซังอยู่ นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีเงินซุกซ่อนอยู่ในประเทศต่างๆ อีกกว่าแสนล้านบาท ซึ่งตอนนี้เรายังไม่รู้ สำหรับเป้าหมายการโค่นล้มระบอบทักษิณนั้น ขณะนี้หลายคนบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมดพิษสงแล้ว แต่ตนบอกได้คำเดียวว่าอย่าเพิ่งตายใจ และคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมดพิษสง แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือ เราต้องการการเมืองใหม่เป็นอย่างมาก เพราะอยากจะหนีพ้นจากการเมืองน้ำเน่า ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 จนถึงวันนี้
“77 ปีแล้ว การเมืองของเรายังวนเวียนอยู่ในวังวนน้ำเน่า หรือบางคนอาจใช้คำศัพท์ว่า วงจรอุบาทว์ ซึ่งเป็นศัพท์ทางรัฐศาสตร์ นั่นก็คือ นายทุนใช้เงินลงทุนในการตั้งพรรคการเมือง แล้วลงทุนซื้อ ส.ส. ส่วน ส.ส.ก็ไปลงทุนซื้อประชาชนจนเขาได้มาเป็น ส.ส. จากนั้นก็เอาตำแหน่ง ส.ส. ไปต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีในการจัดตั้งรัฐบาล และเมื่อเขาได้รัฐมนตรี ก็จัดการเอาตำแหน่งหน้าที่นั้นไปโกงกินคอรัปชั่น เพื่อคืนกลับไปเป็นทุนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยบวกกับกำไรให้นายทุน ซึ่งมันก็จะวนเวียนอยู่อย่างนั้น” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราดีใจว่าเราสู้มาแล้วประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ การขับไล่รัฐบาลซึ่งเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนการเมืองใหม่เรายังไม่ได้เริ่มต้นเลย ขณะเดียวกันประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง เขามีการคัดเลือกผู้นำประเทศหลังจากเราไม่กี่สัปดาห์ แต่สังเกตไหมว่า ผู้นำของเขาขึ้นเป็นผู้นำประเทศอย่างมีความสง่าผ่าเผย มีศักดิ์ศรี และมีภาวะความเป็นผู้นำ ที่สำคัญ เขาสามารถที่จะเลือกฟอร์มทีมรัฐบาล และทีมผู้บริหารได้เป็นอย่างดี โดยแต่ละคนที่เขาเลือกขึ้นมาทำงานนั้น ไม่เพียงแต่คนในประเทศเขาเท่านั้นที่เขาชื่นชมยินดี แต่คนทั่วโลกก็ชื่นชมยินดีด้วย
“ที่ผมพูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีเหมือนกับสหรัฐฯ แต่ราสามารถที่จะสร้างให้นายกฯ ของเรา มีภาวะความเป็นผู้นำเหมือนกับอเมริกา แต่คำถามก็คือ เราเลือกนายกฯ โดยตรงจากประชาชน เหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่ โดยเมื่อเราเลือกเสร็จแล้ว ต้องนำรายชื่อของผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกฯ แทนที่จะให้ ส.ส.เป็นคนเลือกนายกฯ แล้วทำไมเราถึงไม่เลือกนายกฯ โดยตรง และถ้าเราสามารถเลือกนายกฯ ได้โดยตรงแบบนี้ นายกฯ ที่เราเลือก เขาจะมีศักดิ์ศรี และมีภาวะความเป็นผู้นำในการที่จะขึ้นมาบริหารประเทศชาติได้เป็นอย่างดี” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากสังเกตการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ก็จะเห็นว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่นั้น เขามีความสง่างาม และมีศักดิ์ศรี โดยอาจจะมีความสง่างามมากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เสียอีก เพราะผู้ว่าฯ กทม.คนนี้ ไม่ต้องกลัว หรือเกรงใจใคร เพราะเขาไม่ต้องไปห่วงเรื่องงูเห่า หรืองูจงอาง ขณะที่นายอภิสิทธิ์ จำเป็นต้องไปเอางูจงอาง และงูเห่า เข้าไปผสมพันธุ์ ถึงจะได้เป็นรัฐบาล และที่สำคัญ คือ ผู้ว่าฯ กทม.สามารถที่จะเลือกรองผู้ว่าฯ ที่จะมาบริหารบ้านเมืองได้เลย แต่นายกฯ กลับไม่มีสิทธิ์อะไรเลย
“คนไหนที่ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี แล้วพรรคของตัวเองถูกยุบ ซึ่งไม่สามารถจะทำหน้าที่การเมืองต่อไปได้ ก็ยังสามารถเอาภรรยามาเป็นตัวแทนนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีได้ นี่คือความอนาถของบ้านเมืองเรา ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองของเรา เพื่อที่จะพัฒนาจนสามารถหลุดพ้นจากวังวนน้ำเน่าไปเสียที ฉะนั้นหากพวกเราร่วมมือร่วมใจกัน ผมเชื่อว่าการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะผมฝันอยากเห็นนายกฯ ขึ้นมาบริหารประเทศอย่างสง่าผ่าเผย มีศักดิ์ศรี และสามารถที่จะเลือกเฟ้นคณะรัฐมนตรีที่เป็นคนดี และคนเก่งเข้ามาบริหารบ้านเมืองได้โดยไม่ต้องไปเกรงกลัวอิทธิพลของกลุ่มก๊วน ส.ส. หรือแม้กระทั่งนายทุนที่จะมาต่อรองตำแหน่ง” นพ.เกรียงศักดิ์ ระบุ
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับการเมืองใหม่นั้น พี่น้องพันธมิตรฯ คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงอยากจะวิงวอนว่าพ่อแม่พี่น้อง ไม่ว่าจะสวมเสื้อสีแดง หรือสีเหลือง แต่พวกเราสวมหัวใจสีเดียวกัน คือ สีธงไตรรงค์ และไม่ว่าท่านจะอยู่จังหวัดสีแดง หรือจังหวัดสีเหลือง เราต่างก็อยู่ในจังหวัดเดียวกัน คือ จังหวัดประเทศไทย ซึ่งมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขคนเดียวกัน จึงอยากจะวิงวอนให้มาหลอมดวงใจให้เป็นดวงเดียวกัน เพื่อเปลี่ยนการเมืองใหม่ เพราะจะทำให้ประเทศชาติของเราเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และถาวรต่อไปในอนาคต